อิสราเอลเปิดด่านติดกาซา “ชั่วคราว” สหรัฐมองอนาคตกาซา “ขึ้นกับปาเลสไตน์”
https://www.dailynews.co.th/news/2997138/
อิสราเอลเปิดด่านแห่งเดียวที่ติดกับฉนวนกาซา "ชั่วคราว" ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐกล่าวว่า อนาคตของฉนวนกาซา "ต้องเป็นของชาวปาเลสไตน์เท่านั้น"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ว่าทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เห็นชอบการเปิดด่านเคเรม ชาลอม ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนแห่งเดียวระหว่างอิสราเอลกับฉนวนกาซา เพื่อให้มีการลำเลียงความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเขาสู่ฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว “
มีผลเพียงชั่วคราว” และความช่วยเหลือที่จะเข้าสู่ด่านเคเรม ชาลอน ต้องเป็นความช่วยเหลือซึ่งผ่านมาทางอียิปต์ก่อนเท่านั้น กล่าวคือ ต้องเป็นรถบรรทุกสินค้าที่เดินทางมาจากจุดผ่านแดนราฟาห์ ทางตอนเหนือของอียิปต์
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอิสราเอลครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะที่นาย
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว อยู่ระหว่างเยือนอิสราเอลพอดี ซึ่งซัลลิแวนกล่าวว่า “
เป็นก้าวย่างสำคัญ”
ทั้งนี้ทั้งนั้น เกี่ยวกับสถานะของฉนวนกาซาหลังสงคราม
ซัลลิแวนกล่าวว่า “
ไม่ใช่เรื่องเหมาะสม” ที่อิสราเอลจะปกครองฉนวนกาซาในระยะยาว เนื่องจากอนาคตของดินแดนแห่งนี้ ต้องเป็นไปตามการตัดสินใจเองของชาวปาเลสไตน์ รวมถึงรัฐบาลปาเลสไตน์ของประธานาธิบดี
มาห์มูด อับบาส ซึ่งมีฐานอยู่ที่เขตเวสต์แบงก์ และ
ซัลลิแวนเข้าพบ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วย และอับบาสกล่าวกับ
ซัลลิแวนว่า ฉนวนกาซา “
คือส่วนสำคัญ” ของปาเลสไตน์.
https://twitter.com/cogatonline/status/1734295968357720408
https://twitter.com/TheNationalNews/status/1735742349253194035
อสังหาต่ำ 3 ล้านโซนอันตราย หนี้เสียพุ่ง-แบงก์ปฏิเสธกู้ 70%
https://www.prachachat.net/finance/news-1460860
เครดิตบูโรส่งสัญญาณอสังหาฯโซนอันตราย เผยหนี้บ้านมีปัญหาผ่อนไม่ไหว-ค้างค่างวดพุ่ง 37% จับตาลูกหนี้กว่า 1 แสนบัญชี มูลหนี้กว่า 1.36 แสนล้านบาท เสี่ยงไหลเป็นหนี้เสีย “ซีไอเอ็มบี ไทย” ชี้เศรษฐกิจตึง-ดอกเบี้ยสูง กระทบความสามารถชำระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยเผยแบงก์คุมเข้มปล่อยสินเชื่อกลุ่มบ้าน-คอนโดฯต่ำกว่า 3 ล้านบาทสกัดหนี้เสีย ส่งผลยอดปฏิเสธสินเชื่อกลุ่มนี้ทะลุ 70% ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเปิดสถิติยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านลดวูบ เสนอ 4 มาตรการกระตุ้น
นาย
อลงกต บุญมาสุข เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 2567 จะยังคงเห็นสถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ และการควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แม้ว่าจะเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน แต่จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ทำให้คนมีภาระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบความสามารถในการชำระหนี้ได้
จากปัจจัยดังกล่าวจะเห็นสถาบันการเงินมีการทบทวนนโยบายการปล่อยสินเชื่อ หรือทำ Subsegment ลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยอาจจะเห็นมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยง อัตราขึ้นกับความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงปรับแผนการหากลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีโอกาสในการเติบโต และลดกลุ่มเสี่ยงลง เพื่อเป็นการปรับพอร์ตสินเชื่อ
บ้าน-คอนโดฯไม่เกิน 3 ล้าน
นาย
อลงกตกล่าวว่า แบงก์จะเพิ่มความเข้มงวดหรือระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มราคาบ้าน 1-3 ล้านบาท เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เริ่มมีปัญหาการชำระหนี้ จากภาระหนี้ที่สูงขึ้น สะท้อนไปยังตัวเลขสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) คือเป็นหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 31 วัน แต่ไม่ถึง 90 วัน มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) โดยจะเห็นธนาคารเร่งบริหารจัดการ หากเริ่มมีสัญญาณผิดนัดชำระจะเร่งปรับโครงสร้างหนี้ก่อนจะไหลเป็นหนี้เสีย
