เพ็ญจันทร์ไม่ยอมฟังเหตุผลคำอธิบายหยิบรายงานของมัจฉาฉีกออกเป็นชิ้น ๆ มัจฉาเสียใจมากหยิบเศษกระดาษทั้งหมดที่หล่นกองรวมไว้บนโต๊ะ วันรุ่งขึ้นในชั่วโมงเรียนปฏิบัติการหลักชีวิทยาปลา สุปราณีย์บอกให้ทุกคนนำรายงานมาส่ง ทุกคนนำรายงานไปส่งยกเว้นมัจฉา หลังหมดคาบเรียนสุปราณีย์เรียกพบมัจฉาเป็นการส่วนตัว
“ มัจทำไมไม่มีรายงานมาส่งละ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า บอกป้ามาสิ ” มัจฉาหยิบเศษกระดาษทั้งหมดให้สุปราณีย์ดู
“ มัจทำเสร็จแล้วแต่เพื่อนของป้านะสิเข้าใจผิดคิดว่ามัจวาดรูปเล่นฉีกรายงานของมัจทิ้งหมดเลย ”
“ ไม่เป็นไรนะลูก ว่างแล้วค่อยทำมาส่งป้าใหม่แล้วกัน ”
“ ขอบคุณค่ะป้า ” เพ็ญจันทร์กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง สุปราณีย์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับโยนเศษกระดาษตรงหน้าของเพ็ญจันทร์ด้วยความโมโห เพ็ญจันทร์งงเงยหน้าขึ้นไม่เข้าใจพฤติกรรมที่แสดงออกของสุปราณีย์
“ นี่มันอะไรกัน เธอเอาเศษกระดาษจากที่ไหนมาโยนใส่หน้าของฉัน ”
“ ฉันต้องถามเธอมากกว่าว่าเธอไปฉีกรายงานของหลานทำไม นี่มันรายงานที่มัจต้องส่งฉันวันนี้ เพ็ญเธอเป็นบ้าไปแล้ว ทำไมไม่ฟังหลานบ้างเอาแต่อารมณ์ตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เธอคอยดูวันหนึ่งมัจฉาจะทิ้งเธอไปแล้วจะไม่กลับมาหาเธออีกเลย ”
“ ภาพวาดนั้นเป็นรายงานผลปฏิบัติการชีวิทยาปลาเป็นรายงานที่นักศึกษาทุกคนต้องส่ง ”
“ ใช่ ฉันหวังว่าคราวหน้าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ” เพ็ญจันทร์เงียบพูดไม่ออกเมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมด เมื่อย้อนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อวาน มัจฉาพยายามอธิบายแต่ตัวเองกลับไม่ยอมฟัง เพ็ญจันทร์รู้สึกผิดกับมัจฉา
“ นี่เราทำอะไรลงไป ป้าขอโทษนะลูก ” มัจฉารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตของตนเองที่ต้องมีปัญหากับเพ็ญจันทร์ไม่เว้นแต่ละวัน เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉากลับบ้านต้องการปรับความเข้าใจและอยากขอโทษมัจฉา
มัจฉาไม่ต้องการมีปัญหาเพ็ญจันทร์อีกต่อไป หลังจากขายก๋วยเตี๋ยวเสร็จมัจฉาจะกลับเข้าบ้านทางหลังบ้านทำให้ไม่ต้องเจอกับเพ็ญจันทร์แต่ในวันนี้เพ็ญจันทร์รู้ทันมานั่งรอมัจฉาอยู่ตรงศาลาริมน้ำหลังบ้าน
มัจฉาตกใจที่เจอเพ็ญจันทร์
“ มัจ ป้ามีเรื่องจะคุยด้วย ”
“ คุณนายจะด่าอะไรมัจอีกละถึงมาดักรอมัจอยู่ที่นี้คงเป็นเรื่องสำคัญมากละสิ มัจทำอะไรผิดอีกละ ” มัจฉาหยิบกิ่งไม้ใส่ในมือของเพ็ญจันทร์พร้อมทั้งยืนกอดอกหันหลังให้เพ็ญจันทร์ การกระทำของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ถึงกลั้นน้ำตาไม่ไหวหันหลังกลับไปพร้อมกับโยนกิ่งไม้ทิ้ง
“ มัจประชดป้าหรอถึงได้ทำแบบนี้ทำเหมือนป้าเป็นใจร้าย ” มัจฉาเงียบ
“ มัจไม่ต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนะเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของมัจทุกอย่าง ป้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ”
“ ไม่เป็นไร คุณนายเก็บเงินเอาไว้พี่พุดเรียนดีกว่า มัจหาเงินเรียนเองได้ไม่ต้องไปรบกวนเงินของคุณนายเก็บเงินไว้ให้พี่พุด ”
“ ทำไมมัจพูดกับป้าแบบนี้ มัจเป็นหลานแท้ ๆ ของป้าเหมือนกับพุทธชาดไม่ใช่คนอื่นสักหน่อยแล้วทำไมป้าจะให้เงินมัจไม่ได้ละ ”
“ มัจจะเชื่อใจคุณนายได้แค่ไหนว่าวันหนึ่งคุณนายจะไม่เปลี่ยนใจ ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณนายเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน มัจจะเอาเงินที่ไหนเรียนมาใช้ส่วนตัวละ มัจไม่อยากเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเองหรอกนะเพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาคนที่ลำบากคือมัจไม่ใช่คุณนาย หวังว่าคุณนายคงเข้าใจ ” มัจฉาเดินออกไป เพ็ญจันทร์เงียบพูดไม่ออกไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ในคำตอบของมัจฉาเพราะสิ่งที่มัจฉาพูดมาล้วนเป็นความจริง เพ็ญจันทร์เสียใจที่มัจฉาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากตนคิดหาวิธีให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยวยอมรับความช่วยเหลือจากตนเอง กิจการร้านสามเกลอไปได้ด้วยดี มัจฉาพอใจในการในการใช้ชีวิตแบบนี้ เพ็ญจันทร์จ้างคนไปพังร้านสามเกลอจนไม่เหลือซาก มัจฉา เข้มและเบิ้มตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ นี่พวกเราเดินไปเดินเหยียบหางใครเข้าหรือเปล่า ร้านพังหมดเลย ”
“ นั่นนะสิ พวกเราไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครแล้วทำไมคนพวกนั้นต้องมาพังร้านของเราด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย ”
“ คิดเสียว่าเป็นบทเรียนของชีวิตแล้วกัน ในเมื่อร้านพังเราทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นิ ”
“ แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนซื้อของใช้จำเป็นทำร้านใหม่ละ ”
“ นั่นนะสิ ทำไงละที่นี้ ทุกอย่างกำลังไปได้ดีเลย ”
“ ฉันมีวิธี เงินด่วนทันใจของเจ๊เล้งคนแถวนี้รู้จักกันดี ใครเดือดร้อนเรื่องเงินให้นึกถึงเจ๊เล้ง ”
“ ถึงกับต้องไปกู้เงินนอกระบบเลยหรอเนี่ย ”
“ มันมีทางเลือกที่ดีกว่าดีไหม ”
“ ตราบใดที่มีลมหายใจก็ต้องสู้กันต่อไป ” เจ๊เล้งเป็นเจ้าของตลาดและเป็นเจ้าแม่เงินกู้ ทุกคนในละแวกนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดีใครร้อนเงินนึกถึงเจ๊เล้งเป็นคนแรก เงินด่วนทันใจ เข้ม เบิ้มและมัจฉาไปหาเจ๊เล้งที่สำนักงานท้ายตลาด หลังจากทำสัญญาเงินกู้เป็นที่เรียบร้อยทั้งสามคนนำเงินที่ได้มาลงทุนเปิดร้านใหม่อีกครั้ง เพ็ญจันทร์เข้าใจว่ามัจฉาจะยอมรับความช่วยเหลือจากตนเองหลังจากที่รู้ข่าวจากลูกน้องแต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มัจฉายังไปขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม มัจฉา เข้มและเบิ้มนำเงินที่กู้ไปคืนเจ๊เล้งแต่เจ๊เล้งคิดไม่ซื่อคิดโกงเงินพวกของมัจฉา
“ พวกฉันเอาเงินมาคืนเจ๊ทั้งต้นทั้งดอก ”
“ นี่มันได้แค่ดอกเบี้ย ”
“ ฉันกู้เงินเจ๊ไปห้าพันบาท ฉันให้เงินเจ๊ไปหกพันไม่ถูกหรือไง พวกฉันกู้เงินเจ๊ไปแค่วันเดียวเอง ”
“ เงินต้นห้าหมื่นดอกห้าพัน พวกเธอคืนเงินให้ฉันแค่หกพันมันได้แค่ดอกเบี้ยเท่านั้นเอง ”
“ หมายความว่ายังไง พวกฉันกู้เงินเจ๊ห้าพันไม่ใช่ห้าหมื่น เมื่อวานเจ๊ให้เงินพวกฉันมาแค่ห้าพันแต่มาวันนี้เจ๊มาบอกกับว่าพวกเรากู้เงินเจ๊ห้าหมื่น ” ลูกน้องของเจ๊เล้งหยิบสัญญาเงินกู้มาให้มัจฉา เข้มและเบิ้มดูทั้งสามคนตกใจมากเมื่อเห็นตัวเลข เจ๊เล้งแอบเพิ่มจำนวนเลขศูนย์ลงหนึ่งตัวในสัญญาเงินกู้ทำให้เงินห้าพันบาทกลายเป็นห้าหมื่นบาท
“ นี่มันอะไรกัน ”
