บันทึกความอ่อย "ไข่ตุ๋นน้ำขลุกขลิก"
กินหรูมาหลายมื้อ ตู้เย็นเหลือแต่ไข่ละ ไข่ตุ๋นน่าจะอร่อยสุด
ทำไข่ตุ๋นก็พาลคิดถึงอาอึ้ม (คุณแม่) ค่ะ
"เจียะหมั่งๆ คัวคัวเอี้ยว แห่บี้ต่ออั๋วโต้ย" (กินช้าๆนะลูก ค่อยๆตัก ..มีกุ้งแห้งอยู่ในนั้นด้วยนะ)
ได้ยินคำว่า "กุ้งแห้ง" อาหมวยน้อยตาโต..ค่อยๆใช้ช้อนตักเนื้อไข่ใส่ปากอย่างเบามือ..สายตาก็จดจ่ออยู่ในถ้วยไข่ตุ๋น..ไหนอ่ะกุ้งแห้ง..ไหนอ่ะ..ไหนอ่ะ
กว่าจะควานหาเจอ.เกือบหมดถ้วย..เย๊! อยู่นี่เอง..😋
เชื่อว่าลูกหลานจีนแต้จิ๋วต้องชอบเมนูนี้แน่ๆ ค่ะ ก็จะไม่ให้ชอบได้ไงล่ะค่ะ เล่นอร่อยลิ้นตั้งแต่ตักคำแรกยันเจอขุมทรัพย์คำสุดท้ายที่เต็มไปด้วยกุ้งแห้งเอย หมูสับเอย แถมมีน้ำขลุกขลิกให้อร่อยไม่เลิกอีก...
เมนูนี้ทำหลายรอบแล้วค่ะ ถ้าอยากได้สูตรต้องฟังแม่นันเล่าถึงชีวิตสมัยยังเป็นเด็กๆตัวเล็กๆวิ่งเล่นทั้งวันในตรอกโรงหมูด้วยนะคะ
สูตรนี้จะได้สองถ้วยข้าวนึ่ง ถ้ามีจำนวนสมาชิกมากก็เพิ่มสูตรเอาค่ะ วันนี้แม่นันทำสองสูตรเพราะเรามีกันสี่คนค่ะ
- เตรียมตั้งซึ้งใส่น้ำหนึ่งในสามส่วนค่ะ ไฟแรงๆนี่ล่ะค่ะ พอน้ำเดือดก็เตรียมเครื่องเสร็จพร้อมนึ่งพอดีค่ะ
- ตอกไข่ ๔ ฟองใส่ภาชนะ ใส่หมูสับ และกุ้งแห้ง (หรืออย่างอื่นตามชอบค่ะ) อย่างละเล็กน้อยตีเข้าด้วยกันจนเนียน
- ใส่น้ำสต้อค 1 ถ้วยตวง (เกินเล็กน้อย) ผสมลงในชามไข่ที่ตีไว้ ปรุงด้วยพริกไทย และซ้อสแม๊กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากันอีกครั้ง
- ใช้ทัพพีตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ เหลือขอบภาชนะลงมาประมาณ 1 ซม.ค่ะ ค่อยๆวางลงบนซึ้งทีน้ำกำลังเดือดพอดีค่ะ ปิดฝานึ่งประมาณ 8 นาที
- เมื่อครบ 8 นาที เปิดฝาซึ้ง หน้าเนื้อไข่จะฟูฟ่องสวย แล้วจะยุบลง สังเกตหน้าไข่จะเริ่มตึง มีน้ำขลุกขลิกอยู่ด้านบนเล็กน้อย ค่อยๆแต่งหน้าด้วยหมูสับ เห็ดหอม หอมใหญ่ซอย หรืออย่างอื่นตามชอบค่ะ เหยาะมันเจียวเล็กน้อยเพิ่มความหอม ปิดฝาซึ้งนึ่งต่ออีกหนึ่งถึงสองนาที
- เปิดฝาซึ้งอีกทีจะหอมฉุยชวนให้คิดถึงมาม้าเลยค่ะ แนะนำให้ยกภาชนะออกทันทีนะคะ เพราะถ้ายังคงปล่อยไว้บนซึ้งที่ถึงแม้จะปิดเตาแล้ว แต่ไอร้อนในซึ้งจะทำให้ไข่สุกต่อเนื่อง น้ำขลุกขลิกก้นถ้วยจะแห้งหายไปค่ะ
- ทานเล่นหรือทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเพลินไปเลยค่ะ ค่อยๆตัก..ค่อยๆละเลียดไปเรื่อยๆ ตอนเด็กๆแม่นันจะลุ้นมากเลยค่ะว่าก้นถ้วยจะมีหมูสับที่แม่นันชอบรึเปล่า ลองทำดูนะคะ
ให้สูตรไข่ตุ๋นไปแล้ว ทีนี้ต้องนั่งฟังแม่นันเล่าต่อนะคะ ฮ่าฮ่า ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า "ที่นั่งวีไอพีของอาม่า"
ตอนเด็กๆแม่นันอยู่กับอาหยี่แจ้ (พี่สาวคนที่สองในพี่น้องสิบคน) ที่ตรอกโรงหมู แม่นันหรือที่พี่ๆเรียกว่า "น้องเล็ก" เข้าเรียน ป.1 ที่โรงเรียนวัดปทุมคงคา คนที่จูงอาหมวยน้อยไปส่งที่โรงเรียนทุกเช้าคืออาอึ้มนั่นเอง ซึ่งขณะนั้นอาอึ้มมีอายุ 53 พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ซักคำ อาอึ้ม อายุมากที่สุดในบรรดาผปค. ที่มาส่งลูกๆเข้าโรงเรียนในตอนนั้น แต่ถึงอาอึ้มจะแก่กว่าใคร แม่นันก็ภูมิใจที่สุด ไม่ได้รู้สึกเลยว่าใครจะมองแม่เราในสายตางงงงงง
อาอึ้มนุ่ง "ซี่กี่โข่ว" กระเปงคล้ายