ทำไมอานิสงส์ของการเจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานจึงมีอานิสงส์มาก

ทำไมอานิสงส์ของการเจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานจึงมีอานิสงส์มากกว่าการทำทานและถือศีล หลายร้อยหลายพันเท่า???

บุญล้วนเกิดขึ้นที่จิต (ใจ) การทำบุญแล้วจิตใจแช่มชื่นนั้นแหละยิ่งมีผลบุญและอานิสงส์มาก

การเจริญสมถกรรมฐาน โดยการกำหนดรู้ลมหายใจ เข้า-ออก หรือบริกรรม พุทโธ เป็นการปลุก ตัวรู้ หรือ ผู้รู้ให้ตื่นขึ้น จากการหลับใหลมัวเมาในกิเลสและขันธ์ 5 ยิ่งมีสติกำหนดรู้ลมหายใจ เข้า-ออก หรือบริกรรมมาก ตัวรู้จะยิ่งเด่นชัดมีกำลังมาก ลองสังเกตุว่าขณะที่กำหนดรู้ลมหายใจ เข้า-ออก หรือบริกรรม กิเลส อวิชชาและความคิดปรุงแต่ง ไม่สามารถเข้ามาแทรกในจิตได้ และจะค่อยๆอ่อนกำลังลงจนสิ้นแรงไปชั่วขณะ

ณ ขณะนั้น จิตจะคืนสู่สภาพเดิมแท้ คือ ผ่องใสเป็นประภัสสร ตั้งมั่นเด่นชัด มีอารมณ์เป็นกลาง คือ อุเบกขา สักแต่ว่ารู้ ไม่สุขและไม่ทุกข์ ไร้ความคิดฟุ้งซ่าน เรียกว่า เอกัคตาและอุเบกขา จิตที่ผ่องใส เป็นประภัสสรนั่นแหละได้บุญมาก มากยิ่งกว่าการทำทานและถือศีล เพราะจิตได้ฟอกเอากิเลส อวิชชา ออกจากจิตไปชั่วขณะ ได้เดินทางใกล้พระนิพพานแล้ว

จิตที่ผ่องใสเป็นประภัสสร ยังมีเชื้ออวิชชาแฝงอยู่ จึงต้องกำจัดอวิชชาให้สิ้นซาก ด้วยวิชาหรือปัญญาจากการเจริญวิปัสสนาในขณะที่จิตตั้งมั่นเป็นอุเบกขา มีความเป็นกลาง พิจารณาความไม่เที่ยงของขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

จิตจะเกิดปัญญา หลุดพ้นจากกิเลส อวิชชาเบื่อหน่ายในขันธ์ 5 ก้าวเข้าสู่ภูมิอริยบุคคล ข้ามโครตภูญาณ หยุดวงจารการเวียนว่ายตายเกิด ปฏิจจสมุปบาท การหยุดการเวียนว่ายตายเกิด เป็นบุญ เป็นกุศลสูงสุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่