อานิสงค์ การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ แจ้งข่าว.งานห่มผ้าแดงภูเขาทอง วันอาทิตย์ที่ 10 พ.ย.56 เวลา 6.00 น.

อานิสงค์การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

     
       อานิสงค์การบูชาพระบรมสารีริกธาตุนี้  มีผลเท่ากับการบูชาพระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่

จาก(ขุททกนิกาย อปทาน เล่มที่71 หน้า 405-408 ) พระไตรปิฎกฉบับแปลของมหามุงกุฏฯ (ชุด 91 เล่ม)

____________________________________________________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=26&A=1644&w=%BB%D5%B5%C7%D4%C1%D2%B9
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา


ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปีตวิมาน
             สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
             [๔๗]     ดูกรนางเทพธิดาผู้เจริญ ผู้นุ่งห่มผ้าล้วนแล้วด้วยสีเหลือง มีธงก็เหลือง
                          ตกแต่งด้วยเครื่องอลังการเหลือง มีกายอันลูบไล้ด้วยจุณจันทน์เหลือง
                          ทัดทรงดอกบัวหลวง มีปราสาทอันแล้วด้วยทองคำ มีที่นอนและที่นั่งสี
                          เหลือง ทั้งภาชนะที่รองรับขาทนียะและโภชนียะสีเหลือง มีฉัตรสีเหลือง
                          รถสีเหลือง มีม้าและพัดล้วนแล้วสีเหลือง เมื่อชาติก่อนท่านเป็นมนุษย์
                          ได้กระทำบุญอะไรไว้ ฉันถามท่านแล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผล
                          แห่งกรรมอะไร
             นางเทพธิดาตอบว่า
                          ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้น้อมนำเอาดอกบวบขมซึ่งมีรสขม
                          ไม่มีใครชอบ จำนวน ๔ ดอก ไปบูชาพระสถูปตั้งจิตอุทิศต่อพระบรม
                          ธาตุของพระบรมศาสดา ด้วยจิตอันเลื่อมใสกำลังส่งใจไปในพระบรมธาตุ
                          ของพระศาสดานั้น ไม่ทันได้พิจารณาถึงหนทางที่มาแห่งแม่โค ทันใด
                          นั้น แม่โคได้ขวิดหม่อมฉันผู้มีความปรารถนาแห่งใจยังไม่ถึงพระสถูป
                          ถ้าหม่อมฉันได้สั่งสมบุญนั้นไซร้ หม่อมฉันพึงได้ทิพยสมบัติยิ่งกว่า
                          นี้เป็นแน่ ข้าแต่ท้าวมัฆวานจอมเทพผู้เทพกุญชร เพราะบุญกรรมนั้น
                          หม่อมฉันละอัตภาพมนุษย์แล้ว จึงได้มาอภิรมย์อยู่กับพระองค์
                          ท้าวมัฆวานผู้เป็นอธิบดีแห่งทศเทพผู้ทรงเทพกุญชร ได้ทรงสดับเนื้อความ
                          นี้แล้ว เมื่อจะทรงยังทวยเทพเจ้าชาวดาวดึงส์สวรรค์ให้เลื่อมใส ได้
                          ตรัสกะมาตลีเทพบุตรว่า ดูกรมาตลี จงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์
                          นี้ ทานวัตถุแม้มีประมาณน้อยอันนางเทพธิดานี้ทำแล้ว ย่อมเป็นบุญมีผล
                          มาก เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพุทธเจ้า
                          หรือในสาวกของพระตถาคต ทักษิณา ย่อมไม่ชื่อว่ามีผลน้อยเลย มา
                          เถิดมาตลี แม้เราทั้งหลายพึงรีบเร่งบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระตถา-
                          คตให้ยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้ เมื่อพระตถาคต
                          จะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำ
                          เสมอผลก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบธรรม สัตว์ทั้งหลาย
                          ย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการะบูชาในพระตถาคตเหล่าใด
                          ไว้แล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้น เพื่อ
                          ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ.
จบ ปีตวิมานที่ ๙.



