หลอนหนึ่งครั้งและจำตลอดไป

สวัสดีครับซึ่ง ผมอยากจะเล่าว่าผมเป็นเด็กดอยชนเผ่ากะเหรี่ยง ตอนเด็กผมเป็นเด็กที่เกเรและซน เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วตอนช่วงประมาณตอน ป.4 ที่หมู่บ้านผมมีคนตายเฮี้ยนคนหนึ่ง เขาตายโดยฆตต. ตอนนั้นผมเป็นเด็กวัดอยู่ครับ ไปงานศพเสร็จก็ขอพระอาจารย์กลับที่วัดกับเพื่อนอีกคนก่อน

ระหว่างทางกลับก็คุยเล่นๆไปเรื่อยๆแล้วอยู่ๆผมพูดขึ้นมาว่า

"ทำไมตายดีๆไม่ชอบทำไมต้องแขวนคอตัวเองตายด้วยวะ"ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วคันหู(ถ้าย้อนไปได้จะตบปากตัวเองซักที)

ซึ่งตามชนบทประมาณ1-2ทุ่มหมู่บ้านก็เงียบหมดแล้ว ผมกลับจากงานศพถึงวัดประมาณ4ทุ่มกว่าๆ

ตอนนั้นก็ยังไม่หลับก็เล่นเกมจากโน๊ตบุ๊ครอพระอาจารย์กลับมา ประมาณเกือบๆเที่ยงคืนพระอาจารย์2ท่านก็กลับมาผมกัยเพื่อนก็แยกไปนอนอีกฝั่งพระอาจาร์ยก็แยกไปนอนที่ห้องของท่าน ซึ่งหัวเตียงของท่านติดกับหัวเตียงห้องของผม 

พอตกดึกประมาณหนึ่ง ผมเริ่มได้ยินเสียงแปลกๆ

อยากธิบายเพิ่มว่าห้องที่ผมกับพระอาจารย์นอนอยู่เป็นกุฎิปูน ที่ติดกับกุฎิไม้อันเก่าที่แยกออกมาต่อเติมเป็นกุฎิปูนที่นอนอยู่ กุฎิไม้อันเก่าเขาจะเสียบเสาเต้นยาวๆไว้ใต้ถุน เวลามีคนเดินหรือน้ำหนักที่มากๆลงเสียงเสาเต้นจะกระทบกับแผ่นไม้แล้วมีเสียงขึ้น แล้วหน้าห้องประตูห้องนอนผมจะมีตู้เก็บอาหารเป็นตู้ไม้ แล้วซ้ายมือทางประตูจะเป็นห้องน้ำ 

ต่อที่ผมเริ่มได้ยินเสียงแปลกๆคือผมได้ยินเสียงเสาเต้นเริ่มกระแทกกับพื้นไม้กุฎิดัง "กลึก กลึก กลึก กลึก" เหมือนคนกำลังเดินเข้ามา จากนั้นก็หยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องผม จากนั้นเสียงก็หายไป ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร

จากนั้นผมเริ่มได้ยินเสียงเปิดตู้เก็บอาหาร เสียง"แอ๊ดดดดดด" แล้วก็ปิด "ตึ๊ก!!" 

ผมเริ่มคิดว่ามีขโมยมาหรอ ในวัด? ก็ไม่น่าใช่
พระอาจารย์ออกมาหาไรทานหรอ เสียงเปิดประตูห้องพระอาจารย์ก็ไม่ได้ยิน แถมอาจารย์ก็ไม่ฉันเวลานี้? ก็ไม่น่าใช่อีก

จากนั้นผมก็เริ่มได้ยินแบบนี้ซ้ำๆ ซ้ำๆ เสียงเปิดตู้อาหารเสียงปิ่นโตในตู้กระแทรกกัน เหมือนคนกำลังหาอะไรกิน  แล้วเสียงตู้ก็ปิดลง"ตึ๊ก!!"

ซักพักก็ได้ยินเสียงเดินมาหน้าประตูอีกรอบหนึ่ง แล้วเสียงเคาะประตูเบาๆก็เริ่มขึ้น" ก๊อก   ก๊อก   ก๊อก "ผมก็พยายามคิดว่าสุนัขที่วัดมาเกาหมัดหน้าประตูแล้วขาอาจจะกระแทกกับประตูก็ได้ แต่อีกใจก็คิดว่า ขั้นบันไดหน้าประตูมันต้องเก้าขาลงเลยนะ!! แล้วสูงด้วย

จากนั้นเสียงก็เดินไปห้องน้ำแล้วเหมือนพยายามจะดึงประตูห้องน้ำ แต่ประตูห้องน้ำห้องนั้นแน่นมากดึงธรรรมดาไม่ได้ต้องกระชาก พอเสียงดึง2-3ครั้งไม่ได้เสียงก็หายไปอีก

ซักพักเสียงเดินตรงมาเลยจากกุฎิไม้ตรงมายังยังประตูหน้าห้องเลย แล้วเคาะประตูรัวๆเลย แบบ ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วจังหวะเสียงค่อยๆช้าลง ตอนรั้นผมคลุมโป่งอยู่ แล้วพยายามมองช่องใต้ประตู ที่แสงจากพระจันทร์ฉาดๆลงมา แต่ไม่มีเงาอะไรเลยทั้งๆที่เสียงเคาะยังไม่หายความคิดที่ว่าเป็นสุนัขดับวูปเลย

แล้วกลับมาคลุมโป่งเหมือนเดิม ทุกอย่างในเวลานั้นคือเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังเต้นอ่ะ

ใจหนึ่งก็อยากร้องไห้ ใจหนึ่งก็คิดว่าคิดไปเองหูฝาด

จนซักพักได้ยินคนเดินเท้าเข้ามา จากกุฎิไม้มาห้องผมเลย แต่รอบนี้ที่ไม่เหมือนเดิมคือไม่เคาะ และ เดินตรงทะลุเข้ามาแล้วหยุดยืนอยู่ตรงปลายเท้าผมเลย 

จังหวะนั้นคือใช่แน่ๆ กูว่ากูโดนแน่ๆ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนคนกำลังยืนตรง ปลายเท้าแล้วมองลงมา ตอนนั้นคือทั้งเหงื่อแตกทั้งได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง

ผมอยากจะสกิดเพื่อนที่นอนอยู่ฝั่งซ้ายผมแต่ก็ไม่กล้าเอามือออกไป 

จากนั้นเสียงก็ขยับไปอยู่ตรงปลายเท้าเพื่อน แล้วเสียงก็ค่อยๆนอนแนบ นอนทับเพื่อนลงไป ในใจตอนนั้น"จะมานอนชิดกูทำไมมมม" 

แล้วเสียงที่ได้ยินคือเหมือนคนอายุเยอะ หายใจแรงๆเพราะเหนื่อย

จากนั้นผมก็จำได้ว่า เพื่อนบอกว่า กูเอาไฟฉายไว้บนหัวนอนกูนะ ถ้าจะไปเข้าห้องน้ำยิบเอาไปได้เลย จังหวะนั้นผมรวบรวมความกล้าเอามือออกไปคลำบนหัวเตียงเพื่อน แต่!! หัวเตียงไหนว้าากูคลำหาไม่เจอ!!! แล้วรีบเอามือเข้าใต้ผ้าห่มอย่างไว

น้ำตาผมเริ่มมาละ จึงรวบรวมความกล้ารอบสุดท้ายที่เหลืออยู่นิดเดียว คือปลุกเพื่อน ซึ่งเพื่อนกับไอ่ตัวที่หลอกผมนอนจุดเดียวกันก็คือทับร่างกันเลย

ผมรวบรวมความกล้าเอามืออแกไปจะเขย่าเพื่อน แต่ต้องชะงัก เพราะไอ่สิ่งที่แตะโดนมันเหมือนหน้าแข้งและไม่ใช่ขาของเด็ก แต่เป็นขาของผู้ใหญ่ที่ใส่ผ้าขาวม้าหยู่ แล้วมันแฉะๆด้วย (รู้ได้ไงว่าผ้าขาวม้า? เพราะผ้าเขาม้าเป็นผ้าที่โคตรจะบาง และคนอายุเยอะเมื่อก่อนชอบใช้กันด้วยเลยตีเป็นผ้าขาวม้า99.99%) จากนั้นรีบเอามือเข้าผ้าห่มโคตรไวเหนือแสง พร้อมกับเสียงคนแก่ที่ตามมาอย่าเบาๆและโคตรจะน่าขนลุกว่า "หาอะไรอยู่หรอ~"

จากนั้นผมร้องไห้ดังเลยไม่องไม่อายละผมกลัวสุดๆ
ร้องจนเพื่อนตื่น พระอาจารย์ตื่น ถามว่าเป็นไรร้องทำไม คืนนั้นก็เล่าให้พระอาจารย์ฟัง แล้วเวลาตอนนั้นก็ตี2กว่าๆ

คืนนั้นผมเผลอหลับเมื่อไหร่ไม่รู้ เช้ามาแม่มารับที่วัด
กลับไปทำพิธีกรรมที่บ้านเสร็จก็มาทำที่วัดต่อ

จากนั้นก็ได้ใส่ไหมดำและไม่กล้าไปวัดอีกเกือบปี จะไปก็แค่วันพระใหญ่ 

และเวลามีคนพูดเรื่องผีแล้วมีคนที่ไม่เชื่อผมก็มักจะบอกว่า ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่อย่าท้าพอนะ เพราะถ้ามันมาแล้วคุณจะจำภาพนั้นไปตลอดชีวิต
.
"ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ"

.
.
.แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลนะครับ😊
.
.
ถ้าเรื่องเล่าของผมขาดตกบกพร่องไงก็ขออภัยด้วยนะครับ เพราะเป็นครั้งแรกที่มาแชร์อะไรแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่