“อมตธาตุ” (อมต + ธาตุ) หมายถึง ธาตุที่ไม่ตาย หรือ ภาวะที่ไม่เกิดไม่ดับ หมายถึง นิพพาน หรือ พระนิพพานธาตุ
อมตธาตุ ในพระไตรปิฎกหมายถึง พระนิพพาน ซึ่งเป็นธรรมชาติที่จิตพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่เวียนว่ายในสังสารวัฏอีกต่อไป ไม่มีทุกข์ ไม่มีเหตุแห่งทุกข์ เป็นธรรมอันสงบ เย็น และเป็นบรมสุข
คำอธิบายในพระไตรปิฎก มีการกล่าวถึงในหลายพระสูตร เช่น:
• ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ (อิติวุตตกสูตร 43):
“มีอมตธรรม อันตถาคตแสดงไว้ คือ นิพพานธาตุ”
• สังยุตตนิกาย นิพพานวรรค:
“…ตนฺตํ นิโรโธ นิปฺปโถ อนุปฺปาโท อนุตฺติตา อนวตฺถานา อโยนิสมนสิการา อมตธาตุ.”
แปลโดยรวมว่า “นิพพานเป็นทางดับ เป็นทางหลุดพ้น ไม่มีการเกิดขึ้นใหม่ ไม่มีความเคลื่อนไหว อันเป็นอมตธาตุ”
อมตธาตุ ในพระไตรปิฎก = นิพพาน
• คือ สภาพธรรมที่จิตไม่ตาย ไม่เกิด
• จิตพ้นจากกิเลสและวัฏฏะทั้งปวง
“น้อมจิตเข้าไปในอมตธาตุ” ในบริบทของ พระไตรปิฎก หมายถึงการ ตั้งใจแน่วแน่ทางจิตใจ เพื่อน้อมนำสติ สมาธิ วิปัสสนา (ปัญญา) เข้าสู่ พระนิพพาน (อมตธาตุ) ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรม
• “น้อมจิต” = ตั้งจิตแน่วแน่ ตั้งใจ หันจิตไปทางใดทางหนึ่งด้วยสติและความเพียร
• “เข้าไปใน” = มุ่งไปสู่ มีความแนบแน่น หรือเข้าไปถึง
• “อมตธาตุ” = นิพพาน ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่เกิด ไม่ตาย
การ “น้อมจิตเข้าไปในอมตธาตุ” คือ
การตั้งใจปฏิบัติธรรม คือ รักษาศีล ทำสมาธิวิปัสสนา เพื่อให้จิตพ้นจากสังสารวัฏ ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกียธรรมและมุ่งตรงเข้าสู่ นิพพาน อันเป็นธรรมอันสงบเย็นพ้นจากทุกข์ และไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก
อ้างอิงจากพระไตรปิฎก:
ใน พระไตรปิฎก เล่ม 25 สังยุตตนิกาย นิพพานวรรค
มีข้อความใน ขีณาสวสูตร กล่าวไว้ว่า:
“ตถาคตนํ… จิตฺตํ อมตธาตุ ปติฏฺฐิตํ” แปลว่า
“จิตของตถาคตทั้งหลายย่อมตั้งมั่นอยู่ในอมตธาตุ”
คือ นิพพาน ซึ่งเป็นสภาวะที่พ้นจากการเกิดและการตาย
ข้อความนี้มีอยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 25 สังยุตตนิกาย นิพพานวรรค
กล่าวโดยสรุป คือ
เข้าฌาน ละขันธ์ห้า น้อมจิตสู่อมตธาตุ เพื่อเข้านิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายเพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง ทุติยฌานบ้าง ตติยฌานบ้าง จตุตถฌานบ้าง อากาสนัญจายตนฌานบ้าง วิญญาณัญจายตนฌานบ้าง อากิญจัญยายตนฌานบ้าง เนวสัญญานาสัญญายตนฌานบ้างภิกษุในธรรมวินัยนี้สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุฌานเธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร ไม่มีสุข เป็นอาพาธ เป็นของผู้อื่น เป็นของชำรุด ว่างเปล่า เป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้นครั้นแล้ว เธอย่อมโน้มจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความคลายกำหนัด ความดับ นิพพาน
(ฌานสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง ๒๓/๒๔๐/๑๔๑)
จิตของตถาคตทั้งหลายย่อมตั้งมั่นอยู่ในอมตธาตุ
อมตธาตุ ในพระไตรปิฎกหมายถึง พระนิพพาน ซึ่งเป็นธรรมชาติที่จิตพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่เวียนว่ายในสังสารวัฏอีกต่อไป ไม่มีทุกข์ ไม่มีเหตุแห่งทุกข์ เป็นธรรมอันสงบ เย็น และเป็นบรมสุข
คำอธิบายในพระไตรปิฎก มีการกล่าวถึงในหลายพระสูตร เช่น:
• ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ (อิติวุตตกสูตร 43):
“มีอมตธรรม อันตถาคตแสดงไว้ คือ นิพพานธาตุ”
• สังยุตตนิกาย นิพพานวรรค:
“…ตนฺตํ นิโรโธ นิปฺปโถ อนุปฺปาโท อนุตฺติตา อนวตฺถานา อโยนิสมนสิการา อมตธาตุ.”
