นั่งคิดไปคิดมาเกิดไอเดีย เห็นรัฐบาลมีนโยบายแจกเงินวอลเล็ต10000บาทและก็มีโครงการแก้หนี้ ดังนั้นถ้าหากจะเอาสองโครงการนี้มารวมกันให้เป็นนโยบาย ปลดภาระหนี้ให้ประชาชนคนละ100000บาท มันน่าจะเกิดผลดีกว่าแจกเงิน หลักการคือให้รัฐบาลดึงหนี้ออกมาบริหาร ก็จะเป็นการช่วยประชาชนส่วนใหญ่ได้แท้ๆช่วยลดความตึงเครียด(และเกิดปัญหาสังคมตามมา) และนโยบายก็คงไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อมาก เพราะเพียงดึงหนี้ออกไปไม่ได้แจกเงินก้อน เมื่อภาระหนี้ลดน้อยลงกำลังซื้อของประชาชนก็จะดีขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจพ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายน้อย ด้วยไม่ใช่แบบแจกเงินก้อน ที่วูบเดียวหาย
แต่ทั้งหมดมีข้อแลกเปลี่ยน โดยจะมีการปรับภาษีในด้านต่างๆ และจะขอขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 2-3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อใช้งบจากส่วนนี้มาบรืหารหนี้ พอบริหารหนี้ได้หมด(ซึ่งไม่รุ้กี่ปี)ต่อไปงบส่วนนี้ก็จะเป็นของรัฐ นอกจากนั้นแล้วยังใช้โครงการนี้จูงใจเพื่อให้เข้าระบบภาษีเป็นการขยายฐานภาษีด้วย เช่นหากเป็นผู้ประกอบการมีการค้าขาย นอกจากปลดหนี้วงเงิน100000 แล้วก็จะให้กู้เพิ่มแบบไม่มีดอกเบี้ยอีกส่วนนึง หากเข้าร่วมระบบภาษี
ทั้งนี้จำนวนวงเงินที่จะให้ใช้ปลดหนี้ มากน้อยแค่ใหนก็ปรับลดได้ คงต้องคำนวนจากรายได้ที่จะได้เพิ่มจากการปรับภาษี
ลงรายละเอียดคร่าวๆอีกซีกนิด บางประเด็นเท่าที่พอคิดได้
1. ปลดภาระหนี้ให้ทุกคนที่อายุไม่น้อยกว่า 20(ทำนิติกรรมได้แล้ว) ไม่ว่าจะหนี้จากที่ใหน อยากให้จ่ายหนี้ให้ใครก็แจ้งมาเพื่อตรวจสอบ ไม่ว่าจะหนี้จากที่ใหน โดยรัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพบริหารหนี้ต่อรองกับเจ้าหนี้เอง(ทำฐานข้อมูลเจ้าหนี้) สมุติคนมีหนี้ล้านนึง ถ้าปลดหนี้ให้แสนนึงดอกเบี้ยจะลดไปเยอะเลยคือที่จ่ายๆมีแต่ดอกเบี้ย แต่ถ้าคนมีหนี้แสนนึง แล้วรัฐปลดหนี้ให้แสนนึงเงินรายรับจะเพิ่มได้ถึง 2000-5000 ต่อเดือน
2. เนื่องจากประชาชนก็หัวหมอ อาจอยากได้เงินมากว่าได้รับชำระหนี้ หรือไม่เป็นหนี้ก็อาจจะก่อหนี้เทียม จะแก้โดยยืดเวลาชำระ เป็นงวดๆละไม่มาก (รอได้รอไป)
3. สำหรับคนไม่เป็นหนี้ หรือหนี้ไม่ถึงวงเงินที่ให้ ก็ใช้วงเงินที่มีหรือที่เหลือเพื่อเว้นภาษีได้ หรือถ้าจะเอาเงินก้ได้ แต่จะชำระเป็นงวดๆ ปีละครั้ง
4. งบประมาณ อาจจะมาจากการออกพันธบัตร (รัฐบาลจะมีรายได้จากภาษีที่จะเก็บเพิ่มเพื่อชำระคืน ก็จะมีหลักประกัน)
5. จะถือว่าทำประชนเสียนิสัยหรือไม่ อันนั้ก็แล้วแต่ ถ้าจะก่อหนี้แบบเดิมๆ และถ้าทำอันนี้รัฐบาลก็หมดงบแล้ว
ภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้น1% รัฐบาลน่าจะได้เงินซัก100000ล้าน (จำนวนวงเงินที่จะให้แต่ละคนปรับลดได้ แต่แสนนึงก็ดูดี)
อ้อ และได้ยินข่าวว่ารัฐบาลแคนาดาจะแจกเงินประชาชนคนละ2000ดอลล่าร์ไวๆนี้ด้วย
คิดว่ายังไงกันบ้าง พอเป็นไปได้หรือมีปัญหาอะไรรึป่าว ครับ
ถ้าหากจะมีนโยบาย ปลดภาระหนี้ให้ประชาชนคนละ100000บาท
แต่ทั้งหมดมีข้อแลกเปลี่ยน โดยจะมีการปรับภาษีในด้านต่างๆ และจะขอขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 2-3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อใช้งบจากส่วนนี้มาบรืหารหนี้ พอบริหารหนี้ได้หมด(ซึ่งไม่รุ้กี่ปี)ต่อไปงบส่วนนี้ก็จะเป็นของรัฐ นอกจากนั้นแล้วยังใช้โครงการนี้จูงใจเพื่อให้เข้าระบบภาษีเป็นการขยายฐานภาษีด้วย เช่นหากเป็นผู้ประกอบการมีการค้าขาย นอกจากปลดหนี้วงเงิน100000 แล้วก็จะให้กู้เพิ่มแบบไม่มีดอกเบี้ยอีกส่วนนึง หากเข้าร่วมระบบภาษี
ทั้งนี้จำนวนวงเงินที่จะให้ใช้ปลดหนี้ มากน้อยแค่ใหนก็ปรับลดได้ คงต้องคำนวนจากรายได้ที่จะได้เพิ่มจากการปรับภาษี
ลงรายละเอียดคร่าวๆอีกซีกนิด บางประเด็นเท่าที่พอคิดได้
1. ปลดภาระหนี้ให้ทุกคนที่อายุไม่น้อยกว่า 20(ทำนิติกรรมได้แล้ว) ไม่ว่าจะหนี้จากที่ใหน อยากให้จ่ายหนี้ให้ใครก็แจ้งมาเพื่อตรวจสอบ ไม่ว่าจะหนี้จากที่ใหน โดยรัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพบริหารหนี้ต่อรองกับเจ้าหนี้เอง(ทำฐานข้อมูลเจ้าหนี้) สมุติคนมีหนี้ล้านนึง ถ้าปลดหนี้ให้แสนนึงดอกเบี้ยจะลดไปเยอะเลยคือที่จ่ายๆมีแต่ดอกเบี้ย แต่ถ้าคนมีหนี้แสนนึง แล้วรัฐปลดหนี้ให้แสนนึงเงินรายรับจะเพิ่มได้ถึง 2000-5000 ต่อเดือน
2. เนื่องจากประชาชนก็หัวหมอ อาจอยากได้เงินมากว่าได้รับชำระหนี้ หรือไม่เป็นหนี้ก็อาจจะก่อหนี้เทียม จะแก้โดยยืดเวลาชำระ เป็นงวดๆละไม่มาก (รอได้รอไป)
3. สำหรับคนไม่เป็นหนี้ หรือหนี้ไม่ถึงวงเงินที่ให้ ก็ใช้วงเงินที่มีหรือที่เหลือเพื่อเว้นภาษีได้ หรือถ้าจะเอาเงินก้ได้ แต่จะชำระเป็นงวดๆ ปีละครั้ง
4. งบประมาณ อาจจะมาจากการออกพันธบัตร (รัฐบาลจะมีรายได้จากภาษีที่จะเก็บเพิ่มเพื่อชำระคืน ก็จะมีหลักประกัน)
5. จะถือว่าทำประชนเสียนิสัยหรือไม่ อันนั้ก็แล้วแต่ ถ้าจะก่อหนี้แบบเดิมๆ และถ้าทำอันนี้รัฐบาลก็หมดงบแล้ว
ภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้น1% รัฐบาลน่าจะได้เงินซัก100000ล้าน (จำนวนวงเงินที่จะให้แต่ละคนปรับลดได้ แต่แสนนึงก็ดูดี)
อ้อ และได้ยินข่าวว่ารัฐบาลแคนาดาจะแจกเงินประชาชนคนละ2000ดอลล่าร์ไวๆนี้ด้วย
คิดว่ายังไงกันบ้าง พอเป็นไปได้หรือมีปัญหาอะไรรึป่าว ครับ