ขณะที่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลอปเปอร์) จะนำข้อมูลดังกล่าวไปเป็นโจทย์ในการปรับผลิตภัณฑ์และทำแคมเปญบ้าน เนื่องจากเห็นสัญญาณการปรับโมเดลการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร อย่างไรก็ดี จะเห็นว่ากลุ่มราคาบ้าน 1-3 ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มที่มีสินค้าค้างสต๊อกที่ผู้ประกอบการต้องเร่งระบายออกมาเช่นเดียวกัน จึงทำให้ต้องมีการวางแผนบริหารจัดการต่อเนื่องในปลายปีนี้ และปี 2567
“
ตัวเลขหนี้เสีย และ SM เป็นโจทย์ใหญ่ของสินเชื่อบ้านในปี’67 ที่สถาบันการเงินจะต้องคอนโทรลให้ได้ โดยเฉพาะกลุ่ม 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ในกลุ่มสินเชื่อบ้าน แม้ว่ากลุ่มนี้กระจายไปในสถาบันการเงินของรัฐค่อนข้างเยอะ แต่จะเห็นแบงก์พาณิชย์เพิ่มความระมัดระวัง โดยอาจจะเห็นสัดส่วนการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) มากกว่ากลุ่มอื่น เพราะสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) ค่อนข้างสูง แต่รายได้ไม่ได้สูงมาก”
ยอดปฏิเสธสินเชื่อทะลุ 70%
ดร.
ศศิมา ทองสมัคร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์ธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสัญญาณหนี้เสีย และหนี้ SM ที่ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน ในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีทิศทางเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาพเศรษฐกิจที่ยังตึงตัว ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ได้ส่งผล
รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นในระดับสูง ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มรายได้ไม่สูง จะมีปัญหาในการผ่อนชำระได้ เพราะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ลูกค้ากลุ่มบ้าน 1-3 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะอยู่กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) แต่หากธนาคารพาณิชย์เริ่มเห็นสัญญาณผิดนัดชำระเพิ่มขึ้น โดยปกติธนาคารจะปรับเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อาทิ ปรับเพิ่มเกณฑ์รายได้ต่อภาระหนี้ หรือปรับเครดิตสกอริ่งลูกค้า ดังนั้นอาจจะเห็นแนวโน้มยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้ จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 60-70% รวมถึงหนี้เอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เข้มปล่อยกู้บ้านต่ำ 3 ล้าน
ดร.
ศศิมากล่าวว่า ในส่วนของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ไม่ได้เน้นกลุ่มลูกค้าบ้านราคา 1-3 ล้านบาท แต่เน้นสินเชื่อรีไฟแนนซ์ และกลุ่มลูกค้ารายได้ประจำ ทำให้ยังไม่เห็นสัญญาณหนี้เสียและ SM ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยอมรับจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าหนี้เสียและ SM ในปี 2567 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเอ็นพีแอลอยู่กว่า 3%
“
แน่นอนโดยธรรมชาติแบงก์จะเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ อาจเห็นมีการปรับเกณฑ์เพิ่มขึ้น แต่คงไม่ถึงขนาดหยุดปล่อยกลุ่มนี้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปัญหาทั้งหมด ดังนั้นในช่วงโค้งท้ายปลายปียังเห็นการแข่งขันอยู่ หลังจากไตรมาส 3/66 สินเชื่อหดตัว -10% หรือราว 1.1 หมื่นล้านบาท ทำให้ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เห็นผู้ประกอบการและแบงก์แข่งกันลดดอกเบี้ยเฉลี่ย 0.10-0.30% ต่อปี เราเองคาดว่าเดือนธันวาคมน่าจะปล่อยได้สูงสุด 3,000 ล้านบาท ทำให้ยอดปล่อยทั้งปี 2.8 หมื่นล้านบาท และคงค้างอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท”
นาย
