เคยอ่านเจอพระสูตรหนึ่ง คือ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค]
๗. เอกธัมมัสสวนิยเถราปทาน
[๙๐] ข้าพเจ้าไม่สามารถจะเหาะผ่านไปเหนือพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐที่สุดได้ ข้าพเจ้าเหาะไปไม่ได้ เหมือนนกเข้าไปใกล้ภูเขาแล้วบินผ่านไปไม่ได้ [๙๑] ข้าพเจ้าพ่นลมหายใจออกเป็นไอน้ำลอยอยู่ในท้องฟ้าด้วยคิดว่า เหตุที่ทำให้อิริยาบถของเราขัดข้องเช่นนี้ ไม่เคยมี [๙๒] เอาละ เราจักค้นหาสาเหตุนั้น เผื่อจักได้ผล จึงลงจากอากาศ ก็ได้ฟังพระสุรเสียงของพระศาสดา [๙๓] เมื่อพระศาสดาตรัสถึงสังขารไม่เที่ยง ด้วยพระสุรเสียงที่น่ายินดี น่าฟัง ไพเราะ ขณะนั้นข้าพเจ้าได้เรียนอนิจจลักษณะนั่นแหละ ครั้นเรียนอนิจจลักษณะได้แล้ว ก็ได้ไปยังอาศรมของตน [๙๔] ข้าพเจ้าอยู่ในอาศรมนั่นแหละตราบเท่าสิ้นอายุ จึงได้ตาย เมื่อจุติจิตซึ่งเป็นจิตดวงสุดท้ายกำลังจะเป็นไป ข้าพเจ้าก็ระลึกถึงการฟังพระสัทธรรมได้๑- [๙๕] ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีนั้น และด้วยเจตนาที่ตั้งไว้มั่น ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้วจึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ [๙๖] รื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๓๐,๐๐๐ กัป ได้ครองเทวสมบัติตลอด ๕๑ ชาติ [๙๗] ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๑ ชาติ ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน @เชิงอรรถ : @๑ สัทธรรม หมายถึงธรรมอันดี หรือศาสนามี ๓ ประการ คือ (๑) ปริยัติสัทธรรม (๒) ปฏิปัตติสัทธรรม @(๓) อธิคมสัทธรรม (วิ.อ. ๒/๔๓๘/๔๒๕) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๔๕}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค]
๗. เอกธัมมัสสวนิยเถราปทาน
[๙๘] ข้าพเจ้าเสวยบุญของตน มีความสุขในภพน้อยภพใหญ่ ข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ก็ยังระลึกถึงสัญญานั้นได้ ข้าพเจ้าหาได้แทงตลอดบทอันไม่จุติ คือพระนิพพานด้วยธรรมไรๆ ไม่ [๙๙] ได้มีสมณะผู้อบรมอินทรีย์มานั่งที่เรือนบิดา ท่านได้แสดงธรรมกถา และยกอนิจจลักษณะในธรรมกถานั้นขึ้นว่า [๑๐๐] สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ภาวะที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับเป็นความสุข [๑๐๑] ขณะที่สดับคาถา ข้าพเจ้าได้ระลึกถึงสัญญาทุกอย่าง นั่ง ณ อาสนะเดียว ก็ได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว [๑๐๒] ข้าพเจ้าได้บรรลุอรหัตตผลตั้งแต่อายุได้ ๗ ขวบ พระพุทธเจ้าจึงให้ข้าพเจ้าอุปสมบท นี้เป็นผลแห่งการฟังธรรม [๑๐๓] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมไว้ในครั้งนั้น จึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการฟังธรรม [๑๐๔] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๔๖}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค]
๘. สุจินติตเถราปทาน
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ [๑๐๕] การที่ข้าพเจ้ามาในสำนักของพระพุทธเจ้า เป็นการมาดีแล้วโดยแท้ วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว [๑๐๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าก็ได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล ได้ทราบว่า ท่านพระเอกธัมมสวนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้ เอกธัมมัสสวนิยเถราปทานที่ ๗ จบ
ไม่เคยตกนรกเลย คำถามคือเป็นไปได้แค่ไหน ในเมื่อทุกชาติที่ไปเกิดใตภพมนุษย์เป็นจอมจักรพรรดิย่อมทำอกกุศลบ้าง แบบนี้ยุติธรรมไหมนี้หรือแต่งให้กำลังใจคนปฏิบัติธรรม
