ศาลแรงงานมีคำพิพากษาว่า ลงโทษไม่ชอบด้วยกฏหมาย แต่ผู้บริหารเห็นว่า พึงปฏิบัติแล้ว

ผมทำงานธนาคาร 20 ปี ถูกลงโทษ"ให้ออก" เพราะ  1 .ไม่นำเสนอขายประกันชีวิต  2. ไม่ให้ความร่วมมือมาขายประกันชีวิตในวันเสาร์ ทำให้ธนาคารได้รับความเสียหาย  เป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของธนาคาร  สั่งลงโทษ "ให้ออก" โดยไม่ให้ได้รับผลประโยชน์ใดๆตามสิทธิที่ควรได้รับปัจจุบันต้องยอมรับว่าการขายประกันชีวิตเป็นสิ่งสำคัญของพนักงานแบงค์   ได้รับความสำคัญถึง 70% ส่วนงานด้านบริการลูกค้าได้รับความสำคัญ 30%ทำให้เกิดการร้องเรียนเรื่องการบังคับขายประกันชีวิตให้ลูกค้า ด้านบริการก็ไม่ใส่ใจเมื่อถูกปฎิเสธไม่ซื้อประกันต่างๆ  มีเรื่องร้องเรียนต่อ แบงค์ชาติ  สคบ. กลายเป็นปัญหาสังคมที่ลูกค้าเอือมระอา...เมื่อมาใช้บริการที่สาขา    ผู้บริหารต้องออกทีวีชี้แจงว่า... ไม่มีนโยบายให้พนักงานบังคับขายประกันชีวิตหรือผลิตภัณฑ์ของธนาคาร  พนักงานทำกันเอง เพราะต้องการเงินรางวัลจากการขาย และต้องการให้เป็นผลงาน ในการพิจารณาขึ้นเงินเดือนของตนเอง    แต่คดีของผม ศาลท่านวินิจฉัยว่า "  สาเหตุที่แท้จริงในการเลิกจ้างคือ ผมไม่มีผลงานตามที่ ผจก.สาขา กำหนด  " ไม่ใช่  ไม่นำเสนอขายประกันชีวิต ตามที่ ผจก.สาขา  กล่าว   เพราะผมมีลูกค้า เป็นพยานร่วมเจ็ดสิบคนว่า  "ผมไปเสนอขายประกันชีวิตและผลิตภัณฑ์ของธนาคาร"  จริง    ซึ่งบางคนก็ช่วยซื้อประกันชีวิต  บางคนก็ช่วยซื้อผลิตภัณฑฺ์อย่างอื่น ทำให้คำกล่าวหาของ ผจก. ถูกหักล้างโดยสิ้นเชิง  การบริการลูกค้าทุกคนด้วยใจ  ผมถึงได้รับ การช่วยเหลือจากลูกค้าที่ยอมเสียสละเวลามาเป็นพยานให้  ทั้งที่ผมไม่ใช่คนในท้องที่นั้นๆ   งงมั้ย...ไม่มีนโยบายบังคับให้ขายประกัน  แต่ถ้าไม่มีผลงานขายประกัน สั่งลงโทษขั้นตักเตือนเป็นหนังสือ...ทำไม   ก่อนลงโทษ "ให้ออก"  ผจก.สาขา ก็ไม่ได้พิจารณาขึ้นเงินเดือนให้     เนื่องจากมีผลงานประกันชีวิตไม่ได้ตามเป้าหมาย  ผมก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร เพราะ ผลงานด้านบริการสำคัญเพียง 30%  ต้องยอมรับครับ  
                    กรณี ไม่ให้ความร่วมมือมาขายประกันชีวิตในวันเสาร์  ก่อนหน้านี้อยู่สาขาคลอง16  โดนกดดันว่าถ้าอาทิตย์นี้ขายประกันไม่ได้ จะย้ายให้ไปอยู่ที่อื่น ผมไม่ต้องการย้ายไปไกลจากบ้านอีก จึงยอมเอาเงินที่กันไว้จ่ายค่าบ้านที่ต้องผ่อน ออกมา  59,200 บาท ทำประกันให้ลูกสาวสองคน จ่ายเงินเรียบร้อบ เข้าไปถาม ผจก.สาขา16 ว่าจะอยู่ต่อได้อีกนานมั้ย  ได้รับคำตอบว่า " มันน้อยมาก ไม่รู้ว่าจะอยู่นานมั้ย" ผมคิดอยู่สองวันตัดสินใจยกเลิกประกันทันที ไม่นานถูก ตั้งข้อหาด้วยวาจาว่า  "มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจให้ทำงานธนาคาร"   ให้ไปนั่งเฉยๆสามเดือน ที่ สยง.เขตฯ   ไม่ได้ตั้งกรรมการสอบสวน
