ส.ส.แบงค์ โต้ รมช.คมนาคม ปมหมอชิต2 ย้ำ รวบชั้น 1-3 ช่วยลดค่าดูแล เลี่ยงซ่อมบันไดเลื่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4376254
 
 
ส.ส.แบงค์ โต้อีก ปมหมอชิต2 ย้ำ รวบชั้น 1-3 ช่วยลดค่าดูแล เลี่ยงไม่ต้องซ่อมบันไดเลื่อน ชี้ ไม่ใช่ชาวบ้านไม่ใช้ลิฟต์ แต่ออกแบบไม่เวิร์ก เหมือนไว้ให้ พนง. และผู้บริหารใช้กันเองมากกว่า แนะผู้บริหาร ถามคนใช้บริการเยอะๆ เราคิดเองไม่ได้
 
เมื่อวันที่ 15 มกราคม นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. เขต 9 พรรคก้าวไกลได้ไปตรวจหมอชิตสอง ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา และพบปัญหา 7 ข้อ ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาชี้แจงในหลายประเด็น และส่วนหนึ่งที่ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ได้ออกมาชี้แจงระบุว่า
 
“ตนไม่ได้ดูหมอชิตโดยตรง เรื่องที่โจมตีบันไดเลื่อนพังมา 26 ปีแล้ว เพราะไม่มีอะไหล่ แต่บันไดเลื่อนในมิติของผู้โดยสารที่ไปเยอะ ก็ไม่ควรที่ต้องใช้บันไดเลื่อน ขณะเดียวกันที่บอกไม่มีลิฟต์ แต่ลิฟต์มี 4 ตัว ชาวบ้านเราไม่มีใครใช้ลิฟต์หรอก”

ล่าสุด นายศุภณัฐ ได้แชร์ลิงก์คลิปดังกล่าวผ่าน X โต้ รมช.คมนาคม ข้อความว่า
 
“1) บันไดเลื่อนโดยทั่วไป ถ้าสร้างมาดีแข็งแรง รับน้ำหนักได้สบายครับ อ้างเรื่องคนล้น น้ำหนักเกินอันนี้ไม่ใช่นะครับ ตามห้าง ตามรถไฟฟ้าใต้ดินคนใช้กันมหาศาล ก็ไม่มีปัญหาอะไร

สิ่งที่เขากลัวจริงๆคือ ถุงกระสอบครับ ถ้าไปติดในช่องบันไดเลื่อน แล้วจะอันตราย ถ้าอ้างเรื่องนี้จะฟังขึ้นกว่าครับ
 
2) เรื่องลิฟต์ มันมีแค่ในอาคารครับ แต่ฟังชานชาลาไม่มีครับ และยืนยันว่า มีคนใช้ครับถ้าตำแหน่งที่วางมันเหมาะสม แต่ทุกวันนี้ลิฟต์ ไปอยู่ในอาคาร แต่คนลงรถหน้าอาคาร เขาแบกของขึ้นบันไดไปชั้น 3 เลย เพราะชั้น 3 ขายตั๋วไปภาคอีสาน การแบกของอ้อมไปในอาคารขายตั๋ว เพื่อไปขึ้นลิฟต์มันลำบากครับ ออกแบบมาไม่เวิร์ก เหมือนไว้ให้ พนง. และผู้บริหารใช้กันเองมากกว่า
 
3) ถ้าจะไม่เสียเงินปรับปรุงบันไดเลื่อนทำได้ แต่ท่านต้องเปลี่ยนตัวเองด้วย ผมเคยแนะนำทางเลือก กับ รมช.คมนาคมทั้ง 2 ท่าน และรอง MD บขส. ไปแล้ว คือให้ลองรวบชั้น 3 มารวมกับชั้น 1
 
ด้วยเนื้อที่ชั้น 1 ของตัวอาคารผู้โดยสารค่อนข้างใหญ่ ทำให้เรายัดรวมที่ขายตั๋ว อีสานเหนือ กลาง ไว้ชั้นเดียวกันได้ เพราะทุกวันนี้ที่ขายตั๋วก็ปิดครึ่งๆ
การรวบชั้น 1&3 จะช่วย ลด opex ค่าดูแล ค่าจัดการต่างๆ และลด capex เลี่ยงไม่ต้องซ่อมบันไดเลื่อน เพราะไม่มีใครขึ้นไปซื้อตั๋วชั้น 3 และเอาเงินไปปรับปรุงชานชาลานั่งรอ มีแอร์ ไม่ให้ต้องสูดควันแทนดีกว่าครับ
 
(พวกนี้เป็นเรื่อง asset management ซึ่งผมไม่ได้บอกว่า ผมถูก แต่ถ้าไม่อยากซ่อมบันไดเลื่อนจริงๆ ก็อยากให้ลองพิจารณาข้อเสนอนี้ดูครับ)
 
4) ควรรวบที่ขายตั๋วขายทุกเจ้าให้อยู่ใต้ บขส.เลย จะได้รู้ transaction จริงของแต่ละบริษัท และใช้เนื้อที่ และคนขายตั๋วน้อยลง ประหยัด คชจ.แต่ละบริษัท และป้องกันตั๋วผีด้วย เพราะ บขส.ขายเองทุกใบ และเก็บ GP เอา
 
5) ผมอยากให้ผู้บริหาร ลองสัมภาษณ์คนใช้บริการเยอะๆ ครับ คือเราคิดเองไม่ได้ครับ เพราะเราไม่ใช่คนใช้บริการ คนใช้เขาจะบอกเองครับ ปัญหาคืออะไร ล่าสุดที่คณะ กมธ.คมนาคมไป ผู้โดยสารบ่นให้ฟังว่าอาหารไม่ค่อยอร่อย ถ้าไม่คุยกับเราคงไม่รู้ครับ”

https://twitter.com/SuphanatMFP/status/1746721577629368384

---

 
เพจดัง แฉ ‘ผอ.ไข่ต้ม’ รัวๆ ให้เด็กอัดคลิปบอก ‘เป็นคนดี’ เรียกนักเรียนมารับใช้ที่บ้าน
https://www.matichon.co.th/social/news_4376394

เพจดัง แฉ ‘ผอ.ไข่ต้ม’ รัวๆ ให้เด็กอัดคลิปบอก ‘เป็นคนดี’ เรียกนักเรียนมารับใช้ที่บ้าน
 
กรณีที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน เด็กนักเรียนชาวเขาในโรงเรียนดังกล่าว รวมตัวประท้วงไม่ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนเข้ามาในโรงเรียนด้วยการปิดประตูโรงเรียนทุกช่องทาง เนื่องมาจากวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ผอ.โรงเรียนได้เดินทางไปแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน้อย เพื่อเอาผิดเด็กนักเรียน กรณีโพสต์คลิปอาหารกลางวัน ในถาดหลุมมีข้าวเปล่า ไข่ต้ม 1 ใบ และน้ำพริกตาแดง 1 ห่อขนาดเล็ก ในความผิดฐาน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น ก่อนที่ ผอ.ยกเลิกลงบันทึกประจำวันและจะปรับปรุงเรื่องอาหารให้แก่เด็ก จากนั้นพากันเดินทางกลับ
 
ต่อมา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ส่งนิติกร จากสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) ลงพื้นที่และได้สั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์รายดังกล่าว ออกจากพื้นที่ มาประจำที่ สพฐ. ขณะเดียวกัน ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันนั้น
 
เมื่อวันที่ 15 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” โพสต์ข้อความระบุว่า
 
