เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
https://mgronline.com/motoring/detail/9670000124708
ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์จำหน่ายรถยนต์ใหม่เป็นส่วนสำคัญหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานฝั่งการขายและบริการของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งทำกิจกรรมเพื่อหารายได้ 2 ทาง คือการจำหน่ายรถยนต์และการให้บริการซ่อมบำรุงให้กับผู้ซื้อรถยนต์ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันการแข่งขันสูงขึ้นมากในธุรกิจนี้หลังหลายค่ายรถยนต์ใหม่จากจีนเข้ามาแข่งขันเพิ่ม ซึ่งเมื่อรวมกับการเปลี่ยนเทคโนโลยีพลังงานรถยนต์จากรถยนต์สันดาปภายในใช้น้ำมันล้วน (ICE) สู่รถยนต์ไฮบริด (HEV) รถยนต์ปลีกอินไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ทำให้มีผลต่อยอดขายรถยนต์แต่ละค่ายซึ่งกระทบดีลเลอร์โดยตรง
ในปี 2567 ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในไทยต้องเผชิญความยากลำบากตั้งแต่ต้นปี จากปัญหายอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศที่หดตัวสูงและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นมากด้านราคา นำมาสู่ผลกระทบต่อทั้งรายได้จากการขายรถยนต์ของดีลเลอร์ที่ลดลง และต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหลังดีลเลอร์ต้องแบกสต๊อกรถยนต์ที่ยังขายไม่ได้และต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ จนสุดท้ายกลุ่มธุรกิจดีลเลอร์ที่มีสายป่านการเงินไม่มากพอต้องปิดกิจการไป ทำให้คาดว่าจำนวนดีลเลอร์รถยนต์ในปี 2567 จะลดลง 1.4%
ต่อเนื่องมาในปี 2568 คาดว่าสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบตลาดรถยนต์ในประเทศน่าจะยังไม่คลี่คลาย เนื่องด้วยเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการจัดการ ส่งผลให้ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ยังต้องเร่งปรับตัวต่อในหลายรูปแบบเพื่อหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจแม้จะไม่ง่าย ทั้งการหารายได้เพิ่มจากการซ่อมบำรุง และการขยายหรือเปลี่ยนไปทำดีลเลอร์ให้ค่ายรถยนต์อื่นที่ยอดขายยังไปได้
รายได้รวมของดีลเลอร์รถยนต์ปี 2568 คาดปรับลดลง 4.9%
อ่านต่อที่ลิ้งค์ข้างต้น
ปี 2568 ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์เมืองไทยส่อแววฝืดเคือง รายได้หดหาย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
https://mgronline.com/motoring/detail/9670000124708
ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์จำหน่ายรถยนต์ใหม่เป็นส่วนสำคัญหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานฝั่งการขายและบริการของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งทำกิจกรรมเพื่อหารายได้ 2 ทาง คือการจำหน่ายรถยนต์และการให้บริการซ่อมบำรุงให้กับผู้ซื้อรถยนต์ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันการแข่งขันสูงขึ้นมากในธุรกิจนี้หลังหลายค่ายรถยนต์ใหม่จากจีนเข้ามาแข่งขันเพิ่ม ซึ่งเมื่อรวมกับการเปลี่ยนเทคโนโลยีพลังงานรถยนต์จากรถยนต์สันดาปภายในใช้น้ำมันล้วน (ICE) สู่รถยนต์ไฮบริด (HEV) รถยนต์ปลีกอินไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ทำให้มีผลต่อยอดขายรถยนต์แต่ละค่ายซึ่งกระทบดีลเลอร์โดยตรง
ในปี 2567 ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในไทยต้องเผชิญความยากลำบากตั้งแต่ต้นปี จากปัญหายอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศที่หดตัวสูงและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นมากด้านราคา นำมาสู่ผลกระทบต่อทั้งรายได้จากการขายรถยนต์ของดีลเลอร์ที่ลดลง และต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหลังดีลเลอร์ต้องแบกสต๊อกรถยนต์ที่ยังขายไม่ได้และต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ จนสุดท้ายกลุ่มธุรกิจดีลเลอร์ที่มีสายป่านการเงินไม่มากพอต้องปิดกิจการไป ทำให้คาดว่าจำนวนดีลเลอร์รถยนต์ในปี 2567 จะลดลง 1.4%
ต่อเนื่องมาในปี 2568 คาดว่าสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบตลาดรถยนต์ในประเทศน่าจะยังไม่คลี่คลาย เนื่องด้วยเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการจัดการ ส่งผลให้ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ยังต้องเร่งปรับตัวต่อในหลายรูปแบบเพื่อหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจแม้จะไม่ง่าย ทั้งการหารายได้เพิ่มจากการซ่อมบำรุง และการขยายหรือเปลี่ยนไปทำดีลเลอร์ให้ค่ายรถยนต์อื่นที่ยอดขายยังไปได้
รายได้รวมของดีลเลอร์รถยนต์ปี 2568 คาดปรับลดลง 4.9%
อ่านต่อที่ลิ้งค์ข้างต้น