พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค1(ตอน4)

เมื่อหลายปีก่อน ได้เคยมีหนังเกี่ยวกับตำนานสมเด็จพระนเรศวร มหาราช มาให้เราได้ชมกัน แต่ก็ค่อนข้างรวบรัดเนื่องจากต้องจำกัดเวลาในการเล่าเรื่อง และผมเองได้มีโอกาสศึกษาและอ่านประวัติของสมเด็จพระนเรศวรไว้หลายเล่มซึ่งเกี่ยวโยงและสอดคล้องกับพงศาวดารในประวัติศาสตร์ไทยเราก็มี ที่ไม่ตรงกันก็มี และจากที่อ่านมารู้สึกว่า พระราชประวัติในพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นหนังสือที่น่าอ่าน ชวนติดตาม สำนวนอ่านง่าย เข้าใจง่าย และมีความน่าเชื่อถือในเชิงประวัติศาสตร์อย่างสูง เนื่องมาจากท่านได้รวบรวมจากพงศาวดารและจดหมายเหตุหลายเล่มซึ่งท่านเองได้ใช้เหตุใช้ผลในการวิเคราะห์เรื่องราวได้อย่างสมเหตุสมผลและมีความเป็นไปได้สูง เล่มนี้จึงมีมากกว่าตำนานเท่านั้น ผมเองเห็นว่ายังมีเพื่อนๆหลายคนยังไม่มีโอกาสได้ชมภาพยนต์ หรือได้อ่าน หรือได้ศึกษาละเอียด  เลยคิดว่าจะเรียบเรียงเนื้อหาโดยย่อมาให้เพื่อนๆอ่านดูเหมือนเป็นไกด์นำทางให้ไปศึกษาเพิ่มเติมต่อ หรือก่อนไปดูหนัง แต่หากมีข้อบกพร่องใดๆขอรับไว้แต่ผู้เดียว แต่หากจะมีความดีใดๆก็ขอยกให้เป็นความดีของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทั้งหมดครับ หรือถ้าเพื่อนๆสนใจอ่านหนังสือเล่มนี้ก็สามารถไปซื้อได้ที่ร้านหนังสือทั่วไปนะครับ ซึ่งปกหนังสือเป็นไปตามรูปนี้ครับ(เนื้อหาที่ผมเอาลงไม่ได้คัดลอกลงมาทั้งหมดนะครับแต่จะพยายามเรียบเรียงให้กระชับขึ้นซักนิดเพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้นครับ)
 
วัตถุประสงค์ -เพื่อเผยแพร่ความกล้าหาญของวีรกษัตริย์ไทยที่สละชีวิตมาเพื่อแลกกับเอกราชของชาติไทยทุกวันนี้ ให้คนรุ่นหลังได้ภาคภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยครับ
 
ซึ่งในพระนิพนธ์เล่มนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคคือ
ภาค1 เรื่องบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ แบ่งเป็น 10 ตอน
ภาค2 เรื่องพระนเรศวรทรงกู้บ้านเมืองแบ่งเป็น 22 ตอน
ภาค3 สมเด็จพระนเรศวรทรงแผ่อาณาเขตแบ่งเป็น 30 ตอน

 
เรื่องย่อภาคที่1 เรื่องบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ
 
-----ตอนที่4-----
 
     ตั้งแต่เสร็จศึกหงสาวดีครั้งที่2 พอสมเด็จพระมหินทราธิราชขึ้นครองกรุงศรีอยุธยาก็เริ่มรังเกียจกันกับพระมหาธรรมราชา น่าจะเป็นด้วยทรงเห็นว่าเมื่อยอมแพ้แก่ข้าศึกแล้วประจบประแจงพระเจ้าหงสาวดีเกินกว่าเหตุ ส่วนพระมหาธรรมราชาก็ไม่คิดนับถือสมเด็จพระมหินทราธิราชเช่นเดียวกันและอาจเคยดูหมิ่นกันมาว่าไม่ทรงพระปรีชาสามารถ อีกสาเหตุมาจากพระยาราม เจ้าเมืองกำแพงเพชร เอาใจออกห่างจากพระมหาธรรมราชาขอลงมารับราชการในกรุงศรีอยุธยาและสมเด็จพระมหินทราธิราชเองก็ทรงมอบความดีความชอบพระยารามให้เป็นว่าที่สมุหนายก บังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายเหนือ ซึ่งทำให้พระมหาธรรมราชาไม่พอใจ เลยขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาซึ่งยังทำให้เกิดความระแวงสงสัยซึ่งกันและกันต่อมาอีก