“ ชัดเจนพอไหม ” มัจฉา เข้มและเบิ้มเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ๊เล้งทั้งสามคนถึงกับเครียดช่วยกันคิดหาวิธีหาเงินมาคืนเจ๊เล้งให้เร็วที่สุดเพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เจ๊เล้งไม่ต้องการเงินแม้แต่นิดเดียวแต่กลับคิดชั่วต้องการตัวของมัจฉามาขัดดอกเพื่อที่จะตัวเองได้โกยโกยผลประโยชน์จากความสาวของมัจฉา ภายนอกที่ทุกคนเห็นเจ๊เล้งเป็นเจ้าของตลาดและเจ้าแม่เงินกู้แต่ลับหลังเจ๊เล้งทำธุรกิจสีเทา คนในวงการรู้จักกันเป็นอย่างดีคอยจัดหาเด็กสาว ๆ ไปสังเวยกามให้กับนักการเมือง ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือแม้กระทั่งนักธุรกิจ เจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องให้ไปพังร้านของมัจฉาจนไม่เหลือซากทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนับตั้งแต่วันนั้น
“ พังหมดแล้ว พังไม่เหลือนี่มันอะไรกันนักหนา ”
“ เห้อ ! เวรกรรมอะไรของพวกเราเนี่ย ฉันแหละอยากรู้จริง ๆว่าพวกมันเป็นพวกของใคร เมื่อไหร่จะเลิกจองเวรกับพวกเราสักที ”
“ เดาได้ไม่ยาก ไอ้พวกเวรนี่ต้องเป็นคนที่เจ๊เล้งส่งมา ฉันสังเกตเห็นพวกมันมองฉันแปลก ๆ เหมือนกำลังจะทำอะไรบางอย่าง ”
“ ฉันต้องขอโทษพวกแกสองคนด้วยที่ทำให้เดือดร้อนเป็นเพราะฉันคนเดียวเลย ถ้าวันนั้นฉันไม่พาพวกแกไปกู้เงินกับเจ๊เล้ง ปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับพวกเรา ”
“ มันไม่ใช่ความผิดของแกเลย ทุกปัญหามีทางแก้ ”
“ วันพรุ่งนี้เราจะเอาเงินที่ไหนให้เจ๊เล้ง ”
“ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน วันนี้เรามาเช็ดล้างทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ปิดร้านไม่มีกำหนด ” วันรุ่งขึ้นเจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องไปเก็บเงินกับมัจฉา เข้มและเบิ้มแต่ในวันนี้ทั้งสามคนไม่มีเงินจ่ายทำให้ต้องหลบลูกน้องของเจ๊เล้ง
“ พวกมันมาโน้นแล้ว พวกเราหลบตรงนี้กันก่อน ” มุมมืดตรงแผงขายผักเป็นที่หลบภัยได้เป็นอย่างดี ลูกน้องของเจ๊เล้งเริ่มโมโหที่พวกของมัจฉายังไม่ออกมาจากที่ซ่อน
“ รู้นะว่าหลบอยู่แถวนี้ ถ้ายังไม่อยากตายออกมาได้แล้ว ” พวกของมัจฉาไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง ลูกน้องของเจ๊เล้งทำลายทุกสิ่งอย่างที่อยู่ตรงหน้า
“ นับหนึ่งถึงสามถ้ายังไม่ออกมา อย่าหาว่าพวกฉันใจร้ายแล้วกัน นับหนึ่ง นับสอง ” มัจฉา เข้ม และเบิ้มออกมาจากที่ซ่อนตัว
“ ไหนละดอกเบี้ยของวันนี้จ่ายมาซะดี ๆ ”
“ ขอผลัดไปก่อนได้ไหม วันนี้ฉันยังไม่มี ”
“ ได้แต่ส่งเพื่อนผู้หญิงมาขัดดอกให้เจ๊ก่อนแล้วกัน มีเงินเมื่อไหร่ค่อยมาไถ่ตัวคืนไป ”
“ ข้ามศพฉันไปก่อนแล้วกัน ฉันไม่ยอมให้พวกแกสองคนทำอะไรเพื่อนของฉันเด็ดขาด ไอ้มัจรีบหนีไปเร็ว ”
“ ไม่หนี ฉันจะอยู่ตรงนี้เอาศพของฉันไปให้อีเจ๊หน้าเลือดแล้วกัน ”
“ แกหนีไปก่อน ทางนี้พวกฉันสองคนจัดการเอง ”
“ ไอ้เพื่อนบ้า ฉันจะทิ้งพวกแกไปได้ไง ถ้าจะตายก็ตายพร้อมกันตรงนี้แหละ ” ลูกน้องของเจ๊เล้งพยายามจับตัวมัจฉา เข้มกับเบิ้มช่วยกันสกัดไม่ให้พวกมันจับตัวมัจฉาได้จนถูกพวกมันกระทืบจมกองเลือดนอนกองกับพื้น มัจฉาพยุงทั้งสองคน ลูกน้องของเจ๊เล้งพยายามเข้ามาจับตัวมัจฉาให้ได้ มัจฉาใช้วิชามวยที่เรียนมาต่อสู้กับลูกน้องของเจ๊เล้งจนพวกมันนอนกองกับพื้น มัจฉา เข้ม กับเบิ้มช่วยกันพยุงกำลังเดินออกไปสภาพของแต่ละคนสะบักสะบอมร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
“ เก่งมากหรือไงหยุดอยู่ตรงนั้น ” ลูกน้องของเจ๊เล้งเล็งปืนมาที่พวกของมัจฉาทำให้ทั้งสามคนต้องหยุดอยู่กับที่ ลูกน้องอีกคนหนึ่งเดินมาจับตัวมัจฉา มัจฉาขัดขืนถูกตบด้ามปืนจนเลือดกลบปาก
“ จะยอมไปแบบเดินได้หรือว่าจะไปแบบขยับร่างกายไม่ได้ หยุดอยู่นิ่งเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ” ลูกน้องของเจ๊เล้งจับตัวมัจฉา ในขณะที่ลูกน้องอีกคนเดินคุมเข้มกับเบิ้ม น้ำหวานผ่านมาเห็นเข้ามาพอดีสั่งให้คนขับรถจอดรถทันที
“ นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกแกจะพาเพื่อนของฉันไปไหน ”
“ ลองถามเพื่อนแกดูสิ ”
“ มัจ ! แกบอกฉันมาพวกมันจับตัวแกทำไม ”
“ ฉันไม่มีเงินให้พวกมัน เรื่องมันยาวเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังวันหลัง วันนี้แกกลับไปก่อน ”
+ “ ฉันไม่กลับ แกเอาเงินพวกมันมาเท่าไหร่ทำไมพวกมันต้องซ้อมพวกแกจนน่วมไปทั้งตัวแบบบนี้ ”
“ ฉันกู้เงินเจ๊เล้งมาห้าพันแต่พวกมันโกงฉันเขียนในหนังสือสัญญาว่าห้าหมื่น ฉันต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละห้าพัน วันนี้ฉันไม่มีเงินให้ พวกมันจะเอาฉันไปขัดดอก ”
“ หนี้ทั้งหมดของแก ฉันจ่ายให้เอง พวกแกพาฉันไปพบกับเจ๊เล้ง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายของพวกแก ” ลูกน้องของเจ๊เล้งมองหน้ากันพยักหน้าเป็นการตอบตกลง เจ๊เล้งรอฟังคำข่าวดีจากลูกน้องนั่งทำงานอย่างสบายใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เจ๊เล้งสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ
“ เบา ๆ หน่อยสิ ฉันตกใจหมดเลยแล้วนั่นพาใครมาด้วย ”
“ คิดว่าใครเจ๊นี่เอง ”
“ คุณหนูน้ำหวาน ! พวกแกจับคุณหนูมาตัวคุณหนูมาทำไม อยากไปกินข้าวแดงในคุกหรือไง ”
“ เจ๊เพื่อนของหวานกู้เงินเจ๊มาเท่าไหร่ ฉันจ่ายให้เองทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ”
“ ไม่เป็นไรค่ะคุณหนู เจ๊ยกให้ ”
“ ไม่เป็นไรเจ๊บอกฉันมาว่าเท่าไหร่ ” เจ๊เล้งอึกอักไม่กล้าตอบน้ำหวาน
“ ห้าหมื่นใช่ไหมเจ๊รอสักครู ฉันให้คนขับรถไปเบิกเงินที่ธนคารมาให้ ” เจ๊เล้งรู้จักกับพ่อของน้ำหวานเป็นอย่างดี พ่อของน้ำหวานเป็นตำรวจยศพันเอกทำหน้าที่ดูแลปกครองคนที่ทำธุรกิจสีเทาในแถบนี้ เจ๊เล้งคอยจัดหาเด็กสาวมาบริการให้พ่อของน้ำหวานอยู่เป็นประจำและพ่อของน้ำหวานคอยหลบหลีกเป็นเกราะกันภัยไม่ให้ตำรวจคนอื่น ๆ มายุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของเจ๊เล้งทำให้ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเรื่อยมาก น้ำหวานนำเงินห้าหมื่นบาทมาคืนกับเจ๊เล้งพร้อมทั้งกำชับว่า ห้ามเจ๊เล้งมาวุ่นวายกับพวกของมัจฉาอีกต่อไป เจ๊เล้งตอบตกลง
“ ฉันจ่ายเงินให้เจ๊แล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ๊ห้ามมายุ่งเกี่ยววุ่นวายกับเพื่อนฉันอีก ฝีมือเจ๊ใช่ไหมที่สั่งให้ลูกน้องไปพังร้าน ”
“ ครั้งล่าสุดนี่ใช่แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ฝีมือของเจ๊ ”
“ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางใครทางมันไม่ต้องมายุ่งเกี่วกันอีกแล้ว เพื่อนของฉันไม่เคยไปยุ่งเรื่องของเจ๊อยู่นิต่างคนต่างทำมาหากิน ”
“ ได้ค่ะคุณหนู ”
“ เพื่อนฉันจะมาเปิดร้านได้ยังไงในเมื่อทุกคนกลัวลูกน้องของเจ๊กันหมด ปัญหานี้นี้เจ๊ต้องจัดการด้วย ”
“ ได้ค่ะคุณหนูเดี๋ยวเจ๊ให้ลูกน้องไปประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ทุกคนกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวสามเกลอเหมือนเดิม ”
“ อย่าลืมที่รับปากไว้นะเจ๊ ” เจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องไปช่วยซ่อมแซมร้านของสามเกลอให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมพร้อมทั้งซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้จำเป็นในการทำก๋วยเตี๋ยวคืนให้กับมัจฉาทั้งหมด