จเร เจียรธนะกานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารยอมรับว่าได้เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงระบาดของโควิด-19 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เปราะบางมากกว่ากลุ่มอื่น และอ่อนไหวต่อผลกระทบจากเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่ายังคงเห็นทิศทางการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทยอยขยับเพิ่มขึ้นได้
หนี้บ้านใกล้เสียพุ่ง 37%
นาย
สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ภาพรวมหนี้ครัวเรือนในระบบ ณ ไตรมาสที่ 2/2566 อยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.7% ต่อจีดีพี ขณะที่ยอดสินเชื่อที่อยู่บนฐานข้อมูลเครดิตบูโร ณ ไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 13.5 ล้านล้านบาท
โดยจะเห็นว่า สินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) หรือบัญชีค้างชำระตั้งแต่ 31 วัน แต่ไม่เกิน 90 วัน ในไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 4.9 แสนล้านบาท ที่มีปัญหาหลัก ๆ คือ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรถยนต์
สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีอัตราการเติบโตของ SM สูงถึง 37.2% มียอดสินเชื่ออยู่ที่ 1.36 แสนล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 3/2565 ที่อยู่ 9.95 หมื่นล้านบาท และจำนวนบัญชีเพิ่มจาก 8.62 หมื่นบัญชี เป็น 1.05 แสนบัญชี หรือเติบโต 22.2% ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะอยู่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 9.3 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 68%
จับตาหนี้ตกชั้นเป็น NPL
นาย
สุรพลกล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจ คือ เริ่มเห็นสัญญาณสินเชื่อบ้านที่มีราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง พบว่าเริ่มมีปัญหาในการผ่อนชำระติดขัดมากขึ้น และเริ่มเห็นการไหลจากสินเชื่อปกติเป็น SM มากขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่จะต้องจับตา คือ อัตราการไหลจาก SM ไปเป็น NPL ของสินเชื่อบ้าน จะมากน้อยขนาดไหน ซึ่งตามข้อมูลของ ธปท. หนี้ที่ตกชั้นเป็นเอ็นพีแอล (Migration Rate) ของสินเชื่อบ้าน จะอยู่ที่ 22% หมายความว่าลูกหนี้ SM 100% จะมีความเสี่ยงที่จะไหลเป็น NPL ได้ 22% แต่ ธปท.ยืนยันว่ามีขาไหลกลับด้วย คือกลับมาเป็นหนี้ปกติด้วย
ดอกเบี้ยดันยอดรีเจ็กต์พุ่ง
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงินเปิดเผยว่า ภาพรวมอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากช่วงก่อนหน้าอยู่ที่ 30-40% เพิ่มเป็น 50% อย่างไรก็ดี ถ้าเป็นกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะอยู่ที่ประมาณ 60-70% ขณะที่กลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยอดปฏิเสธจะอยู่ที่ประมาณ 10%
แนวโน้มการปฏิเสธสินเชื่อที่ขยับเพิ่มขึ้นมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ 1.ภาระหนี้ครัวเรือนที่ปรับเพิ่มขึ้น และ 2.อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ขอสินเชื่อไม่ผ่านการอนุมัติ เช่น เดิมอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2% ค่าผ่อนต่องวดอยู่ที่ 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน ปัจจุบันดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ที่ 3% ค่าผ่อนเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นค่างวดที่ปรับเพิ่มขึ้น 3,000 บาทต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ของค่างวดเดิม
กลุ่มเปราะบางที่มีรายได้เฉลี่ยหรือต่ำกว่า 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน หรือกลุ่มราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีแนวโน้มการถูกปฏิเสธสินเชื่อมากกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ รายได้ไม่ประจำ จะได้รับการปฏิเสธสูงกว่ากลุ่มที่มีรายได้ประจำ
ส่วนกลุ่มที่มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาท กลุ่มนี้ยอดอนุมัติจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 60-70% ซึ่งยอดการปล่อยสินเชื่อของแบงก์จะเป็นไปตามเซ็กเมนต์กำลังผ่อนชำระของลูกค้า แต่ภาพรวมยังคงอยู่ในโหมดระมัดระวังอยู่ เพื่อควบคุมคุณภาพสินเชื่อ
ต่ำ 3 ล้านสถิติโอนวูบหนัก
ดร.
