เคยรู้สึกเศร้าซึมเรื่องความรัก ที่ไม่ได้เกิดจากแฟนแต่เป็นคนอื่นกันบ้างมั้ยคะ?

ตามหัวข้อเลยค่ะ ทุกวันนี้ความรักกับแฟนที่คบกันมา4ปีเกือบ5ปี มีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ เราสองคนทะเลาะกันน้อยลงเยอะไปมากๆ เข้าใจกันมากขึ้น แต่เหมือนว่าเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่มีผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึก มันถูกแทนที่ด้วยเรื่องของบุคคลที่3 นั่นคือ แม่แฟน จนเป็นผลทำให้เราอึดอัด ไม่มีความสุข  เราไม่สามารถพูดคุยเรื่องนี้ได้อย่างสบายใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและมีผลต่อความสัมพันธ์ ทำให้เราตัดสินใจปรับปรุงตัวมาเรื่อยๆ พยายามไม่คิดมาก พยายามไม่สนใจในคำพูดแย่ๆของแม่แฟนที่มีต่อเรา เราหวังว่าความรักครั้งนี้จะราบรื่นไปด้วยดี แต่เหมือนว่าเราจะขอมากเกินไป ปัจจุบันเราไม่สามารถไม่คิด ไม่เอามาใส่ใจได้อีกแล้ว คำพูดแย่ๆที่ออกจากปากที่ไม่ได้คิดอะไร มันส่งผลกระทบต่อจิตใจเราถึงขั้นที่ว่า นึกถึงคำๆนี้แล้วน้ำตามันไหลออกมาเลย ทุกครั้งที่มีปัญหา เราต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งเพื่อให้แฟนที่เป็นคนกลางสบายใจ เราแอบไปร้องไห้คนเดียวบ้าง ท้อแท้จนตัดพ้อบอกเลิกแฟนไปบ้างก็มี ทั้งๆที่ไม่ได้ทุ่นแรงอะไรเลย แต่มันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ตลอดระยะเวลาที่คบกับแฟนและได้อยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับครอบครัวแฟน มันเป็นอะไรที่เรารู้สึกมีความสุขแบบไม่สุดเลยสักครั้ง พวกเรา3คนมีปัญหากระทบกระทั่งกันมามากมาย และกลายเป็นปัญหาเรื้อรังสะสมที่แก้ไม่หาย ตลอดระยะเวลา3-4ปีหลัง เราเอาแต่บอกแฟนว่าย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกันเองเถอะ เราไม่ไหวแล้ว อยู่ด้วยกันก็มีแต่ทำร้ายจิตใจกันไปเปล่าๆ แฟนเราก็เอาแต่บอกว่ารอๆๆ อดทนไว้ก่อน เวลามีปัญหาแฟนก็จะอาสาเป็นคนกลางเสมอ ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร ในเมื่อตัวเองก็บอกว่าเหนื่อยที่จะเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายก็แม่ อีกฝ่ายก็แฟน จะรักกันดีๆไม่ได้รึไง ซึ่งเราก็เสนอทางออกให้แล้วว่าย้ายออกไปอยู่กันเอง พูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง คิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ใช่สิ เพราะคนที่ได้ผลกระทบคือเรา เราแทบจะเป็นฝ่ายที่รู้สึกเจ็บปวดแบบ100% เรามีสิทธิ์พูดด้วยหรอว่าแม่แฟนทำแบบนี้ไม่ดี แม่แฟนทำแบบนั้นไม่ถูก? เราพูดอะไรไม่ได้เลย ต้องเป็นคนที่กักเก็บความอึดอัดอย่างนั้นมาตลอด จนเราทนไม่ไหวแล้วระเบิดออกมาในที่สุด เรากลายเป็นคนที่เริ่มต่อต้าน โต้เถียง ในสิ่งที่แม่แฟนพูดแล้วไม่เป็นความจริง สำหรับเราเราคิดว่ามันค่อนข้างก้าวร้าวค่ะ แต่ไม่ได้ถึงกับรุนแรง เกลียดขี้หน้าจนมองหน้าไม่ได้ เราทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่มีใครเข้าใจเราเลย จะพูดให้ใครฟังก็พูดไม่ได้ ไม่ว่าเราจะปรับตัวให้ดีขึ้นแค่ไหน ก็ไม่เคยไปถึงคำว่าดีในนิยามของแม่แฟนเลยสักครั้ง อาจฟังดูเหมือนละครทีวี แต่เราคิดว่ามันเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงได้จริงๆ และเป็นปัญหาที่โลกแตกมาก

แต่แล้วล่าสุดไม่นานมานี้ นิสัยของแม่แฟนก็ได้ทำให้ลูกชายของเค้า ตัดสินใจได้และรับรู้ความรู้สึกของเราได้จริงๆ
ด้วยคำพูดของแม่เค้าประมาณว่า แกก็รักมันจนโงหัวไม่ขึ้นจริงๆเลยนะ โง่ดักดาน กล้าไปเอาผู้หญิงแบบนี้มาเป็นแฟนได้ยังไง คบกันไปก็ไม่มีอะไรดี   และด้วยคำพูดนั้นก็ทำให้แฟนเราเข้ามาขอโทษเรา และบอกว่าเข้าใจแล้วจริงๆ ว่าเรากับแม่เค้าอยู่ร่วมกันไม่ได้ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดีมาตลอดหลายปีนะ ปีหน้าย้ายออกไปอยู่กันเองเถอะ ที่ผ่านมาเค้าไม่เคยเข้าข้างใคร เพราะอีกฝ่ายก็แม่ อีกคนก็แฟน แต่วันนี้คำพูดของแม่เค้า ทำให้เค้าชัดเจนแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าขออยู่เข้าข้างเรา
เราฟังจบแล้วร้องไห้โฮเลยค่ะ เป็นน้ำตาที่ตลอดระยะ3ปีกว่าๆเก็บมันเอาไว้ วันนั้นเป็นวันที่ปล่อยมันออกมาจนหมดตัวเลยจริงๆ
ที่แฟนพูดว่าเข้าข้างเรา เพราะแฟนรู้ดีว่าสิ่งที่แม่เค้าคิดและพูดมันไม่จริง อย่างเช่น แม่แฟนชอบด่าเราว่าขี้เกียจไม่ยอมทำงานบ้าน(เพราะไม่เห็นเราทำ) แต่แฟนจะเป็นคนที่เห็นเราทำงานบ้านทุกครั้งที่แม่แฟนไม่เคยเห็น แฟนก็จะสวนกลับว่าเราทำแล้ว ทำอะไรไปบ้าง  และอีกหลายๆอย่างที่แม่แฟนชอบตัดสินไปเอง คิดไปเองแบบนั้นแบบนี้ แต่เรากับแฟนรู้ดีว่ามันไม่ใช่แบบนั้น แต่ก็ไม่อยากเถียงเค้า ปล่อยเค้าไป  ช่วงที่เราระเบิดทนไม่ไหวกับแม่แฟน เรายอมรับว่ามีพูดจาไม่ดีกับท่านบ้าง กลายเป็นเด็กงอแงเอาแต่ใจพูดไม่ดีให้อีกฝ่าย ละให้แฟนเห็นใจเราสักที ถึงเราจะไม่ชอบแม่เค้า และมองว่าบางอย่างที่แม่แฟนทำ แม่แฟนคิด มันผิด ไร้สาระ ไม่เป็นความจริงก็เถอะ แต่เราก็นับถือเค้าในฐานะผู้ใหญ่ของบ้าน แม้ว่าลึกๆจะไม่ชอบสุดๆ แต่ก็ต้องอดทนเรื่อยๆ บางครั้งพูดจาไม่ดีถึงแม่แฟน จนแฟนเราดุเราก็มี ว่าไม่ชอบให้พูดจาแบบนี้นะ เราก็ขอโทษไป บอกไปว่าด้วยอารมณ์หลายๆอย่าง  แต่หลังจากล่าสุดที่เค้าฟังในสิ่งที่แม่ตัวเองพูดถึงเราไม่ดีบ้าง เค้ากลับเข้าใจแล้วว่า มันรู้สึกแย่มากแค่ไหน ขนาดแม่เค้าด่าเราแท้ๆ แต่เค้ากลับรู้สึกสงสารและเห็นใจเรา มันคงสุดมากแล้วจริงๆ