“ ไอ้มัจแกมีปัญหาอะไร
กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 2 ร้านสามเกลอ ( ต่อ )
“ มัจทำไมไม่มีรายงานมาส่งละ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า บอกป้ามาสิ ” มัจฉาหยิบเศษกระดาษทั้งหมดให้สุปราณีย์ดู
“ มัจทำเสร็จแล้วแต่เพื่อนของป้านะสิเข้าใจผิดคิดว่ามัจวาดรูปเล่นฉีกรายงานของมัจทิ้งหมดเลย ”
“ ไม่เป็นไรนะลูก ว่างแล้วค่อยทำมาส่งป้าใหม่แล้วกัน ”
“ ขอบคุณค่ะป้า ” เพ็ญจันทร์กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง สุปราณีย์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับโยนเศษกระดาษตรงหน้าของเพ็ญจันทร์ด้วยความโมโห เพ็ญจันทร์งงเงยหน้าขึ้นไม่เข้าใจพฤติกรรมที่แสดงออกของสุปราณีย์
“ นี่มันอะไรกัน เธอเอาเศษกระดาษจากที่ไหนมาโยนใส่หน้าของฉัน ”
“ ฉันต้องถามเธอมากกว่าว่าเธอไปฉีกรายงานของหลานทำไม นี่มันรายงานที่มัจต้องส่งฉันวันนี้ เพ็ญเธอเป็นบ้าไปแล้ว ทำไมไม่ฟังหลานบ้างเอาแต่อารมณ์ตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เธอคอยดูวันหนึ่งมัจฉาจะทิ้งเธอไปแล้วจะไม่กลับมาหาเธออีกเลย ”
“ ภาพวาดนั้นเป็นรายงานผลปฏิบัติการชีวิทยาปลาเป็นรายงานที่นักศึกษาทุกคนต้องส่ง ”
“ ใช่ ฉันหวังว่าคราวหน้าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ” เพ็ญจันทร์เงียบพูดไม่ออกเมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมด เมื่อย้อนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อวาน มัจฉาพยายามอธิบายแต่ตัวเองกลับไม่ยอมฟัง เพ็ญจันทร์รู้สึกผิดกับมัจฉา
“ นี่เราทำอะไรลงไป ป้าขอโทษนะลูก ” มัจฉารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตของตนเองที่ต้องมีปัญหากับเพ็ญจันทร์ไม่เว้นแต่ละวัน เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉากลับบ้านต้องการปรับความเข้าใจและอยากขอโทษมัจฉา
มัจฉาไม่ต้องการมีปัญหาเพ็ญจันทร์อีกต่อไป หลังจากขายก๋วยเตี๋ยวเสร็จมัจฉาจะกลับเข้าบ้านทางหลังบ้านทำให้ไม่ต้องเจอกับเพ็ญจันทร์แต่ในวันนี้เพ็ญจันทร์รู้ทันมานั่งรอมัจฉาอยู่ตรงศาลาริมน้ำหลังบ้าน
มัจฉาตกใจที่เจอเพ็ญจันทร์
“ มัจ ป้ามีเรื่องจะคุยด้วย ”
“ คุณนายจะด่าอะไรมัจอีกละถึงมาดักรอมัจอยู่ที่นี้คงเป็นเรื่องสำคัญมากละสิ มัจทำอะไรผิดอีกละ ” มัจฉาหยิบกิ่งไม้ใส่ในมือของเพ็ญจันทร์พร้อมทั้งยืนกอดอกหันหลังให้เพ็ญจันทร์ การกระทำของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ถึงกลั้นน้ำตาไม่ไหวหันหลังกลับไปพร้อมกับโยนกิ่งไม้ทิ้ง
“ มัจประชดป้าหรอถึงได้ทำแบบนี้ทำเหมือนป้าเป็นใจร้าย ” มัจฉาเงียบ
“ มัจไม่ต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนะเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของมัจทุกอย่าง ป้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ”
“ ไม่เป็นไร คุณนายเก็บเงินเอาไว้พี่พุดเรียนดีกว่า มัจหาเงินเรียนเองได้ไม่ต้องไปรบกวนเงินของคุณนายเก็บเงินไว้ให้พี่พุด ”
“ ทำไมมัจพูดกับป้าแบบนี้ มัจเป็นหลานแท้ ๆ ของป้าเหมือนกับพุทธชาดไม่ใช่คนอื่นสักหน่อยแล้วทำไมป้าจะให้เงินมัจไม่ได้ละ ”
