คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
อบายมุข กับ อบายภูมิ ชื่อมันก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่ หลงเพลิดเพลินมัวเมาในการดื่มกิน
การละเล่น มัวเมาในกามเกินเหตุ ก็มีสิทธิไปอบายเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไปเกิดเป็น
สัตว์เดรัจฉาน
กินเหล้าอย่างเดียว ศีลข้ออื่นไม่ผิดก็นรกเหมือนกัน อันนี้นายนิรยบาลยืนยันเอง
ตอนที่อาจารย์สุขทดสอบมโนมยิทธิกับเพื่อนให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นพยาน
อาจารย์สุขและเพื่อนชอบกินเหล้า และเลิกเหล้าได้เพราะตอนทดลองไปพิสูจน์นรก
แล้วนายนิรยบาลบอกว่า 2 คนนี้ชอบกินเหล้าตายแล้วต้องไปนรก
ผิดศีลข้อ 5 กินเหล้าอย่างเดียวตายแล้วก็ไปนรกเหมือนกัน ในพระไตรปิฎกก็บอกว่า
ศีล 5 รักษาความเป็นมนุษย์ ยิ่งตายตอนเมาเหล้าเมาเบียร์จะประคองสติไว้ได้หรือเปล่าล่ะ
ถ้าก่อนตายรักษาจิตให้ผ่องใสไม่ได้ ทุคติภูมิก็เป็นอันหวังได้ เวลาเมาเหล้าเมาเบียร์ ไปลอง
ทำจิตให้สงบเป็นสมาธิเล็กน้อยดูสิว่าทำได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ตายตอนนั้นก็เท่ากับขาดสติ
เขาเรียกว่าหลงตาย
การละเล่น มัวเมาในกามเกินเหตุ ก็มีสิทธิไปอบายเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไปเกิดเป็น
สัตว์เดรัจฉาน
กินเหล้าอย่างเดียว ศีลข้ออื่นไม่ผิดก็นรกเหมือนกัน อันนี้นายนิรยบาลยืนยันเอง
ตอนที่อาจารย์สุขทดสอบมโนมยิทธิกับเพื่อนให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นพยาน
อาจารย์สุขและเพื่อนชอบกินเหล้า และเลิกเหล้าได้เพราะตอนทดลองไปพิสูจน์นรก
แล้วนายนิรยบาลบอกว่า 2 คนนี้ชอบกินเหล้าตายแล้วต้องไปนรก
ผิดศีลข้อ 5 กินเหล้าอย่างเดียวตายแล้วก็ไปนรกเหมือนกัน ในพระไตรปิฎกก็บอกว่า
ศีล 5 รักษาความเป็นมนุษย์ ยิ่งตายตอนเมาเหล้าเมาเบียร์จะประคองสติไว้ได้หรือเปล่าล่ะ
ถ้าก่อนตายรักษาจิตให้ผ่องใสไม่ได้ ทุคติภูมิก็เป็นอันหวังได้ เวลาเมาเหล้าเมาเบียร์ ไปลอง
ทำจิตให้สงบเป็นสมาธิเล็กน้อยดูสิว่าทำได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ตายตอนนั้นก็เท่ากับขาดสติ
เขาเรียกว่าหลงตาย
แสดงความคิดเห็น
ศีลข้อ 5 ดื่มสุราไม่บาปจริงหรือไม่? สัทธรรมปฏิรูป โดยหมูชมพู
นี่หรือคือความเห็นของผู้ที่อ้างว่าศึกษาปริยัติ และพระอภิธรรม
ผมว่าน่าจะเพี้ยนไปแล้วล่ะครับ
ยังมาอ้างด้วยนะในทางปฏิบัติ
ผมล่ะ งง ว่าปฏิบัติที่ว่าคืออะไร
ผมจึงชอบยกคำสอนของหลวงปู่มั่นมาอยู่บ่อยๆ
"... สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ธรรมของพระตถาคต เมื่อเข้าไปประดิษฐานในสันดานของปุถุชนแล้ว ย่อมเป็นของปลอม (สัทธรรมปฏิรูป) แต่ถ้าเข้าไปประดิษฐานในจิตสันดานของพระอริยเจ้าแล้วไซร์ ย่อมเป็นของบริสุทธิ์แท้จริง และเป็นของไม่ลบเลือนด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อยังเพียรแต่เรียนพระปริยัติธรรมถ่ายเดียว จึงยังใช้การไม่ได้ดี ต่อเมื่อมาฝึกหัดปฏิบัติจิตใจกำจัดเหล่ากะปอมก่า (กิ้งก่า) คืออุปกิเลสแล้วนั่นแหละ จึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จเต็มที่ และทำให้พระสัทธรรมบริสุทธิ์ ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนจากหลักเดิมด้วย..." โอวาทธรรม พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต