เราก็เป็นคนหนึ่งที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง เราเป็นที่เต้านม ตอนที่ทราบก็อึ้ง หนัก เบลอ
ประกอบกับเจอคุณหมอที่พูดน้อย เร่งให้ผ่าออกด่วนๆ โดยที่เราเองยังไม่เตรียมตัว
เรามีคำถามมากมายอยากถามหมอ หลังจากนัดรอบถัดไป
เรา : หมอค่ะ หนูเป็นระยะไหนค่ะ
หมอ : (มองหน้า) ผลไม่ได้บอกว่าเป็นระยะไหน แต่ตัดออกก็จบ
เรา: มีวิธีรักษาแบบไหนบ้างค่ะ ต้องคีโมไหม ฉายแสงละคะ
หมอ : ตัดทิ้งทั้งเต้า เลาะต่อมน้ำเหลือง ก็จบไม่ต้องคีโม
เรา : แล้วโอกาสจะกลับมาเป็นอีกมีไหมค่ะ แล้วการวิธีป้องกันไหมค่ะ
หมอ : ถ้าตัดหมด โอกาสกลับมาก็มีแต่น้อย ถ้ามาอีกก็ผ่าอีก ฉายแสง
แต่คีโม ถึงตอนนั้นก็ส่งตัวไปที่อื่น ที่นี่ไม่มีคีโม
เรา : เห็นมีการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม ทำไม่ได้เหรอค่ะ
หมอ : (มองหน้า แบบเอือมๆ เหมือนอยากรีบๆ จบๆ นัดผ่าเลย) ชิ้นเนื้อค่อนข้างใหญ่
และมีหินปูนกระจายเต็มไปหมด เขี่ยไม่ไหว ตัดออกหมดง่ายกว่า
เรา : ผ่าทิ้งทั้งเต้า เลาะน้ำเหลืองใต้รักแร้ออก ต้องนอนโรงพยาบาลกี่วัน ต้องเตรียมตัวอะไร
แล้วนานแค่ไหนแขนจะใช้งานได้ปกติ การเลาะต่อมน้ำเหลืองส่งผลอะไรไหมในอนาคต
หมอ : ผ่าเสร็จ 3 วันก็กลับบ้าน ใช้ชีวิตปกติ ไม่ผลอะไร ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร แค่จะห้อยถุงระบายน้ำเหลืองกลับบ้าน
เรา : แต่คนรู้จักหลายคนบอกว่า แขนข้างที่เลาะนานกว่าจะกลับมาใช้งานได้ปกติ
และต่อไปจะบวมง่ายต้องระวัง
หมอ : (มองหน้า มีเสียงถอนหายใจเบา และไม่พูดอะไร)
เรา : แล้วแบบเสริมเต้าละคะ ทำได้ไหมค่ะ
หมอ : เสริมได้ แต่นอกเหนือจากสิทธิประกันสังคม คนไข้ต้องจ่ายเองทั้งหมด ส่วนเรื่องเสริมต้องเป็นหมออีกท่าน
เรา : ขอทราบค่าใช้จ่ายหากจะเสริมไปเลย ช่วยเช็คให้หน่อยได้ไหมค่ะ และอยากให้นัดคุยกับหมอที่จะผ่าร่วม
หมอ : (มองหน้า) หมอตัดอย่างเดียว ถ้าคุณจะเสริม คุณต้องไปทำเรื่องนัดเอง ต้องเป็นทีมอื่น
เราอยากตะโกนบอกหมอว่า เราพึ่งเป็นมะเร็งครั้งแรก เรายังปรับตัวยอมรับมันไม่ได้เลย
เราก็พอเข้าใจนะ ว่าหมอต้องเจอคำถามซ้ำๆ ก็เหนื่อยจะต้องตอบคำถามเดิมๆ
แต่ช่วยใจดีกับคนไข้หน่อยเถอะค่ะ พอไม่รู้อะไร คนไข้ก็เครียด กำลังก็สำคัญ ข้อมูลก็สำคัญ
สุดท้ายเราตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาล เพราะเราไม่เชื่อใจหมอ หมอไม่มีท่าทีว่าเป็นที่พึ่งให้คนไข้
เราไม่อยากให้สุดท้าย เพราะเกรงใจหมอ หมอว่าแค่ไหนก็แค่นั้น รักษารีบๆให้จบๆ แต่เรากังวลใจ
เป็นโชคดีที่คุณหมอที่เราเปลี่ยนไปรักษาด้วย ท่านใจเย็น คนไข้ท่านก็เยอะมาก
แต่ไม่มีท่าทีรำคาญใจ อธิบายจบ ครบ คำถามที่เราค้างในใจ ก็อธิบาย ทั้งที่เรายังไม่ได้ถาม
และยังย้ำกับเราว่า คนไข้อยากรู้อะไร ถามหมอเลยนะ ไม่อยากให้ไปข้อมูลเอง อาจจะไม่ตรงกับโรค
บอกวิธีเตรียมตัว เตรียมใจ ผลดีผลเสีย และถามความคิดเห็นคนไข้ อยากรักษาแบบไหน และทำได้ไหม
มีใครเป็นไหม เกรงใจหมอ เวลาอยากถามเกี่ยวกับการรักษา
ประกอบกับเจอคุณหมอที่พูดน้อย เร่งให้ผ่าออกด่วนๆ โดยที่เราเองยังไม่เตรียมตัว
เรามีคำถามมากมายอยากถามหมอ หลังจากนัดรอบถัดไป
เรา : หมอค่ะ หนูเป็นระยะไหนค่ะ
หมอ : (มองหน้า) ผลไม่ได้บอกว่าเป็นระยะไหน แต่ตัดออกก็จบ
เรา: มีวิธีรักษาแบบไหนบ้างค่ะ ต้องคีโมไหม ฉายแสงละคะ
หมอ : ตัดทิ้งทั้งเต้า เลาะต่อมน้ำเหลือง ก็จบไม่ต้องคีโม
เรา : แล้วโอกาสจะกลับมาเป็นอีกมีไหมค่ะ แล้วการวิธีป้องกันไหมค่ะ
หมอ : ถ้าตัดหมด โอกาสกลับมาก็มีแต่น้อย ถ้ามาอีกก็ผ่าอีก ฉายแสง
แต่คีโม ถึงตอนนั้นก็ส่งตัวไปที่อื่น ที่นี่ไม่มีคีโม
เรา : เห็นมีการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม ทำไม่ได้เหรอค่ะ
หมอ : (มองหน้า แบบเอือมๆ เหมือนอยากรีบๆ จบๆ นัดผ่าเลย) ชิ้นเนื้อค่อนข้างใหญ่
และมีหินปูนกระจายเต็มไปหมด เขี่ยไม่ไหว ตัดออกหมดง่ายกว่า
เรา : ผ่าทิ้งทั้งเต้า เลาะน้ำเหลืองใต้รักแร้ออก ต้องนอนโรงพยาบาลกี่วัน ต้องเตรียมตัวอะไร
แล้วนานแค่ไหนแขนจะใช้งานได้ปกติ การเลาะต่อมน้ำเหลืองส่งผลอะไรไหมในอนาคต
หมอ : ผ่าเสร็จ 3 วันก็กลับบ้าน ใช้ชีวิตปกติ ไม่ผลอะไร ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร แค่จะห้อยถุงระบายน้ำเหลืองกลับบ้าน
เรา : แต่คนรู้จักหลายคนบอกว่า แขนข้างที่เลาะนานกว่าจะกลับมาใช้งานได้ปกติ
และต่อไปจะบวมง่ายต้องระวัง
หมอ : (มองหน้า มีเสียงถอนหายใจเบา และไม่พูดอะไร)
เรา : แล้วแบบเสริมเต้าละคะ ทำได้ไหมค่ะ
หมอ : เสริมได้ แต่นอกเหนือจากสิทธิประกันสังคม คนไข้ต้องจ่ายเองทั้งหมด ส่วนเรื่องเสริมต้องเป็นหมออีกท่าน
เรา : ขอทราบค่าใช้จ่ายหากจะเสริมไปเลย ช่วยเช็คให้หน่อยได้ไหมค่ะ และอยากให้นัดคุยกับหมอที่จะผ่าร่วม
หมอ : (มองหน้า) หมอตัดอย่างเดียว ถ้าคุณจะเสริม คุณต้องไปทำเรื่องนัดเอง ต้องเป็นทีมอื่น
เราอยากตะโกนบอกหมอว่า เราพึ่งเป็นมะเร็งครั้งแรก เรายังปรับตัวยอมรับมันไม่ได้เลย
เราก็พอเข้าใจนะ ว่าหมอต้องเจอคำถามซ้ำๆ ก็เหนื่อยจะต้องตอบคำถามเดิมๆ
แต่ช่วยใจดีกับคนไข้หน่อยเถอะค่ะ พอไม่รู้อะไร คนไข้ก็เครียด กำลังก็สำคัญ ข้อมูลก็สำคัญ
สุดท้ายเราตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาล เพราะเราไม่เชื่อใจหมอ หมอไม่มีท่าทีว่าเป็นที่พึ่งให้คนไข้
เราไม่อยากให้สุดท้าย เพราะเกรงใจหมอ หมอว่าแค่ไหนก็แค่นั้น รักษารีบๆให้จบๆ แต่เรากังวลใจ
เป็นโชคดีที่คุณหมอที่เราเปลี่ยนไปรักษาด้วย ท่านใจเย็น คนไข้ท่านก็เยอะมาก
แต่ไม่มีท่าทีรำคาญใจ อธิบายจบ ครบ คำถามที่เราค้างในใจ ก็อธิบาย ทั้งที่เรายังไม่ได้ถาม
และยังย้ำกับเราว่า คนไข้อยากรู้อะไร ถามหมอเลยนะ ไม่อยากให้ไปข้อมูลเอง อาจจะไม่ตรงกับโรค
บอกวิธีเตรียมตัว เตรียมใจ ผลดีผลเสีย และถามความคิดเห็นคนไข้ อยากรักษาแบบไหน และทำได้ไหม