JJNY : องค์กรอิสระมีได้ แต่ต้องเปลี่ยนที่มา│หอการค้าเปิดโผธุรกิจมาแรง│แท็กซี่บุกร้อง ขอลดค่า NGV│อัยการญี่ปุ่นบุกค้น LDP

“อ.ปริญญา”ชี้องค์กรอิสระมีได้ แต่ต้องเปลี่ยนที่มา ถูกตรวจสอบได้และประเมินผลงาน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4337602
 
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สนทนาในรายการ The politics ถึงการสรรหากรรมการในองค์กรอิสระต่างๆ ว่าถึงเวลาต้องมีการปฏิรูปแล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาของรัฐธรรมนูญปี 2560 คือที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งองค์กรอิสระจะมีต่อไปก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องเปลี่ยนที่มาและที่สำคัญ องค์กรอิสระต่างๆ จะต้องถูกตรวจสอบได้ และต้องมีการประเมินผลการทำงาน โดยเสนอว่าควรแก้ที่มาของ สว. ให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



แท็กซี่ บุกร้องนายกฯ ขอลดค่าก๊าซ NGV เผย ค่าโดยสารไม่สมดุลกับรายจ่าย
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4337661

‘กลุ่มเครือข่ายแท็กซี่-ผู้ประกอบการรถสาธารณะ’ ร้องนายกฯ ขอปรับลดราคาก๊าซ NGV ชี้ ต้นทุนสูง-ค่าโดยสารไม่ปรับขึ้น ทำรายได้ไม่สมดุลรายจ่าย ส่งผลกระทบผู้ประกอบการ
 
เมื่อวันที่ 19 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัวแทนกลุ่มสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย นำโดย นายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกฯสมาคม และตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารร่วมบริการสาธารณะ ประมาณ 50 คน เดินทางมารวมตัวบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ ถนนพิษณุโลก ตรงข้ามทำเนียบ ชุมนุมติดตามความคืบหน้ากรณีที่เรียกร้องให้รัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณาลดราคาค่าก๊าซ NGV เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ หากรัฐบาลไม่เห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จะยิ่งเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กลุ่มมากขึ้นไปอีก
 
สืบเนื่องจากรัฐบาลได้กำหนดนโยบายให้ราคาก๊าซลอยตัว ส่งผลให้ผู้จำหน่ายปรับขึ้นราคาก๊าซอย่างต่อเนื่อง จากราคา 8.50 บาท ต่อกิโลกรัม ปัจจุบันราคา 19.60 บาทกิโลกรัม ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ประกอบอาชีพแท็กซี่ ที่ไม่มีการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารมาเป็นเวลานาน ต้นทุนจึงไม่สอดคล้องกับรายได้ ก่อนหน้านี้แล้วได้ยื่นเรื่องถึงรัฐบาล แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงเรียกร้องให้นายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เร่งแก้ปัญหา



หอการค้าเปิดโผทำคอนเทนต์-รีวิวสินค้า-Influencer ธุรกิจมาแรงปี 67 ขณะที่สายมูตามมาติดๆ ส่วนร้านเช่าหนังสือ-ซีดีไปไม่รอด
https://siamrath.co.th/n/501118

หอการค้าเปิด 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วงปี 67 ทำคอนเทนต์-รีวิวสินค้า-Influencer มาแรง ขณะที่สายมูตามมาติดๆ ขณะที่ร้านเช่าหนังสือ-ซีดีไปไม่รอด
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง 10 อันดับธุรกิจ ดาวรุ่งและดาวร่วงในปี 2567 ว่า ในปีหน้า ธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็คทรอนิกส์ ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ Youtuber การรีวิวสินค้าและ Influencer มาแรงเป็นอันดับ 1 โดยได้คะแนนถึง 96.1 เนื่องจากผู้บริโภคมีพฤติกรรมปรับลดการใช้จ่ายผ่านหน้าร้าน เช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต มาเป็นการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นเนื่องจากมีความสะดวกสบายและสามารถเปรียบเทียบราคาและบริการของแต่ละร้านค้าออนไลน์ได้ 
อันดับ 2 คือ ธุรกิจการแพทย์และความงาม ธุรกิจโฆษณาและสื่อออนไลน์ ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร เช่น การให้บริการอินเตอร์เน็ตหรือสัญญาณสื่อสารต่างๆ
อันดับ 3 คือ ธุรกิจ Social Media และ Online Entertainment ธุรกิจด้านการเงินธนาคาร Fintech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี ธุรกิจ Cloud Service และธุรกิจบริการ Cyber Security
อันดับ 4 คือ ธุรกิจงานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า ธุรกิจ Event ธุรกิจความเชื่อ (สายมู,หมอดู,ฮวงจุ้ย) ทั้งนี้ถือว่าธุรกิจสายมูกำลังมาแรงเนื่องจากในปีนี้อยู่อันดับ 10 แต่กำลังจะขยับขึ้นมาเป็นดาวรุ่งอันดับ 4 ในปีหน้า ซึ่งปีหน้าผู้ที่นิยมสายมู เตรียมที่จะไหว้ครุฑ เพื่อความเป็นสิริงคลเป็นต้น  และธุรกิจอัญมณีและทองคำ 
อันดับ 5 คือ ธุรกิจอีวี และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจ Soft Power ไทย เช่น ซีรีส์ ภาพยนตร์
อันดับ 6 คือ ธุรกิจอาหารเสริม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม(ที่ไม่มีแอลกอฮอล์)ธุรกิจเกี่ยวกับน้ำตาล
อันดับ 7 คือ ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่(Modern Trade) ธุรกิจโลจิสติกส์ Delivery และคลังสินค้า ธุรกิจเงินด่วน โรงรับจำนำ
อันดับ 8 คือ ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน ผับ บาร์ คาราโอเกะ ธุรกิจอี สปอร์ต เกมส์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
อันดับ 9 คือ ธุรกิจตลาดเพื่อการท่องเที่ยว ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
อันดับ 10 คือ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง 
 
ส่วน 10 อันดับธุรกิจดาวร่วงในปี 2567 ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า 
อันดับ 1 คือ ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน ธุรกิจร้านเช่าหนังสือ ซีดี หรือวีดีโอ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มีแพลตฟอร์ม ออนไลน์
อันดับ 2 คือ ธุรกิจผลิตซีดี ดีวีดี ที่จัดเก็บข้อมูลฮาร์ดไดร์ฟ หรือ เมมโมรี่ การ์ด ธุรกิจบริการส่งหนังสือพิมพ์
อันดับ 3 คือ ธุรกิจคนกลาง ธุรกิจเครื่องปั้นและเซรามิค
อันดับ 4 คือ ธุรกิจผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
อันดับ 5 ธุรกิจผลิตสารเคมี
อันดับ 6 ธุรกิจร้านถ่ายภาพอันดับ 7 ธุรกิจร้านขายเครื่องเล่นเกม แผ่นเกม ตลับเกม ธุรกิจการทอผ้าจากธรรมชาติ
อันดับ 8 คือ ธุรกิจถ่ายเอกสาร
อันดับ 9 ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้
อันดับ 10 ดาวร่วงในปีหน้าคือ ธุรกิจร้านโชห่วยและธุรกิจผลิตกระดาษ
 
#หอการค้า #สายมู #รีวิวสินค้า #Influencer #โทรศัพท์พื้นฐาน #ร้านเช่าหนังสือ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่