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อหรือกู้ไม่ผ่าน ในระดับสูง 50-60% กระจุกตัวในกลุ่มกำลังซื้อระดับกลาง-ล่าง เซ็กเมนต์ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น
โดยผลสำรวจข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย. 66) มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์สะสมทั่วประเทศ 270,650 หน่วย ลดลง -2% ในจำนวนนี้พบว่า เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท สัดส่วน 75% หรือจำนวน 202,399 หน่วย ลดลง -7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2565
JJNY : อิสราเอลเปิดด่านติดกาซา “ชั่วคราว”│อสังหาต่ำ 3 ล้านโซนอันตราย│อนามัยโลกกังวล“ฝีดาษลิง”│ฝุ่น PM2.5กทม.ไม่มีแผ่ว
https://www.dailynews.co.th/news/2997138/
อิสราเอลเปิดด่านแห่งเดียวที่ติดกับฉนวนกาซา "ชั่วคราว" ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐกล่าวว่า อนาคตของฉนวนกาซา "ต้องเป็นของชาวปาเลสไตน์เท่านั้น"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ว่าทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เห็นชอบการเปิดด่านเคเรม ชาลอม ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนแห่งเดียวระหว่างอิสราเอลกับฉนวนกาซา เพื่อให้มีการลำเลียงความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเขาสู่ฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว “มีผลเพียงชั่วคราว” และความช่วยเหลือที่จะเข้าสู่ด่านเคเรม ชาลอน ต้องเป็นความช่วยเหลือซึ่งผ่านมาทางอียิปต์ก่อนเท่านั้น กล่าวคือ ต้องเป็นรถบรรทุกสินค้าที่เดินทางมาจากจุดผ่านแดนราฟาห์ ทางตอนเหนือของอียิปต์
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอิสราเอลครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะที่นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว อยู่ระหว่างเยือนอิสราเอลพอดี ซึ่งซัลลิแวนกล่าวว่า “เป็นก้าวย่างสำคัญ”
ทั้งนี้ทั้งนั้น เกี่ยวกับสถานะของฉนวนกาซาหลังสงคราม ซัลลิแวนกล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องเหมาะสม” ที่อิสราเอลจะปกครองฉนวนกาซาในระยะยาว เนื่องจากอนาคตของดินแดนแห่งนี้ ต้องเป็นไปตามการตัดสินใจเองของชาวปาเลสไตน์ รวมถึงรัฐบาลปาเลสไตน์ของประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ซึ่งมีฐานอยู่ที่เขตเวสต์แบงก์ และซัลลิแวนเข้าพบ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วย และอับบาสกล่าวกับซัลลิแวนว่า ฉนวนกาซา “คือส่วนสำคัญ” ของปาเลสไตน์.
https://twitter.com/cogatonline/status/1734295968357720408
https://twitter.com/TheNationalNews/status/1735742349253194035
อสังหาต่ำ 3 ล้านโซนอันตราย หนี้เสียพุ่ง-แบงก์ปฏิเสธกู้ 70%
https://www.prachachat.net/finance/news-1460860
เครดิตบูโรส่งสัญญาณอสังหาฯโซนอันตราย เผยหนี้บ้านมีปัญหาผ่อนไม่ไหว-ค้างค่างวดพุ่ง 37% จับตาลูกหนี้กว่า 1 แสนบัญชี มูลหนี้กว่า 1.36 แสนล้านบาท เสี่ยงไหลเป็นหนี้เสีย “ซีไอเอ็มบี ไทย” ชี้เศรษฐกิจตึง-ดอกเบี้ยสูง กระทบความสามารถชำระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยเผยแบงก์คุมเข้มปล่อยสินเชื่อกลุ่มบ้าน-คอนโดฯต่ำกว่า 3 ล้านบาทสกัดหนี้เสีย ส่งผลยอดปฏิเสธสินเชื่อกลุ่มนี้ทะลุ 70% ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเปิดสถิติยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านลดวูบ เสนอ 4 มาตรการกระตุ้น
นายอลงกต บุญมาสุข เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 2567 จะยังคงเห็นสถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ และการควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แม้ว่าจะเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน แต่จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ทำให้คนมีภาระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบความสามารถในการชำระหนี้ได้
จากปัจจัยดังกล่าวจะเห็นสถาบันการเงินมีการทบทวนนโยบายการปล่อยสินเชื่อ หรือทำ Subsegment ลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยอาจจะเห็นมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยง อัตราขึ้นกับความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงปรับแผนการหากลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีโอกาสในการเติบโต และลดกลุ่มเสี่ยงลง เพื่อเป็นการปรับพอร์ตสินเชื่อ
บ้าน-คอนโดฯไม่เกิน 3 ล้าน