ผจก.เขตฯ บอกให้พิจารณาตัวเอง  ผมย้อนถามว่า ทุจริต ทำผิดอะไร ทำไมต้องลาออก  ผจก.เขตฯ  ตอบไม่ได้  แล้วส่งไปช่วยงานที่สาขาคลองรั้ง ปราจีนบุรี  ผมรู้สึกว่าโดนกลั่นแกล้ง ร้องเรียนกรรมการผู้จัดการใหญ่ถึง 3 ครั้งถึงยอมตั้งกรรมการสอบสวน ผจก.สาขา16และ ผจก.เขตฯ  เมื่อผมไปช่วยงานที่สาขาคลองรั้ง ได้บอกกล่าว  ผจก.สาขาคลองรั้งว่า อย่ารับผมมาประจำสาขาที่นี่นะ  ครอบครัวผมอยู่ กทม.  ลูกสาวยังเด็กอยู่แม่ยายก็ป่วยหนักนอนให้ออกซิเจนอยู่นานนับปี  เสียชีวิตไปเมื่อเมษายน 2557   (ผมนำประว้ติการรักษาของแม่ภรรยา มาเป็นพยานว่า เป็นสาเหตุที่ไม่สะดวกมาทำงานให้ในวันเสาร์)   ปรากฏว่า มีคำสั่งให้ผมประจำอยู่ที่คลองรั้ง  และผลการสอบสวนออกมาว่า " ผมกล่าวโทษ ผจก.สาขาคลอง 16 และ ผจก.เขตฯ  โดยคิดไปเองปราศจากข้อเท็จจริง " ทั้งๆที่ผมมีพยานบุคคลเป็นลูกค้า  ที่มาสาขาแล้วไม่พบผมจึงโทรเข้ามือถือผม ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลูกค้าฟัง  มีลูกค้าสองรายมาเยี่ยมผม ที่ สนง.เขต แนะนำให้อ่าน"ชินบัญชร" เวลาไม่ต้องทำอะไร  ผมไม่คิดร้องเรียนอีกแล้ว ผจก.สาขาคลองรั้ง บอกว่า" ไม่มีผลงานด้านประกันชีวิตพูดเสียงไม่ดัง ฟังไม่มีน้ำหนัก  มีผลงานเสียงจะดัง ทำอะไรก็ไม่ผิด " ผมตัดสินใจทำงานที่คลองรั้งให้มีความสุข บริการลูกค้าให้ดีที่สุด  แต่ผลงานด้านขายประกันไม่ดี  เริ่มไม่เป็นที่พอใจ ยื่งไม่ทำตามคำสั่งที่สั่งให้ผม  อย่าให้ลูกค้ารายหนึ่งแลกธนบัตร 20 50 100 เพราะลูกค้ารายนี้ ไม่ช่วยทำประกันชีวิต
ให้มันไปแลกที่อื่น แบงค์นะไม่ใช่มูลนิธิ  วันรุ่งขึ้นลูกค้ารายนี้มาขอแลก ผมให้แลกไป ทันทีที่ลูกค้าออกจากสาขา ผจก.สาขาคลองรั้ง เดินมาถามผมว่า     " นกให้มันแลกเงินทำไม    ถามหลายครั้ง ผมเลยตอบว่า   พี่อย่ามาสั่งให้ผมทำอย่างนี้ ผมอายุ 47 ปีแล้ว   รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำกับลูกค้า          ผจก.สาขา มองหน้าผม แล้วพยักหน้าสองสามครั้ง แล้วหันหลังกลับ   ไม่นานก็มีหนังสือลงโทษขั้นตักเตือนเป็นหนังสือ และหนังสือเตือนครั้งที่1 ข้อหา
ละเลย เพิกเฉย ไม่นำเสนอขายประกัน และ ไม่ให้ความร่วมมือมาขายประกันวันเสาร์   ผมไม่เซ็นรับทราบชี้แจงว่า เป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฏหมายและไม่เป็นธรรม  ผจก.สาขา ไปเชิญ ผจก.หน่วยงานอื่นอีกสองท่าน  มาเป็นพยาน บังคับให้ผมนั่งฟังข้อความในหนังสือลงโทษ และหนังสือเตือนครั้งที่1  แล้วให้ทั้งสองท่านนั้น ลงนามเพื่อให้ใช้บังคับได้ตามกฏหมาย ซึ่งต่อมา ศาลพิพากษาว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายแรงงาน     เมื่อเดือนกุมภาพันธ์  2557  ได้บังคับให้มาเดินขายประกันชีวิตในวันเสาร์อีก    ผมไม่ได้มาเลยนำไปเป็นเหตุสั่งลงโทษ "ให้ออก"  ผมเคยมาทำงานให้ในวันหยุดประมาณสามครั้ง ทุกครั้งที่มาทำงานให้ ไม่เคยจ่ายต่าทำงานในวันหยุดให้เลย เมื่อฟ้องศาลแรงงานถึงจะจ่ายให้   ผมได้ ฟ้องศาลแรงงานว่าถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม  ใช้เวลาประมาณหกเดือน นำเอกสารพยานเอกสาร พยานบุคคล มานำสืบทั้งสองฝ่ายทุกประเด็นข้อโต้แย้ง  มีคำพิพากษาว่า  คำสั่งลงโทษขั้นตักเตือนเป็นหนังสือไม่ชอบด้วยกฏหมายแรงาน  หนังสือเตือนครั้งที่1 ไม่ชอบด้วยกฏหมายแรงงานและออกโดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ให้จ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม (หลายแสนบาท) รวมทุกสิทธิตามกฏหมาย(ประมาณ หนึ่งล้านสี่แสนกว่าบาท)   เมื่อศาลพิพากษาเสร็จสิ้น  ปรากฏว่า เหมือนกรรมตามสนอง หรือดาบนั้นคืนสนอง  ที่กล่าวหาว่าผม กระทำผิดวินัยร้ายแรง ผมไม่ผิด   แต่ ผจก.สาขาคลองรั้ง เป็นคน กระทำผิดวินัยร้ายแรงเสียเอง   เพราะ   ฝ่าฝืน  ระเบียบข้อบังคับของธนาคารที่ว่า     "การให้พนักงานมาทำงานวันหยุด ต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานก่อน"    ทำให้ธนาคาร  ต้องจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม  เมื่อเป็นเช่นนี้  ผมได้ทำหนังสือร้องเรียน  ผจก.สาขาคลองรั้ง  ว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง ทำให้ธนาคารเต้องจ่ายค่าเลิกจ้างไม่เป็นธรรม  ใช้เวลาเกือบสามเดือนไ้ด้รับคำตอบจากผู้บริหารระดับสูงว่า  " เมื่อพิจารณาจาก พยาน หลักฐาน  และข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้อง   เห็นว่า การกระทำของ  ผจก.สาขาคลองรั้ง เป็นไปตามหน้าที่ ตามสมควร ที่ ผจก.สาขาพึงปฏิบัติแล้ว"  การฝ่าฝืนกฏหมาย ระเบียบ ข้อบังคับการทำงาน ทำให้ธนาคารเสียหาย เป็นหน้าที่ ที่  ผจก.สาขา พึงปฏิบัติแล้ว อย่างนั้นหรือ    เพราะศาลซึ่งผู้ซึ่งทำหน้าที่ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ได้มีคำพิพากษาแล้ว  ว่าการกระทำดังกล่าวของ  ผจก.สาขาคลองรั้งไม่ชอบด้วยกฏหมาย   ให้ธนาคารต้องจ่ายค่าเลิกจ้างไม่เป็นธรรม  
                                    การที่ผู้บริหารระดับสูง มีความเห็นสวนทางกับคำพิพากษาของศาลแรงงาน เป็นการบังควร หรือไม่     ขอความเห็นจากวิญญูชน คนธรรมดาช่วยกันสะท้อนความเห็นนี้      จากอดีตพนักงานระดับไม่สูง

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 112
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผมต้องการ ให้สังคมรับรู้นะครับ ว่าเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ไม่ใช้  "หลักธรรมมาภิบาล" แต่ใช้หลัก ใครขายประกันได้มาก มีผลงานมาก ทำอะไรก็ไม่ผิด  มันถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่  พนักงานที่อยู่คงต้องหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อต้อง ทำงานงานในระบบแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 74
วันที่นัดสืบพยาน  ผมนั่งเผชิญหน้ากับ ทนายของธนาคาร ฝ่าย HR ผจก.สาขาตลองรั้ง   ผมนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว สู้คนเดียว ให้การกับศาล ตอบคำถามทนายของธนาคาร  ผมมั่นใจว่าวิชากฏหมายที่เรียนมาจาก "รามคำแหง" จะทำให้ผม"ไม่แพ้ ความไม่ถูกต้อง" โดยมีลูกค้าสามคนมาเป็นพยานให้ที่ศาล เป็นกำลังใจที่ดีสุดๆ  ในที่สุด ผมก็ไม่แพ้ ความไม่ถูกต้อง ใช้วิชาที่เรียนมาปกป้องตัวเองได้สำเร็จ
ความคิดเห็นที่ 51
ขอนับถือในความเป็นนักสู้ของเจ้าของกระทู้จริงๆครับ
สังเกตว่าคุณเก็บรายละเอียดได้ดีมาก ซึ่งมันจำเป็นเพราะมันคือหลักฐาน
การต่อสู้ของคุณจะไม่สูญเปล่าแน่นอน เพราะ มนุษยเงินเดือน จะนำกรณีของคุณมาศึกษา
วงการแรงงานจะต้องคึกคักกว่านี้ มนุษยเงินเดือนจะต้องเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆครับ
คุณคือผู้ที่แผ้วถางพงหญ้าให้กับมนุษยเงินเดือนรุ่นหลังๆ
ส่วนตัว ผมเคยคิดอยากจะไปเรียนกฏหมายเพื่อสมัครเข้าหน่วยงานที่ได้ช่วยมนุษยเงินเดือนและชนชั้นแรงทุกคนจริงๆ
เพราะรับทราบดีถึงการถูกกดขี่ โดยเฉพาะพนักงานระดับล่าง ระดับปฏิบัติการจะทุกข์ระทมที่สุด
คนพวกนี้จบไม่สูง ไม่ทราบเรื่องกฏหมาย ไม่ทราบช่องทาง จึงถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมที่สุด
ทุกครั้งที่ได้เห็น ได้ยินเรื่องการต่อสู่เพื่อแรงงาน ผมจะหัวใจพองโตทุกครั้ง ตย.เช่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 16
ผมกำลังจะทำ หนังสือ ถึง แบงค์ชาติ  กรณีไม่ปฏิบัติตาม ระเบียยข้อบังคับของธนาคาร  เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ว่า ผจก.สาขาคลองรั้ง ฝ่าฝืนกฏหมาย ระเบียบข้อบังคับการทำงานของธนาคาร ทำให้ธนาคารต้องจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งเป็นการผิดวินัยร้ายแรงเสียเอง  เมื่อผม แจ้งไปแล้ว  ผู้บริหารระดับสูง มีหน้าที่ ตามข้อ 9 ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ    "เหมือนกับที่นำมาใช้กับผม"  มันไม่เหมือน กรณีที่ผมเคยร้องเรียน ผจก.คลอง16และ ผจก.เขตฯ แล้วนะ ที่จะมาว่า "ผมกล่าวหาโดยคิดไปเอง ปราศจากข้อเท็จจริง"   ครั้งนี้เป็นคำพิพากษาของศาล  ผ่านกระบวนยุติธรรมมาแล้ว และธนาคารแพ้หมดรูปทุกประเด็น  ท่านจะมาบอกว่า ผจก.สาขาคลองรั้ง ทำตามหน้าที่ ตามสมควร ที่พึงปฏิบัติ นะได้ แต่ต้องก่อนมีคำพิพากษา
หลังมี คำพิพากษาแล้ว  ท่านสมควรแล้วหรือ ที่จะบอกว่า "พึงปฏิบัติแล้ว" นะครับ
ความคิดเห็นที่ 7
คงพึ่ง  แบงค์ชาติมากไม่ได้  ก็ผู้ว่าการแบงค์ชาติ  มากจากแบงค์   ถ้าแบงค์อยากขายประกันก็ควรแยกออกมา  ไม่ใช่เอาหน่วยงานที่ให้บริการของแบงค์  มาต่อรองลูกค้า  และผมยังสงสัยว่า  พนักงานแบงค์เอง  ที่ขายประกันมันถูกกฏหมายหรือไม่  มีการสอบการขายประกัน  จากกรมการประกันภัยหรือไม่  ถ้าเรื่องที่  จขกท  เล่ามาเป็นเรื่องจริง  มันน่าจะมีหน่วยงานจาก  แบงค์ชาติ เข้ามาเอาจริงเอาจังบาง  หรือเป็นไปตามที่ผม  มโนว่า  ผู้ว่าแบงค์ชาติมากจากแบงต์กสิกร และ เป็นคนดี  ทุกอย่างที่ทำอยู่ก็เลยเป็นสิ่งที่ดี  เพราะ  "พวกเค้าเป็นคนดี"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่