ลูกน้องเอาลูกมาเลียงที่ทำงานไม่ได้ขออนุญาติหัวหน้างาน และทำงานก็ได้ไม่เต็มที่

เป็น ผู้จัดการสาขา เพิ่งมาทำได้ 3 เดือนเข้าเดือนที่ 4 บริษัทมีทั้งหมด 10 สาขา เราดูแล 1 สาขา มีพนักงานรวมเราทั้งหมด 13 คน ส่วนออฟฟิศ ที่อยูห้องเดียวกัน 3 คน รวม ผจก.ที่เหลือไม่ค่อยได้อยุ่ออฟฟิศ

- ช่วงสัปดาห์แรกเห็นน้องผู้หญิงคนนึงเอาลูกมาเลี้ยงวันเสาร์ ในมุมที่เป็นแม่คนเหมือนกันก็เข้าใจว่าอ่อหยุดเลยเอาลูกมาด้วย แต่พอทำงานไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าพนักงานคนนี้เขาเอามาทุกวันเสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (รร. หยุด) ซึ่งแรกๆ ก็ไม้ได้คิดอะไรเพราะเราเองก็ยังไม่ได้แอคชั่นเรื่องงานระบบงานเท่าที่ควรเหมือนแบบเพิ่งมาก็ปล่อยๆ ดูๆ ไปก่อน
- แต่พอเริ่มแอคชั่นเรื่องการทำงานที่เคยอยู่กันแบบหย่อนยาน เอื้อให้กัน เพราะเป็นสาขา สนง.ใหญ่ มิได้มาดูแลเองซึ่งโดยรวมมันก็ถือว่าพอใช้  แต่พอเริ่มเข้าที่เราก็เริ่มแอคชั่นงานด้านต่างๆ เริ่มด้วยกฏระเบียบและระบบ สำหรับพนักงานที่เราจะกล่าวถึงเป็นตำแหน่งธุรการคลังเราเห็นว่าเขาทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะวันเสาร์เนื้องานไม่ได้เลยเพราะต้องเลี้ยงลูก (เด็กน่าจะสัก 3 ขวบ) วันปกติก็มักมาสายและกลับตรงเวลา และชอบบ่นว่าทำงานไม่ทัน และที่สำคัญให้พนักงานที่มาก่อนตอกบัตรลงเวลางานให้ซึ่งทำแบบนี้กันทุกคน (ยกเว้น ผจก. และฝ่ายขาย)
- ช่วงแรกน้องที่เป็นบัญชีก็มาบ่นเรื่องงานว่าถ้าเขามองเขาให้คะแนนแค่ 70-80% ทำงานได้ไม่เต็มที่ วันเสาร์เขาก็ต้องเอางานที่ไม่ใช้สมองมากมาทำแทน เพราะบางวันไม่มีสมาธิ เรื่องนี้เราเคยบอกน้องว่าอยู่กันมาก่อน คุยกันได้ก็คุยกันตรงๆ เลย โดยส่วนตัวเราเข้าใจไม่ติดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หากทำงานได้ดีไม่หลุด และซัพพอตเราได้  แต่ประเด็นคืองานมีหลุดบ้าง และเป็นคนดื้อเงียบ บอกมักฟังไม่จบและจะอธิบายในส่วนของเขา ไม่ยอมเปลี่ยนจะทำแบบเดิมที่เคยทำ พอถูกตำหนิก็เหมือนฟังแต่ก็ไม่ได้ทำตาม หรือ ปล่อยลอยไปเลย คือพนักงานคนนี้เขาไม่ค่อยคุยชอบไปคุยกันเองกับน้องบัญชี ไม่ค่อยเข้าหาไม่แม้จะทักทายกันตอนเช้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เรามาทำงาน (อันนี้เรามองว่าเป็นมารยาทนะที่ควรมี) ตำแหน่งงานเขาเป็นธุรการต้องจ่ายงานให้ฝ่าย ขนส่ง คลัง เคยเรียกมาตำหนิและออกใบเตือน ด้วยเหตุ ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ใช้อำนาจจากตำแหน่งที่มิใช่อำนาจในตำแหน่งตนเองในเรื่องที่ทำสั่งการโดยพละการณ์ ทั้งๆ ที่ตนเองไม่มีสิทธิ์และไม่มีอำนาจสั่งการ และตบท้ายว่าด้วยเรื่องการเอาลูกมาเลี้ยง ว่าเราเข้าใจในฐานะแม่นะก็อธิบายไป และตบท้ายด้วยคำถามที่ว่าเขาเคยคิดจะมาขอเราหรือไม่เดิมอาจตกลงอะไรกันไว้กับ ผจก. คนเดิม เราไม่รู้ แต่เปลี่ยนผู้บริหารก็ควรมาขอหรือแจ้งกันหน่อย เขาไม่ตอบ ได้แต่นั่งฟัง แต่เราก็ไม่ได้บอกว่าให้เอามาได้หรือไม่ได้ แต่สุดท้ายก็เอามาเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (วันเสาร์ สนง.ใหญ่จะทำงาน ครึ่งวัน สาขาทำเต็มวันงานก็เบาๆ บางวันก็จะยุ่ง แต่ที่ผ่านมาก็แวบหายไม่มาทำงานตอกบัตรและตัวไม่อยู่ นั่งเล่น นอนเล่นกัน)

