เมื่อหลายปีก่อน ได้เคยมีหนังเกี่ยวกับตำนานสมเด็จพระนเรศวร มหาราช มาให้เราได้ชมกัน แต่ก็ค่อนข้างรวบรัดเนื่องจากต้องจำกัดเวลาในการเล่าเรื่อง และผมเองได้มีโอกาสศึกษาและอ่านประวัติของสมเด็จพระนเรศวรไว้หลายเล่มซึ่งเกี่ยวโยงและสอดคล้องกับพงศาวดารในประวัติศาสตร์ไทยเราก็มี ที่ไม่ตรงกันก็มี และจากที่อ่านมารู้สึกว่า พระราชประวัติในพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นหนังสือที่น่าอ่าน ชวนติดตาม สำนวนอ่านง่าย เข้าใจง่าย และมีความน่าเชื่อถือในเชิงประวัติศาสตร์อย่างสูง เนื่องมาจากท่านได้รวบรวมจากพงศาวดารและจดหมายเหตุหลายเล่มซึ่งท่านเองได้ใช้เหตุใช้ผลในการวิเคราะห์เรื่องราวได้อย่างสมเหตุสมผลและมีความเป็นไปได้สูง เล่มนี้จึงมีมากกว่าตำนานเท่านั้น ผมเองเห็นว่ายังมีเพื่อนๆหลายคนยังไม่มีโอกาสได้ชมภาพยนต์ หรือได้อ่าน หรือได้ศึกษาละเอียด เลยคิดว่าจะเรียบเรียงเนื้อหาโดยย่อมาให้เพื่อนๆอ่านดูเหมือนเป็นไกด์นำทางให้ไปศึกษาเพิ่มเติมต่อ หรือก่อนไปดูหนัง แต่หากมีข้อบกพร่องใดๆขอรับไว้แต่ผู้เดียว แต่หากจะมีความดีใดๆก็ขอยกให้เป็นความดีของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทั้งหมดครับ หรือถ้าเพื่อนๆสนใจอ่านหนังสือเล่มนี้ก็สามารถไปซื้อได้ที่ร้านหนังสือทั่วไปนะครับ ซึ่งปกหนังสือเป็นไปตามรูปนี้ครับ(เนื้อหาที่ผมเอาลงไม่ได้คัดลอกลงมาทั้งหมดนะครับแต่จะพยายามเรียบเรียงให้กระชับขึ้นซักนิดเพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้นครับ)
วัตถุประสงค์ -เพื่อเผยแพร่ความกล้าหาญของวีรกษัตริย์ไทยที่สละชีวิตมาเพื่อแลกกับเอกราชของชาติไทยทุกวันนี้ ให้คนรุ่นหลังได้ภาคภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยครับ
ซึ่งในพระนิพนธ์เล่มนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคคือ
ภาค1 เรื่องบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ แบ่งเป็น 10 ตอน
ภาค2 เรื่องพระนเรศวรทรงกู้บ้านเมืองแบ่งเป็น 22 ตอน
ภาค3 สมเด็จพระนเรศวรทรงแผ่อาณาเขตแบ่งเป็น 30 ตอน
เรื่องย่อภาคที่1 เรื่องบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ
-----ตอนที่ 6-----
กองทัพเมืองลานช้างยกลงมาถึงก่อนก็ตั้งล้อมเมืองพิษณุโลกทางด้านเหนือกับด้านตะวันออก ครั้งกองทัพเรือกรุงศรีอยุธยาขึ้นไปถึง พระยารามฯคุมกองทัพหน้าไปตั้งอยู่ที่วัดจุฬามณีข้างใต้เมืองพิษณุโลก กองทัพหลวงของสมเด็จพระมหินทรฯ ตั้งอยู่ที่ปากน้ำพิงค์ต่อลงมาทางใต้ พระมหาธรรมราชาจึงซ้อนกลแกล้งทำแพไฟไหม้ปล่อยลอยลงมาเผาเรือกองทัพพระยารามฯ(เมืองพิษณุโลกเป็นเมืองที่มีแม่น้ำผ่ากลางจึงสามารถปล่อยแพไหม้ไฟลงมาถึงกองทัพอยุธยาได้) เลยต้องถอยลงมาหากองทัพหลวง ฝ่ายกองทัพเมืองลานช้างรู้ว่ากองทัพในกรุงฯขึ้นไปถึงก็เตรียมจะเข้าตีเมืองพิษณุโลกตามที่นัดกันไว้แต่ได้ยินว่ากองทัพของพระยารามฯ ถอยลงไปเสียแล้วก็ยั้งอยู่ ยิ่งพอรู้ว่ากองทัพเมืองหงสาวดีเข้ามาช่วยพิษณุโลก พระเจ้าไชยเชษฐาก็เลยต้องล่าทัพถอยไปจากเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระมหินทรฯรู้ว่าแผนที่วางไว้ไม่สำเร็จจึงถอยกองทัพกลับคืนมายังพระนครฯ
ฝ่ายกองทัพหงสาวดีซึ่งคุมมาโดยแม่ทัพทั้งสองคือพระยาพุกามกับพระยาเสือหาญมาถึงช้าไปไม่ทันได้รบข้าศึกก็เกรงความผิดจึงยกติดตามกองทัพลานช้างต่อไป แต่ไปเสียกลพระเจ้าไชยเชษฐาถูกล้อมต้องพ่ายทัพหนีกลับมาเลยกลัวพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองจะลงอาญาจึงอ้อนวอนพระมหาธรรมราชาให้ช่วยทูลขอยกโทษให้ พระมหาธรรมราชเห็นได้ทีที่จะไปกราบทูลพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเรื่องโดนพระมหินทร์ปองร้าย จึงออกเดินทางไปยังเมืองหงสาวดี พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเองก็เห็นได้ทีที่จะตัดกำลังไทยในการบุกอยุธยาอีกครั้งหนึ่งก็ตั้งพระมหาธรรมราชาให้เป็นเจ้าฟ้าศรีสรรเพ็ชญ์ เจ้าประเทศราชครองเมืองเหนือทั้งปวงโดยไม่ต้องขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยาอีกต่อไป
ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเมื่อได้ทราบว่าพระมหาธรรมราชาออกไปเมืองหงสาวดี สมเด็จพระมหินทรฯก็คาดว่าคงไปยุยงให้เกิดเหตุร้ายอย่างใดอย่างหนึ่ง ขณะนั้นเผอิญประจวบเวลาสมเด็จพระมหาจักรพรรดิซึ่งทรงผนวชเสด็จกลับเข้ามายังพระนคร สมเด็จพระมหินทรฯก็เชิญเสด็จขึ้นไปยังเมืองพิษณุโลกด้วยกัน โดยอ้างว่าสงสารพระวิสุทธิกษัตรีกับพระโอรสธิดาที่ต้องอยู่เปล่าเปลี่ยว จะรับลงมาอยู่ในพระนครจนกว่าพระมหาธรรมราชาจะกลับ จึงจะส่งคืนขึ้นไป แต่เมื่อพระเจ้าหงสาวดีทราบว่าครอบครัวของพระมหาธรรมราชาถูกจับเป็นตัวจำนำ ก็ถือว่าสมเด็จพระมหินทรฯดูหมิ่น จึงสั่งให้พระมหาธรรมราชากลับเข้ามาเกณฑ์รี้พลพาหนะทางเมืองเหนือเตรียมไว้ พอฤดูแล้งพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองก็ยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง นับเป็นศึกหงสาวดีครั้งที่สาม ซึ่งจัดเป็นครั้งที่อยุธยาพ่ายแพ้ยับเยินและถือว่าเป็นการเสียกรุงครั้งที่1.ในปีพศ.2112 (ครั้งแรกคือศึกพระศรีสุริโยทัย พศ.2092 ครั้งที่สองคือสงครามช้างเผือก ในปีพศ. 2106)
-----จบตอนที่ 6-----
ตอนต่อไป ภาค 1 ตอนที่ 7
ตอนที่แล้ว ภาค 1 ตอนที่ 5
พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1 (ตอน 6)
วัตถุประสงค์ -เพื่อเผยแพร่ความกล้าหาญของวีรกษัตริย์ไทยที่สละชีวิตมาเพื่อแลกกับเอกราชของชาติไทยทุกวันนี้ ให้คนรุ่นหลังได้ภาคภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยครับ
ซึ่งในพระนิพนธ์เล่มนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคคือ
ภาค1 เรื่องบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ แบ่งเป็น 10 ตอน
ภาค2 เรื่องพระนเรศวรทรงกู้บ้านเมืองแบ่งเป็น 22 ตอน
ภาค3 สมเด็จพระนเรศวรทรงแผ่อาณาเขตแบ่งเป็น 30 ตอน
ฝ่ายกองทัพหงสาวดีซึ่งคุมมาโดยแม่ทัพทั้งสองคือพระยาพุกามกับพระยาเสือหาญมาถึงช้าไปไม่ทันได้รบข้าศึกก็เกรงความผิดจึงยกติดตามกองทัพลานช้างต่อไป แต่ไปเสียกลพระเจ้าไชยเชษฐาถูกล้อมต้องพ่ายทัพหนีกลับมาเลยกลัวพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองจะลงอาญาจึงอ้อนวอนพระมหาธรรมราชาให้ช่วยทูลขอยกโทษให้ พระมหาธรรมราชเห็นได้ทีที่จะไปกราบทูลพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเรื่องโดนพระมหินทร์ปองร้าย จึงออกเดินทางไปยังเมืองหงสาวดี พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเองก็เห็นได้ทีที่จะตัดกำลังไทยในการบุกอยุธยาอีกครั้งหนึ่งก็ตั้งพระมหาธรรมราชาให้เป็นเจ้าฟ้าศรีสรรเพ็ชญ์ เจ้าประเทศราชครองเมืองเหนือทั้งปวงโดยไม่ต้องขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยาอีกต่อไป
ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเมื่อได้ทราบว่าพระมหาธรรมราชาออกไปเมืองหงสาวดี สมเด็จพระมหินทรฯก็คาดว่าคงไปยุยงให้เกิดเหตุร้ายอย่างใดอย่างหนึ่ง ขณะนั้นเผอิญประจวบเวลาสมเด็จพระมหาจักรพรรดิซึ่งทรงผนวชเสด็จกลับเข้ามายังพระนคร สมเด็จพระมหินทรฯก็เชิญเสด็จขึ้นไปยังเมืองพิษณุโลกด้วยกัน โดยอ้างว่าสงสารพระวิสุทธิกษัตรีกับพระโอรสธิดาที่ต้องอยู่เปล่าเปลี่ยว จะรับลงมาอยู่ในพระนครจนกว่าพระมหาธรรมราชาจะกลับ จึงจะส่งคืนขึ้นไป แต่เมื่อพระเจ้าหงสาวดีทราบว่าครอบครัวของพระมหาธรรมราชาถูกจับเป็นตัวจำนำ ก็ถือว่าสมเด็จพระมหินทรฯดูหมิ่น จึงสั่งให้พระมหาธรรมราชากลับเข้ามาเกณฑ์รี้พลพาหนะทางเมืองเหนือเตรียมไว้ พอฤดูแล้งพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองก็ยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง นับเป็นศึกหงสาวดีครั้งที่สาม ซึ่งจัดเป็นครั้งที่อยุธยาพ่ายแพ้ยับเยินและถือว่าเป็นการเสียกรุงครั้งที่1.ในปีพศ.2112 (ครั้งแรกคือศึกพระศรีสุริโยทัย พศ.2092 ครั้งที่สองคือสงครามช้างเผือก ในปีพศ. 2106)