นายอลงกตกล่าวว่า แบงก์จะเพิ่มความเข้มงวดหรือระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มราคาบ้าน 1-3 ล้านบาท เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เริ่มมีปัญหาการชำระหนี้ จากภาระหนี้ที่สูงขึ้น สะท้อนไปยังตัวเลขสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) คือเป็นหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 31 วัน แต่ไม่ถึง 90 วัน มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) โดยจะเห็นธนาคารเร่งบริหารจัดการ หากเริ่มมีสัญญาณผิดนัดชำระจะเร่งปรับโครงสร้างหนี้ก่อนจะไหลเป็นหนี้เสีย
ขณะที่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลอปเปอร์) จะนำข้อมูลดังกล่าวไปเป็นโจทย์ในการปรับผลิตภัณฑ์และทำแคมเปญบ้าน เนื่องจากเห็นสัญญาณการปรับโมเดลการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร อย่างไรก็ดี จะเห็นว่ากลุ่มราคาบ้าน 1-3 ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มที่มีสินค้าค้างสต๊อกที่ผู้ประกอบการต้องเร่งระบายออกมาเช่นเดียวกัน จึงทำให้ต้องมีการวางแผนบริหารจัดการต่อเนื่องในปลายปีนี้ และปี 2567
“ตัวเลขหนี้เสีย และ SM เป็นโจทย์ใหญ่ของสินเชื่อบ้านในปี’67 ที่สถาบันการเงินจะต้องคอนโทรลให้ได้ โดยเฉพาะกลุ่ม 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ในกลุ่มสินเชื่อบ้าน แม้ว่ากลุ่มนี้กระจายไปในสถาบันการเงินของรัฐค่อนข้างเยอะ แต่จะเห็นแบงก์พาณิชย์เพิ่มความระมัดระวัง โดยอาจจะเห็นสัดส่วนการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) มากกว่ากลุ่มอื่น เพราะสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) ค่อนข้างสูง แต่รายได้ไม่ได้สูงมาก”
ยอดปฏิเสธสินเชื่อทะลุ 70%
ดร.ศศิมา ทองสมัคร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์ธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสัญญาณหนี้เสีย และหนี้ SM ที่ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน ในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีทิศทางเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาพเศรษฐกิจที่ยังตึงตัว ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ได้ส่งผล
รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นในระดับสูง ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มรายได้ไม่สูง จะมีปัญหาในการผ่อนชำระได้ เพราะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ลูกค้ากลุ่มบ้าน 1-3 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะอยู่กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) แต่หากธนาคารพาณิชย์เริ่มเห็นสัญญาณผิดนัดชำระเพิ่มขึ้น โดยปกติธนาคารจะปรับเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อาทิ ปรับเพิ่มเกณฑ์รายได้ต่อภาระหนี้ หรือปรับเครดิตสกอริ่งลูกค้า ดังนั้นอาจจะเห็นแนวโน้มยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้ จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 60-70% รวมถึงหนี้เอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เข้มปล่อยกู้บ้านต่ำ 3 ล้าน
ดร.ศศิมากล่าวว่า ในส่วนของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ไม่ได้เน้นกลุ่มลูกค้าบ้านราคา 1-3 ล้านบาท แต่เน้นสินเชื่อรีไฟแนนซ์ และกลุ่มลูกค้ารายได้ประจำ ทำให้ยังไม่เห็นสัญญาณหนี้เสียและ SM ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยอมรับจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าหนี้เสียและ SM ในปี 2567 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเอ็นพีแอลอยู่กว่า 3%
“แน่นอนโดยธรรมชาติแบงก์จะเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ อาจเห็นมีการปรับเกณฑ์เพิ่มขึ้น แต่คงไม่ถึงขนาดหยุดปล่อยกลุ่มนี้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปัญหาทั้งหมด ดังนั้นในช่วงโค้งท้ายปลายปียังเห็นการแข่งขันอยู่ หลังจากไตรมาส 3/66 สินเชื่อหดตัว -10% หรือราว 1.1 หมื่นล้านบาท ทำให้ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เห็นผู้ประกอบการและแบงก์แข่งกันลดดอกเบี้ยเฉลี่ย 0.10-0.30% ต่อปี เราเองคาดว่าเดือนธันวาคมน่าจะปล่อยได้สูงสุด 3,000 ล้านบาท ทำให้ยอดปล่อยทั้งปี 2.8 หมื่นล้านบาท และคงค้างอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท”
นายจเร เจียรธนะกานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารยอมรับว่าได้เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงระบาดของโควิด-19 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เปราะบางมากกว่ากลุ่มอื่น และอ่อนไหวต่อผลกระทบจากเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่ายังคงเห็นทิศทางการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทยอยขยับเพิ่มขึ้นได้