“ขึ้นหอตี 5 บังคับเด็กอัดคลิป ผอ. ไม่ผิด
 
ฟ้ายังไม่สาง ตี 5 ของวันนี้ 14 มกราคม “ครูรุ่ง” ลูกน้องคนสนิท ผอ.คนดังกล่าว บุกขึ้นหอพักเด็ก ให้อีกคนดูต้นทาง บังคับเด็ก 3 คน เข้าห้องถ่ายคลิปให้พูดว่า “ผอ.เป็นคนดี ไม่ผิด”
 
ไม่พอ ใช้คำพูดกดดันให้บอกว่ามีครูกับนักเรียนคนไหนที่อยู่เบื้องหลังบ้าง โชคดีที่ครูเวรขึ้นไปพอดีเด็กสามคนเลยรอด
 
“ครูรุ่ง” สอนวิชาสังคมเป็นลูกน้องคนสนิทตัวแรง อยู่มานาน
 
อีกคนในทีมแต่ไม่เอี่ยวเหตุการณ์​นี้ คือ “โฟกัส”  พนักงานราชการ ครูกิจการ เป็นหลาน ผอ. คอยสืบหาข่าวว่าใครทำอะไรแล้วรายงานน้าสาวตัวเอง นิสัยชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยึดโทรศัพท์นักเรียน และมีการลงโทษเด็กแบบหนัก ๆ ชอบลงโทษในเวลานอนของเด็ก คือ ช่วงสามสี่ทุ่ม
กลุ่มที่เป็นลูกน้องคนสนิทส่วนใหญ่คือคนที่ ผอ. รับเข้ามา”
 
และล่าสุดทางเพจได้โพสต์ข้อความระแฉต่อรัวๆ ว่า

“เปิดวีรกรรม ผอ.ข้าวไข่ต้ม สมัยอยู่สงขลา
 
ก่อนย้ายไปก่อเรื่องที่ราชประชานุเคราะห์ แม่ลาน้อย ผอ. เป็น ผอ. โรงเรียนราชประชานุเคราะห์แห่งหนึ่ง ใน จ.สงขลา ยืนหนึ่งเรื่องใช้เงิน ร.ร.ได้รับงบมาก ประมาณ 20 กว่าล้าน และเงินเหลือจ่าย 10 กว่าล้าน ผอ. อยู่ 15 เดือน ใช้เงินเหลือหกหมื่นสี่พันกว่าบาท
 
เริ่มตั้งแต่ช่วงรับตำแหน่งใหม่ ๆ ที่โรงเรียน อยากเป็นที่รู้จักให้ผู้ใหญ่รักผู้ใหญ่เอ็นดู จัดกระเช้าของขวัญให้หน่วยงานใหญ่ ๆ ทั้งจังหวัด นายอำเภอ ผู้ว่าฯ พระเกจิชื่อดัง โพนทะนาไปทั่วว่าเป็นน้ำใจจาก ผอ. ซื้อให้เอง กระเช้าถึง ๆ ได้หน้าได้เอ็นดู แต่ทั้งหมดนั้นใช้เงินโรงเรียน
 
จากนั้นก็ ใช้เงิน ร.ร. ซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าบ้านพัก ตั้งแต่ไมโครเวฟ ตู้เย็น ทีวี แอร์ ยันเครื่องซักผ้า รับเด็กผู้ชายที่อยู่หอพักใน ร.ร. มาอยู่ที่บ้านสองสามคน บอกจะนำมาดูแล แต่จริง ๆ เอามาใช้ทำงานบ้าน เป็นเด็กรับใช้ประจำบ้าน
 
โรงเรียนใหม่ เคยมีต้นไม้เยอะ แม่ก็สั่งโค่นจนเหี้ยน ร้อนไปทั้ง ร.ร. ทำนู่นทำนี่ไว้หลายอย่าง แต่ไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
 
เหตุที่นางเบิกจ่ายเงิน ร.ร.คล่องเพราะว่าเป็นโรงเรียนพิเศษ สามารถมีเครื่องรูดเงินเป็นของตัวเองได้ โดยเครื่องจะอยู่กับการเงิน แต่นางใช้อำนาจเอามาไว้ที่ห้องตัวเอง กันการเงินเข้าไปยุ่ง จะรู้อีกทีตอนจ่ายเงินเสร็จแล้ว
 
ยังไม่พอ เอารองฝ่ายการเงินออก เลือกคนที่ตัวเองไว้ใจ ว่านอนสอนง่าย ทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องการเงินเลยมาทำแทน เพื่อจะได้เบิกง่ายจ่ายคล่องตัว
ความใหญ่โตปริ โรงเรียน ของนาง ต่อให้ครูทำหน้าที่ไม่บกพร่อง  แต่โหงวเฮ้งไม่เข้ากับนาง ก็จะปลดจากงานที่ต้องร่วมงานด้วย  ให้ไปอยู่งานที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง
 
ใครมีปัญหาด้วยไม่ว่าเรื่องใด ๆ จะยกชื่อคนใหญ่คนโตมาข่มขู่.. สร้างแผลไว้เยอะมากจนต้องย้ายตัวเองมาโรงเรียนใหม่
  
https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/posts/pfbid0Amyq4TTsGeN2noGQTW7QM9G1YUbsHRVDdNEBmM4XpHUDEp4cg5y7wvLU117ioxodl

https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/posts/pfbid0WUyRVaX7atwi9UTMFvDLDihD7XMbEcvxzGe3HKt5SVT7BQyV5rnCX64LjoMcbqMrl
 

---

เตือน เงินบาทผันผวน หลังนักลงทุนรอฟัง ธปท.เปิดเวทีอธิบายแนวคิดนโยบายดอกเบี้ยวันนี้!
https://www.matichon.co.th/economy/news_4376286

เตือน เงินบาทผันผวน หลังนักลงทุนรอฟัง ธปท.เปิดเวทีอธิบายแนวคิดนโยบายดอกเบี้ยวันนี้

วันที่ 15 มกราคม นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.98 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.50-35.25 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.15 บาท/ดอลลาร์

นายพูนกล่าวว่า โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 34.87-35.15 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนอ่อนค่า ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ซึ่งพอดัชนี PPI ออกมาชะลอลงต่อเนื่องและต่ำกว่าคาด ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดพอคลายกังวลแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจชะลอลงช้า จนทำให้เฟดไม่รีบลดดอกเบี้ยตามคาด โดยภาพดังกล่าว ได้กลับมากดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงและหนุนการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ทำให้เงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ ทั้งนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ หลังเงินดอลลาร์ก็เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความร้อนแรงขึ้น
 
“สัปดาห์ที่ผ่านมา การปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ และของไทย ได้ส่งผลให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง ในสัปดาห์นี้ ควรรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน พร้อมจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และการแถลง Policy Briefing ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)”นายพูนกล่าว
 
นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าการอ่อนค่าอาจเริ่มชะลอลง หลังราคาทองคำรีบาวด์ขึ้น จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความร้อนแรงขึ้น ทว่า เงินบาทอาจผันผวนไปตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของไทย ซึ่งต้องติดตามการแถลง Policy Briefing ของธปท. ในวันจันทร์นี้ และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ควรรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) และสกุลเงินเอเชีย ได้พอสมควร
 
ในส่วนเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ จนทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด
 
“ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward” นายพูนกล่าว
 
นายพูนกล่าวว่า เศรษฐกิจฝั่งไทย ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การแถลง BOT Policy Briefing ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ราว 10.00 น. ของวันจันทร์ที่ 15 มกราคม นี้ โดยเราคาดว่า ธปท. จะพยายามสื่อสารกับผู้เล่นในตลาดและประชาชนว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ระดับ 2.50% ถือว่า เป็นระดับที่เหมาะสมต่อแนวโน้มเศรษฐกิจดังกล่าว