สงสัยว่า ทำไมในพระสูตรบอกว่า บางคนเกิดเป็นเทวดาเกลือบ30000กัลป์ มันจริงหรือแต่งให้คนมีกำลังใจปฏิบัติธรรมครับ
๗. เอกธัมมัสสวนิยเถราปทาน
[๙๐] ข้าพเจ้าไม่สามารถจะเหาะผ่านไปเหนือพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐที่สุดได้ ข้าพเจ้าเหาะไปไม่ได้ เหมือนนกเข้าไปใกล้ภูเขาแล้วบินผ่านไปไม่ได้ [๙๑] ข้าพเจ้าพ่นลมหายใจออกเป็นไอน้ำลอยอยู่ในท้องฟ้าด้วยคิดว่า เหตุที่ทำให้อิริยาบถของเราขัดข้องเช่นนี้ ไม่เคยมี [๙๒] เอาละ เราจักค้นหาสาเหตุนั้น เผื่อจักได้ผล จึงลงจากอากาศ ก็ได้ฟังพระสุรเสียงของพระศาสดา [๙๓] เมื่อพระศาสดาตรัสถึงสังขารไม่เที่ยง ด้วยพระสุรเสียงที่น่ายินดี น่าฟัง ไพเราะ ขณะนั้นข้าพเจ้าได้เรียนอนิจจลักษณะนั่นแหละ ครั้นเรียนอนิจจลักษณะได้แล้ว ก็ได้ไปยังอาศรมของตน [๙๔] ข้าพเจ้าอยู่ในอาศรมนั่นแหละตราบเท่าสิ้นอายุ จึงได้ตาย เมื่อจุติจิตซึ่งเป็นจิตดวงสุดท้ายกำลังจะเป็นไป ข้าพเจ้าก็ระลึกถึงการฟังพระสัทธรรมได้๑- [๙๕] ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีนั้น และด้วยเจตนาที่ตั้งไว้มั่น ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้วจึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ [๙๖] รื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๓๐,๐๐๐ กัป ได้ครองเทวสมบัติตลอด ๕๑ ชาติ [๙๗] ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๑ ชาติ ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน @เชิงอรรถ : @๑ สัทธรรม หมายถึงธรรมอันดี หรือศาสนามี ๓ ประการ คือ (๑) ปริยัติสัทธรรม (๒) ปฏิปัตติสัทธรรม @(๓) อธิคมสัทธรรม (วิ.อ. ๒/๔๓๘/๔๒๕) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๔๕}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค]
๗. เอกธัมมัสสวนิยเถราปทาน
[๙๘] ข้าพเจ้าเสวยบุญของตน มีความสุขในภพน้อยภพใหญ่ ข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ก็ยังระลึกถึงสัญญานั้นได้ ข้าพเจ้าหาได้แทงตลอดบทอันไม่จุติ คือพระนิพพานด้วยธรรมไรๆ ไม่ [๙๙] ได้มีสมณะผู้อบรมอินทรีย์มานั่งที่เรือนบิดา ท่านได้แสดงธรรมกถา และยกอนิจจลักษณะในธรรมกถานั้นขึ้นว่า [๑๐๐] สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ภาวะที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับเป็นความสุข [๑๐๑] ขณะที่สดับคาถา ข้าพเจ้าได้ระลึกถึงสัญญาทุกอย่าง นั่ง ณ อาสนะเดียว ก็ได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว [๑๐๒] ข้าพเจ้าได้บรรลุอรหัตตผลตั้งแต่อายุได้ ๗ ขวบ พระพุทธเจ้าจึงให้ข้าพเจ้าอุปสมบท นี้เป็นผลแห่งการฟังธรรม [๑๐๓] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมไว้ในครั้งนั้น จึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการฟังธรรม [๑๐๔] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๔๖}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค]
๘. สุจินติตเถราปทาน
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ [๑๐๕] การที่ข้าพเจ้ามาในสำนักของพระพุทธเจ้า เป็นการมาดีแล้วโดยแท้ วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว [๑๐๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าก็ได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล ได้ทราบว่า ท่านพระเอกธัมมสวนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้ เอกธัมมัสสวนิยเถราปทานที่ ๗ จบ
ไม่เคยตกนรกเลย คำถามคือเป็นไปได้แค่ไหน ในเมื่อทุกชาติที่ไปเกิดใตภพมนุษย์เป็นจอมจักรพรรดิย่อมทำอกกุศลบ้าง แบบนี้ยุติธรรมไหมนี้หรือแต่งให้กำลังใจคนปฏิบัติธรรม