     ต่อมาปีพศ.2107 พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองได้ยกทัพไปตีเชียงใหม่เพราะแข็งเมือง เมื่อตีได้จึงให้พระมหาอุปราช(นันทบุเรง) ยกทัพไปตีเวียงจันทร์ถึงแดนล้านช้าง พระเจ้าไชยเชษฐาเห็นท่าจะเสียเปรียบจึงทิ้งเมืองเวียงจันทร์และพากองทัพหลบหนีเข้าป่า เมื่อพระมหาอุปราช(นันทบุเรง)ไปถึงจึงยึดเมืองเวียงจันทร์ได้โดยง่าย ครั้นรู้ว่าพระเจ้าไชยเชษฐานำกองทัพหลบหนีเข้าป่าก็ไม่ตามไปเพราะเริ่มเข้าฤดูฝน ได้แต่ยึดเมืองเวียงจันทร์เอาไว้เป็นที่มั่น ส่วนพระเจ้าไชยเชษฐาและชาวล้านช้างได้ใช้แผนกองโจรตอบโต้กองทัพหงสาวดีโดยเน้นไปที่การตัดลำเลียงเสบียงอาหาร นานเข้าจนสิ้นฤดูฝน กองทัพหงสาวดีถึงกับอดอยากผู้คนล้มตายกันโดยมาก จึงขาดกำลังในการทำสงครามต้องล่าทัพกลับไป พระเจ้าไชยเชษฐาจึงนำกองทัพไล่ติดตามตีข้าศึกจนแตกพ่าย เสียรี้พลพาหนะไปอีกเป็นอันมาก และการพ่ายแพ้ของกองทัพหงสาวดีครั้งนี้ถือเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกของพระเจ้าบุเรงนอง เพราะตั้งแต่ตั้งตนเป็นกษัตริย์ไม่เคยต้องถอยร่นหนีข้าศึกแบบนี้ ถึงกระนั้นกองทัพหงสาวดีก็สามารถนำ มเหสีเทวีและอุปราชญาติวงศ์ซึ่งอยู่ในเวียงจันทร์กลับไปพร้อมกองทัพด้วย ขณะที่ชื่อเสียงพระเจ้าไชยเชษฐาก็ได้เลื่องลือในฐานะวีรบุรุษขึ้นมาในศึกครั้งนี้

     เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐากลับมาครองเมืองได้จึงคิดจะหาพระมเหสีใหม่โดยสืบหาราชธิดาในประเทศที่ใกล้เคียง พบว่าในกรุงศรีอยุธยามีราชธิดาพระองค์เล็กสุดของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับพระสุริโยทัยพระนามว่าพระเทพกษัตรี อีกอย่างพระเจ้าไชยเชษฐาเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาก็แค้นเคืองเมืองหงสาวดีอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นสัมพันธไมตรีกันก็จะได้ช่วยกันต่อสู้ศึกหงสาวดีในวันหน้า จึงมีราชสาส์นมายังสมเด็จพระมหินทรฯ ทูลขอพระเทพกษัตรีไปอภิเษกเป็นพระมเหสี ฝ่ายสมเด็จพระมหินทรฯก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน จึงยินดีที่จะเป็นสัมพันธมิตรกับพระเจ้าไชยเชษฐา
 
-----จบตอนที่4-----


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ตอนต่อไป ภาค 1 ตอนที่ 5

ตอนที่แล้ว ภาค 1 ตอนที่ 3
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่