แปลโดยรวมว่า “นิพพานเป็นทางดับ เป็นทางหลุดพ้น ไม่มีการเกิดขึ้นใหม่ ไม่มีความเคลื่อนไหว อันเป็นอมตธาตุ”
อมตธาตุ ในพระไตรปิฎก = นิพพาน
• คือ สภาพธรรมที่จิตไม่ตาย ไม่เกิด
• จิตพ้นจากกิเลสและวัฏฏะทั้งปวง
“น้อมจิตเข้าไปในอมตธาตุ” ในบริบทของ พระไตรปิฎก หมายถึงการ ตั้งใจแน่วแน่ทางจิตใจ เพื่อน้อมนำสติ สมาธิ วิปัสสนา (ปัญญา) เข้าสู่ พระนิพพาน (อมตธาตุ) ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรม
• “น้อมจิต” = ตั้งจิตแน่วแน่ ตั้งใจ หันจิตไปทางใดทางหนึ่งด้วยสติและความเพียร
• “เข้าไปใน” = มุ่งไปสู่ มีความแนบแน่น หรือเข้าไปถึง
• “อมตธาตุ” = นิพพาน ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่เกิด ไม่ตาย
การ “น้อมจิตเข้าไปในอมตธาตุ” คือ
การตั้งใจปฏิบัติธรรม คือ รักษาศีล ทำสมาธิวิปัสสนา เพื่อให้จิตพ้นจากสังสารวัฏ ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกียธรรมและมุ่งตรงเข้าสู่ นิพพาน อันเป็นธรรมอันสงบเย็นพ้นจากทุกข์ และไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก
อ้างอิงจากพระไตรปิฎก:
ใน พระไตรปิฎก เล่ม 25 สังยุตตนิกาย นิพพานวรรค
มีข้อความใน ขีณาสวสูตร กล่าวไว้ว่า:
“ตถาคตนํ… จิตฺตํ อมตธาตุ ปติฏฺฐิตํ” แปลว่า
“จิตของตถาคตทั้งหลายย่อมตั้งมั่นอยู่ในอมตธาตุ”
คือ นิพพาน ซึ่งเป็นสภาวะที่พ้นจากการเกิดและการตาย
ข้อความนี้มีอยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 25 สังยุตตนิกาย นิพพานวรรค
กล่าวโดยสรุป คือ
เข้าฌาน ละขันธ์ห้า น้อมจิตสู่อมตธาตุ เพื่อเข้านิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายเพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง ทุติยฌานบ้าง ตติยฌานบ้าง จตุตถฌานบ้าง อากาสนัญจายตนฌานบ้าง วิญญาณัญจายตนฌานบ้าง อากิญจัญยายตนฌานบ้าง เนวสัญญานาสัญญายตนฌานบ้างภิกษุในธรรมวินัยนี้สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุฌานเธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร ไม่มีสุข เป็นอาพาธ เป็นของผู้อื่น เป็นของชำรุด ว่างเปล่า เป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้นครั้นแล้ว เธอย่อมโน้มจิตไปเพื่ออมตธาตุว่า นั่นสงบ นั่นประณีต คือ ธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความคลายกำหนัด ความดับ นิพพาน
(ฌานสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง ๒๓/๒๔๐/๑๔๑)