http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=32&A=6857&Z=7138

ปภังกรเถราปทานที่ ๖ (๓๓๖)
ว่าด้วยผลแห่งการชำระพระสถูป
             [๓๓๘]     พระเจดีย์ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตระ เชษฐบุรุษของโลก ผู้
                          คงที่ มีอยู่ในป่าชัฏ อันเกลื่อนกล่นด้วยเนื้อร้าย ใครๆ ไม่อาจจะไป
                          เพื่อกราบไหว้พระเจดีย์ พระเจดีย์อันหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ปกคลุม หัก
                          พัง ในกาลนั้น เราเป็นคนทำการงานในป่า ด้วยการงานของบิดาและ
                          ปู่ เราได้เห็นพระสถูปอันหักพัง หญ้าและเถาวัลย์ปกคลุม ในป่าใหญ่
                          ครั้นได้เห็นพระสถูปแห่งพระพุทธเจ้าแล้ว ตั้งจิตเคารพไว้ว่า พระสถูปนี้
                          แห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด หักพังอยู่ในป่า พระสถูปไม่มีอะไร
                          บังแดดฝน ไม่สมควรแก่คนที่รู้คุณและมิใช่คุณ เราได้แผ้วถางพระสถูป
                          แห่งพระพุทธเจ้าแล้ว จึงจะประกอบการงานอื่น ครั้นเราแผ้วถางหญ้าต้นไม้
                          และเถาวัลย์ที่พระเจดีย์ไหว้นบครบ ๘ ครั้งแล้ว กลับไปยังที่อยู่ของตน
                          ด้วยกรรมที่เราทำดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตนามั่น เราละกายมนุษย์
                          แล้ว ได้ไปสู่ชั้นดาวดึงส์ วิมานทองอันบุญกรรมทำไว้ในชั้นดาวดึงส์นั้น
                          สวยงามเลื่อมประภัสสร สูง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์ เราได้เสวย
                          รัชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ครั้ง
                          เมื่อเราท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยใหญ่ ย่อมได้โภคสมบัติมาก ความพร่อง
                          ในโภคสมบัติไม่มีแก่เราเลย นี้เป็นผลแห่งการแผ้วทาง เมื่อเราไปในป่า
                          ใหญ่ด้วยคานหามหรือด้วยคอช้าง เราไปสู่ทิศใดๆ ในทิศนั้นๆ ป่า
                          ย่อมสำเร็จเป็นที่พึ่ง เราไม่เห็นตอหรือแม้หนามด้วยจักษุเลย เราประกอบ
                          ด้วยบุญกรรม บุญกรรมย่อมนำปราศไปเอง โรคเรื้อน ฝี กลาก โรค
                          ลมบ้าหมู คุดทะราด หิดเปื่อย และหิดด้าน ไม่มีแก่เรา นี้เป็นผลแห่ง
                          การแผ้วถาง เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่าง
                          อื่นยังมีอีก เราไม่รู้สึกว่า ต่อมฝีมีหยาดน้ำเหลืองเกิดในกายของเราเลย
                          เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก
                          เราได้ท่องเที่ยวอยู่ในภพ ๒ ภพ คือ ในความเป็นเทวดาหรือมนุษย์
                          เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก
                          เราเป็นผู้มีผิวพรรณดังทองคำ เป็นผู้มีรัศมีในที่ทั้งปวง เพราะเราแผ้วถาง
                          ที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก สิ่งที่ไม่ชอบใจ
                          ไม่มี สิ่งที่ชอบใจเข้ามาตั้งไว้ เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า
                          ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก จิตของเราเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ มีอารมณ์
                          เดียวตั้งมั่นด้วยดี เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์
                          อย่างอื่นยังมีอีก เรานั่งบนอาสนะเดียว ได้บรรลุอรหัต ในกัลปที่แสน
                          แต่กัลปนี้ เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จัก
                          ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการแผ้วถาง คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
                          วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเรา
                          ได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
             ทราบว่า ท่านพระปภังกรเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ปภังกรเถราปทาน.



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=32&A=2098&w=%A1%D1%BB%BB%C3%D8%A1

กัปปรุกขิยเถราปทานที่ ๑๐ (๔๐)
ว่าด้วยผลแห่งการตั้งต้นกัลปพฤกษ์บูชา
             [๔๒]     เราได้คล้องผ้าอันวิจิตรหลายผืนไว้ตรงหน้าพระสถูปอันประเสริฐ ของ
                          พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ แล้วตั้งต้นกัลปพฤกษ์ไว้ เราเข้า
                          ถึงกำเนิดใดๆ คือ ความเป็นเทวดาหรือมนุษย์ในกำเนิดนั้นๆ ต้น
                          กัลปพฤกษ์อันงาม ย่อมประดิษฐานอยู่ใกล้ประตูเรา เวลานั้น เราเอง
                          บริษัทเพื่อนและคนคุ้นเคย ได้ถือเอาผ้าจากต้นกัลปพฤกษ์นั้นมานุ่งห่ม
                          ในกัลปที่ ๙๔ แต่กัลปนี้ เราได้ตั้งต้นกัลปพฤกษ์ใดไว้ ด้วยกรรมนั้น
                          เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการตั้งต้นกัลปพฤกษ์ และในกัลปที่ ๗
                          แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ องค์ ทรงพระนามว่าสุเจละ ทรง
                          สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัม-
                          ภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธ-
                          ศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
             ทราบว่า ท่านพระกัปปรุกขิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ กัปปรุกขิยเถราปทาน.



http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=32&A=7548&Z=7699

จิตกปูชกเถราปทานที่ ๗ (๓๗๗)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกรัง
             [๓๗๙]     เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตระ ผู้สูงสุดปรินิพพานแล้ว มหาชน
                          ช่วยกันยกขึ้นบนจิตกาธาร เราบูชาด้วยดอกรัง ในกัลปที่แสนแต่กัลปนี้
                          เราได้บูชาจิตกาธารด้วยดอกไม้ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย
                          นี้เป็นผลแห่งการบูชาจิตกาธาร การที่เราได้มาในสำนักแห่งพระพุทธเจ้า
                          ของเรา เป็นการมาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ เราบรรลุแล้วโดยลำดับ พระ-
                          พุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพทั้งปวง
                          ขึ้นได้หมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่
                          คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำ
                          ให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
             ทราบว่า ท่านพระจิตกปูชกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ จิตกปูชกเถราปทาน.



http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=32&A=7548&Z=7699

ปัตติปุปผิยเถราปทานที่ ๔ (๓๗๔)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกประดู่
             [๓๗๖]     ในกาลเมื่อพระสัมพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณใหญ่ พระนามว่าปทุมุตระ เสด็จ
                          นิพพานแล้ว คนทั้งปวงมาประชุมกันนำเอาพระสรีระไป เมื่อนำเอาพระ
                          สรีระไป เมื่อเขาประโคมกลองเภรีอยู่ เรามีจิตเลื่อมใสโสมนัส ได้บูชา
                          ด้วยดอกประดู่ ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลเพราะบูชา
                          พระสรีระ การที่เราได้มาในสำนักพระพุทธเจ้าของเรา เป็นการมาดีหนอ
                          วิชชา ๓ เราได้บรรลุแล้วโดยลำดับ พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว
                          เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพทั้งปวงขึ้นได้หมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่อง
                          ผูกรัด ดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ
                          ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระ-
                          พุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
             ทราบว่า ท่านพระปัตติปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่