“ มัจจะเชื่อใจคุณนายได้แค่ไหนว่าวันหนึ่งคุณนายจะไม่เปลี่ยนใจ ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณนายเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน มัจจะเอาเงินที่ไหนเรียนมาใช้ส่วนตัวละ มัจไม่อยากเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเองหรอกนะเพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาคนที่ลำบากคือมัจไม่ใช่คุณนาย หวังว่าคุณนายคงเข้าใจ ” มัจฉาเดินออกไป เพ็ญจันทร์เงียบพูดไม่ออกไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ในคำตอบของมัจฉาเพราะสิ่งที่มัจฉาพูดมาล้วนเป็นความจริง เพ็ญจันทร์เสียใจที่มัจฉาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากตนคิดหาวิธีให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยวยอมรับความช่วยเหลือจากตนเอง กิจการร้านสามเกลอไปได้ด้วยดี มัจฉาพอใจในการในการใช้ชีวิตแบบนี้ เพ็ญจันทร์จ้างคนไปพังร้านสามเกลอจนไม่เหลือซาก มัจฉา เข้มและเบิ้มตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ นี่พวกเราเดินไปเดินเหยียบหางใครเข้าหรือเปล่า ร้านพังหมดเลย ”
“ นั่นนะสิ พวกเราไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครแล้วทำไมคนพวกนั้นต้องมาพังร้านของเราด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย ”
“ คิดเสียว่าเป็นบทเรียนของชีวิตแล้วกัน ในเมื่อร้านพังเราทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นิ ”
“ แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนซื้อของใช้จำเป็นทำร้านใหม่ละ ”
“ นั่นนะสิ ทำไงละที่นี้ ทุกอย่างกำลังไปได้ดีเลย ”
“ ฉันมีวิธี เงินด่วนทันใจของเจ๊เล้งคนแถวนี้รู้จักกันดี ใครเดือดร้อนเรื่องเงินให้นึกถึงเจ๊เล้ง ”
“ ถึงกับต้องไปกู้เงินนอกระบบเลยหรอเนี่ย ”
“ มันมีทางเลือกที่ดีกว่าดีไหม ”
“ ตราบใดที่มีลมหายใจก็ต้องสู้กันต่อไป ” เจ๊เล้งเป็นเจ้าของตลาดและเป็นเจ้าแม่เงินกู้ ทุกคนในละแวกนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดีใครร้อนเงินนึกถึงเจ๊เล้งเป็นคนแรก เงินด่วนทันใจ เข้ม เบิ้มและมัจฉาไปหาเจ๊เล้งที่สำนักงานท้ายตลาด หลังจากทำสัญญาเงินกู้เป็นที่เรียบร้อยทั้งสามคนนำเงินที่ได้มาลงทุนเปิดร้านใหม่อีกครั้ง เพ็ญจันทร์เข้าใจว่ามัจฉาจะยอมรับความช่วยเหลือจากตนเองหลังจากที่รู้ข่าวจากลูกน้องแต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มัจฉายังไปขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม มัจฉา เข้มและเบิ้มนำเงินที่กู้ไปคืนเจ๊เล้งแต่เจ๊เล้งคิดไม่ซื่อคิดโกงเงินพวกของมัจฉา
“ พวกฉันเอาเงินมาคืนเจ๊ทั้งต้นทั้งดอก ”
“ นี่มันได้แค่ดอกเบี้ย ”
“ ฉันกู้เงินเจ๊ไปห้าพันบาท ฉันให้เงินเจ๊ไปหกพันไม่ถูกหรือไง พวกฉันกู้เงินเจ๊ไปแค่วันเดียวเอง ”
“ เงินต้นห้าหมื่นดอกห้าพัน พวกเธอคืนเงินให้ฉันแค่หกพันมันได้แค่ดอกเบี้ยเท่านั้นเอง ”
“ หมายความว่ายังไง พวกฉันกู้เงินเจ๊ห้าพันไม่ใช่ห้าหมื่น เมื่อวานเจ๊ให้เงินพวกฉันมาแค่ห้าพันแต่มาวันนี้เจ๊มาบอกกับว่าพวกเรากู้เงินเจ๊ห้าหมื่น ” ลูกน้องของเจ๊เล้งหยิบสัญญาเงินกู้มาให้มัจฉา เข้มและเบิ้มดูทั้งสามคนตกใจมากเมื่อเห็นตัวเลข เจ๊เล้งแอบเพิ่มจำนวนเลขศูนย์ลงหนึ่งตัวในสัญญาเงินกู้ทำให้เงินห้าพันบาทกลายเป็นห้าหมื่นบาท
“ นี่มันอะไรกัน ”