ส่วนตัวเราหากให้แยก ได้ 3 ข้อ หลักๆ คือ

1. เนื้องาน จ-ศ ทำได้  70-75% วันเสาร์งานทำได้ 10%
2. การทำงานจากที่เรียกออกใบเตือน เขาก็เปลี่ยนไป เรายังมอง + ว่า เขาเสียความมั่นใจในการจัดสินใจหรือ แต่ดูๆ ก็ไม่น่าจะเพราะที่ทำหนิออกใบเตือนไปนั้น มิใช่หน้าที่เขาเลย แต่ทุกวันนี้ที่เขาเคยทำเขากลับไม่ทำ ปล่อยทะลุมาถึงเรา ซึ่งหลายๆ เรื่องมันจบที่เขาได้เลย
3. เรื่องานเรามีแพลนเรียกมาคุย ให้เข้าใจ ให้ชัดว่าอะไรได้ ไม่ได้ (ตอนนี้หากมอง - เราคิดว่าเขาประชดท้าทาย หาก + คือทำตัวไม่ถูก) แต่ที่หนักใจคือเรื่องลูกเขา หากทำงานได้แบบนี้ เราก็ไม่ OK หรอกกับการที่เอาลูกมาเลี้ยงทุกวันเสาร์และวันหยุด แต่อีกมุมก็เห็นใจสงสาร ตอนนี้หนักใจหากตำหนิเรื่องงานก็กลายเป็นมีอคติ และพลาดเรื่องเอาลูกมาเลี้ยง 

อ่อ หนี้บัตรต่างๆ ที่พนักงานคนนี้ก่อไว้โทรมาบ่อยแรกๆ ไม่รับสายให้น้อง บช. แบกหน้า ถามก็ไม่บอกอ้อมแอ้มๆ คือช่วยกัะนปิดกลัวเรารู้ละจะโดนตำหนิ ตอนนี้ หนี้ต่างๆ โทรตาม ทาง สนง. ใหญ่บ้าง มาทางสาขาบ้าง อันนี้ส่วนตัวเขาก็เคยบอกว่าให้รับมิใช่ให้โทรเข้าออฟฟิศตลอด พอบอกก็เถียงว่าเขาติดต่อตนไม่ได้ ก็จะได้ได้อย่างไร เปลี่ยนเบอร์หนีหนี้ ก็ไม่แปลกที่เขาตามมาที่ทำงานอ่ะ คนเรามีหนี้ได้นะ ไม่มีจ่ายก็เข้าใจแต่อย่าให้เดือนร้อนกับที่ทำงานอะ พอคุยก็บอกยอดไม่เยอะ แต่ก็ไม่ใช้ คือ คำตอบแต่ละคำเขามันย้อนแย้งกับความจริงหมด เอาตรงๆ หากเป็นแบบนี้ก็ไม่อยากได้ แต่ก็ติดตรงที่ สงสาร

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่