ซึ่งเราก็ไม่รู้ได้หรอกว่าปีหน้าจะได้ย้ายออกไปจริงๆไหม แต่มันก็เป็นเรื่องที่แฟนเราตั้งเป้าหมายไว้ ทำให้แฟนเราใส่ใจเรื่องที่เค้ามองว่าเล็กๆน้อยๆสำหรับเค้ามากขึ้นก็ยังดี เค้าบอกว่าถ้าย้ายออกไป พวกเราสองคนจะต้องลำบากกันแล้วนะ ต้องหาเงินผ่อนบ้านทุกๆเดือน โอเคมั้ย เราตอบแบบไม่คิดเลยค่ะ ว่ายอมลำบากเพื่อความสุข ต่อให้ต้องทำงานเหนื่อย แต่กลับบ้านมาได้อยู่ในพื้นที่สบายตัวสบายใจ สำหรับเรา เราพร้อมที่จะสู้เพื่อสิ่งนั้นจริงๆ
ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่บ้านแฟน เราสูญเสียความเป็นตัวเราไปเยอะมากเลยค่ะ ไม่เคยแฮปปี้กับมันเลย เศร้าซึมเรื่องเดิมๆที่แก้ไม่ตกตลอด มันคงเป็นความรู้สึกคล้ายๆกับโรคซึมเศร้าหรือเปล่าไม่รู้นะ ที่รู้ๆคือไม่มีความสุขแล้วแน่ๆ นึกถึงเรื่องนั้นก็ร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผลทุกที พยายามทำอะไรก็ไม่เคยดี ไม่รู้ว่าจุดยืนตัวเองอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ มันล่องลอยไปหมด ตัดพ้อสั้นๆว่าแค่เลิกกับแฟนคนนี้เรื่องก็จบ แต่แฟนเราก็ใจสู้บอกให้มาพยายามด้วยกันตลอด เหนื่อยรองจากตัวเราก็คงเป็นแฟนเรานี่แหละ ที่ต้องมาคอยพยุงให้เราสู้ๆกับปัญหานี้ไปด้วยกัน 

ใครเจอปัญหาแบบนี้อยู่ เราไม่มีสิทธิ์บอกให้คุณสู้ๆเลยค่ะ เพราะตัวเราเองก็ถอดใจไปหลายครั้ง ไม่อยากสู้อีกแล้ว อยากหนีไปไกลๆ อยากจบปัญหาที่ทำให้ปวดหัว ร้องไห้เสียใจทุกอย่าง แต่เรายังดีที่มีแฟนคนนี้ที่เข้าใจ(ถึงจะช้าจนบ้านแตกแยกเป็นเสี่ยงๆแล้วก็เถอะ) และไม่ถอดใจเรื่องเรา ไม่ได้มองว่าเราคือตัวปัญหาก็พอแล้ว มันเหนื่อยมากจริงๆนะคะในแต่ละวันที่เราต้องเจอ ปิดหูก็ยังมองเห็น ปิดตาก็ยังได้ยิน ทำไมต้องมาแคร์ในเรื่องที่อีกฝ่ายไม่เคยแคร์เราด้วย

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เจอปัญหาเดียวกันอยู่นะคะ มาพูดคุยกันเถอะ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่