หนี้บ้านใกล้เสียพุ่ง 37%
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ภาพรวมหนี้ครัวเรือนในระบบ ณ ไตรมาสที่ 2/2566 อยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.7% ต่อจีดีพี ขณะที่ยอดสินเชื่อที่อยู่บนฐานข้อมูลเครดิตบูโร ณ ไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 13.5 ล้านล้านบาท
โดยจะเห็นว่า สินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) หรือบัญชีค้างชำระตั้งแต่ 31 วัน แต่ไม่เกิน 90 วัน ในไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 4.9 แสนล้านบาท ที่มีปัญหาหลัก ๆ คือ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรถยนต์
สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีอัตราการเติบโตของ SM สูงถึง 37.2% มียอดสินเชื่ออยู่ที่ 1.36 แสนล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 3/2565 ที่อยู่ 9.95 หมื่นล้านบาท และจำนวนบัญชีเพิ่มจาก 8.62 หมื่นบัญชี เป็น 1.05 แสนบัญชี หรือเติบโต 22.2% ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะอยู่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 9.3 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 68%
จับตาหนี้ตกชั้นเป็น NPL
นายสุรพลกล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจ คือ เริ่มเห็นสัญญาณสินเชื่อบ้านที่มีราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง พบว่าเริ่มมีปัญหาในการผ่อนชำระติดขัดมากขึ้น และเริ่มเห็นการไหลจากสินเชื่อปกติเป็น SM มากขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่จะต้องจับตา คือ อัตราการไหลจาก SM ไปเป็น NPL ของสินเชื่อบ้าน จะมากน้อยขนาดไหน ซึ่งตามข้อมูลของ ธปท. หนี้ที่ตกชั้นเป็นเอ็นพีแอล (Migration Rate) ของสินเชื่อบ้าน จะอยู่ที่ 22% หมายความว่าลูกหนี้ SM 100% จะมีความเสี่ยงที่จะไหลเป็น NPL ได้ 22% แต่ ธปท.ยืนยันว่ามีขาไหลกลับด้วย คือกลับมาเป็นหนี้ปกติด้วย
ดอกเบี้ยดันยอดรีเจ็กต์พุ่ง
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงินเปิดเผยว่า ภาพรวมอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากช่วงก่อนหน้าอยู่ที่ 30-40% เพิ่มเป็น 50% อย่างไรก็ดี ถ้าเป็นกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะอยู่ที่ประมาณ 60-70% ขณะที่กลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยอดปฏิเสธจะอยู่ที่ประมาณ 10%
แนวโน้มการปฏิเสธสินเชื่อที่ขยับเพิ่มขึ้นมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ 1.ภาระหนี้ครัวเรือนที่ปรับเพิ่มขึ้น และ 2.อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ขอสินเชื่อไม่ผ่านการอนุมัติ เช่น เดิมอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2% ค่าผ่อนต่องวดอยู่ที่ 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน ปัจจุบันดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ที่ 3% ค่าผ่อนเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นค่างวดที่ปรับเพิ่มขึ้น 3,000 บาทต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ของค่างวดเดิม
กลุ่มเปราะบางที่มีรายได้เฉลี่ยหรือต่ำกว่า 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน หรือกลุ่มราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีแนวโน้มการถูกปฏิเสธสินเชื่อมากกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ รายได้ไม่ประจำ จะได้รับการปฏิเสธสูงกว่ากลุ่มที่มีรายได้ประจำ
ส่วนกลุ่มที่มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาท กลุ่มนี้ยอดอนุมัติจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 60-70% ซึ่งยอดการปล่อยสินเชื่อของแบงก์จะเป็นไปตามเซ็กเมนต์กำลังผ่อนชำระของลูกค้า แต่ภาพรวมยังคงอยู่ในโหมดระมัดระวังอยู่ เพื่อควบคุมคุณภาพสินเชื่อ
ต่ำ 3 ล้านสถิติโอนวูบหนัก
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อหรือกู้ไม่ผ่าน ในระดับสูง 50-60% กระจุกตัวในกลุ่มกำลังซื้อระดับกลาง-ล่าง เซ็กเมนต์ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น
โดยผลสำรวจข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย. 66) มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์สะสมทั่วประเทศ 270,650 หน่วย ลดลง -2% ในจำนวนนี้พบว่า เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท สัดส่วน 75% หรือจำนวน 202,399 หน่วย ลดลง -7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2565