“ ชัดเจนพอไหม ” มัจฉา เข้มและเบิ้มเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ๊เล้งทั้งสามคนถึงกับเครียดช่วยกันคิดหาวิธีหาเงินมาคืนเจ๊เล้งให้เร็วที่สุดเพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เจ๊เล้งไม่ต้องการเงินแม้แต่นิดเดียวแต่กลับคิดชั่วต้องการตัวของมัจฉามาขัดดอกเพื่อที่จะตัวเองได้โกยโกยผลประโยชน์จากความสาวของมัจฉา ภายนอกที่ทุกคนเห็นเจ๊เล้งเป็นเจ้าของตลาดและเจ้าแม่เงินกู้แต่ลับหลังเจ๊เล้งทำธุรกิจสีเทา คนในวงการรู้จักกันเป็นอย่างดีคอยจัดหาเด็กสาว ๆ ไปสังเวยกามให้กับนักการเมือง ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือแม้กระทั่งนักธุรกิจ เจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องให้ไปพังร้านของมัจฉาจนไม่เหลือซากทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนับตั้งแต่วันนั้น
“ พังหมดแล้ว พังไม่เหลือนี่มันอะไรกันนักหนา ”
“ เห้อ ! เวรกรรมอะไรของพวกเราเนี่ย ฉันแหละอยากรู้จริง ๆว่าพวกมันเป็นพวกของใคร เมื่อไหร่จะเลิกจองเวรกับพวกเราสักที ”
“ เดาได้ไม่ยาก ไอ้พวกเวรนี่ต้องเป็นคนที่เจ๊เล้งส่งมา ฉันสังเกตเห็นพวกมันมองฉันแปลก ๆ เหมือนกำลังจะทำอะไรบางอย่าง ”
“ ฉันต้องขอโทษพวกแกสองคนด้วยที่ทำให้เดือดร้อนเป็นเพราะฉันคนเดียวเลย ถ้าวันนั้นฉันไม่พาพวกแกไปกู้เงินกับเจ๊เล้ง ปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับพวกเรา ”
“ มันไม่ใช่ความผิดของแกเลย ทุกปัญหามีทางแก้ ”
“ วันพรุ่งนี้เราจะเอาเงินที่ไหนให้เจ๊เล้ง ”
“ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน วันนี้เรามาเช็ดล้างทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ปิดร้านไม่มีกำหนด ” วันรุ่งขึ้นเจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องไปเก็บเงินกับมัจฉา เข้มและเบิ้มแต่ในวันนี้ทั้งสามคนไม่มีเงินจ่ายทำให้ต้องหลบลูกน้องของเจ๊เล้ง
“ พวกมันมาโน้นแล้ว พวกเราหลบตรงนี้กันก่อน ” มุมมืดตรงแผงขายผักเป็นที่หลบภัยได้เป็นอย่างดี ลูกน้องของเจ๊เล้งเริ่มโมโหที่พวกของมัจฉายังไม่ออกมาจากที่ซ่อน
“ รู้นะว่าหลบอยู่แถวนี้ ถ้ายังไม่อยากตายออกมาได้แล้ว ” พวกของมัจฉาไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง ลูกน้องของเจ๊เล้งทำลายทุกสิ่งอย่างที่อยู่ตรงหน้า
“ นับหนึ่งถึงสามถ้ายังไม่ออกมา อย่าหาว่าพวกฉันใจร้ายแล้วกัน นับหนึ่ง นับสอง ” มัจฉา เข้ม และเบิ้มออกมาจากที่ซ่อนตัว
“ ไหนละดอกเบี้ยของวันนี้จ่ายมาซะดี ๆ ”
“ ขอผลัดไปก่อนได้ไหม วันนี้ฉันยังไม่มี ”
“ ได้แต่ส่งเพื่อนผู้หญิงมาขัดดอกให้เจ๊ก่อนแล้วกัน มีเงินเมื่อไหร่ค่อยมาไถ่ตัวคืนไป ”
“ ข้ามศพฉันไปก่อนแล้วกัน ฉันไม่ยอมให้พวกแกสองคนทำอะไรเพื่อนของฉันเด็ดขาด ไอ้มัจรีบหนีไปเร็ว ”
“ ไม่หนี ฉันจะอยู่ตรงนี้เอาศพของฉันไปให้อีเจ๊หน้าเลือดแล้วกัน ”
“ แกหนีไปก่อน ทางนี้พวกฉันสองคนจัดการเอง ”
“ ไอ้เพื่อนบ้า ฉันจะทิ้งพวกแกไปได้ไง ถ้าจะตายก็ตายพร้อมกันตรงนี้แหละ ” ลูกน้องของเจ๊เล้งพยายามจับตัวมัจฉา เข้มกับเบิ้มช่วยกันสกัดไม่ให้พวกมันจับตัวมัจฉาได้จนถูกพวกมันกระทืบจมกองเลือดนอนกองกับพื้น มัจฉาพยุงทั้งสองคน ลูกน้องของเจ๊เล้งพยายามเข้ามาจับตัวมัจฉาให้ได้ มัจฉาใช้วิชามวยที่เรียนมาต่อสู้กับลูกน้องของเจ๊เล้งจนพวกมันนอนกองกับพื้น มัจฉา เข้ม กับเบิ้มช่วยกันพยุงกำลังเดินออกไปสภาพของแต่ละคนสะบักสะบอมร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
“ เก่งมากหรือไงหยุดอยู่ตรงนั้น ” ลูกน้องของเจ๊เล้งเล็งปืนมาที่พวกของมัจฉาทำให้ทั้งสามคนต้องหยุดอยู่กับที่ ลูกน้องอีกคนหนึ่งเดินมาจับตัวมัจฉา มัจฉาขัดขืนถูกตบด้ามปืนจนเลือดกลบปาก
“ จะยอมไปแบบเดินได้หรือว่าจะไปแบบขยับร่างกายไม่ได้ หยุดอยู่นิ่งเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ” ลูกน้องของเจ๊เล้งจับตัวมัจฉา ในขณะที่ลูกน้องอีกคนเดินคุมเข้มกับเบิ้ม น้ำหวานผ่านมาเห็นเข้ามาพอดีสั่งให้คนขับรถจอดรถทันที
“ นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกแกจะพาเพื่อนของฉันไปไหน ”
“ ลองถามเพื่อนแกดูสิ ”
“ มัจ ! แกบอกฉันมาพวกมันจับตัวแกทำไม ”
“ ฉันไม่มีเงินให้พวกมัน เรื่องมันยาวเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังวันหลัง วันนี้แกกลับไปก่อน ”
+ “ ฉันไม่กลับ แกเอาเงินพวกมันมาเท่าไหร่ทำไมพวกมันต้องซ้อมพวกแกจนน่วมไปทั้งตัวแบบบนี้ ”
“ ฉันกู้เงินเจ๊เล้งมาห้าพันแต่พวกมันโกงฉันเขียนในหนังสือสัญญาว่าห้าหมื่น ฉันต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละห้าพัน วันนี้ฉันไม่มีเงินให้ พวกมันจะเอาฉันไปขัดดอก ”
“ หนี้ทั้งหมดของแก ฉันจ่ายให้เอง พวกแกพาฉันไปพบกับเจ๊เล้ง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายของพวกแก ” ลูกน้องของเจ๊เล้งมองหน้ากันพยักหน้าเป็นการตอบตกลง เจ๊เล้งรอฟังคำข่าวดีจากลูกน้องนั่งทำงานอย่างสบายใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เจ๊เล้งสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ
“ เบา ๆ หน่อยสิ ฉันตกใจหมดเลยแล้วนั่นพาใครมาด้วย ”
“ คิดว่าใครเจ๊นี่เอง ”
“ คุณหนูน้ำหวาน ! พวกแกจับคุณหนูมาตัวคุณหนูมาทำไม อยากไปกินข้าวแดงในคุกหรือไง ”
“ เจ๊เพื่อนของหวานกู้เงินเจ๊มาเท่าไหร่ ฉันจ่ายให้เองทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ”
“ ไม่เป็นไรค่ะคุณหนู เจ๊ยกให้ ”
“ ไม่เป็นไรเจ๊บอกฉันมาว่าเท่าไหร่ ” เจ๊เล้งอึกอักไม่กล้าตอบน้ำหวาน
“ ห้าหมื่นใช่ไหมเจ๊รอสักครู ฉันให้คนขับรถไปเบิกเงินที่ธนคารมาให้ ” เจ๊เล้งรู้จักกับพ่อของน้ำหวานเป็นอย่างดี พ่อของน้ำหวานเป็นตำรวจยศพันเอกทำหน้าที่ดูแลปกครองคนที่ทำธุรกิจสีเทาในแถบนี้ เจ๊เล้งคอยจัดหาเด็กสาวมาบริการให้พ่อของน้ำหวานอยู่เป็นประจำและพ่อของน้ำหวานคอยหลบหลีกเป็นเกราะกันภัยไม่ให้ตำรวจคนอื่น ๆ มายุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของเจ๊เล้งทำให้ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเรื่อยมาก น้ำหวานนำเงินห้าหมื่นบาทมาคืนกับเจ๊เล้งพร้อมทั้งกำชับว่า ห้ามเจ๊เล้งมาวุ่นวายกับพวกของมัจฉาอีกต่อไป เจ๊เล้งตอบตกลง
“ ฉันจ่ายเงินให้เจ๊แล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ๊ห้ามมายุ่งเกี่ยววุ่นวายกับเพื่อนฉันอีก ฝีมือเจ๊ใช่ไหมที่สั่งให้ลูกน้องไปพังร้าน ”
“ ครั้งล่าสุดนี่ใช่แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ฝีมือของเจ๊ ”
“ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางใครทางมันไม่ต้องมายุ่งเกี่วกันอีกแล้ว เพื่อนของฉันไม่เคยไปยุ่งเรื่องของเจ๊อยู่นิต่างคนต่างทำมาหากิน ”
“ ได้ค่ะคุณหนู ”
“ เพื่อนฉันจะมาเปิดร้านได้ยังไงในเมื่อทุกคนกลัวลูกน้องของเจ๊กันหมด ปัญหานี้นี้เจ๊ต้องจัดการด้วย ”
“ ได้ค่ะคุณหนูเดี๋ยวเจ๊ให้ลูกน้องไปประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ทุกคนกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวสามเกลอเหมือนเดิม ”
“ อย่าลืมที่รับปากไว้นะเจ๊ ” เจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องไปช่วยซ่อมแซมร้านของสามเกลอให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมพร้อมทั้งซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้จำเป็นในการทำก๋วยเตี๋ยวคืนให้กับมัจฉาทั้งหมด
“ ไอ้มัจแกมีปัญหาอะไร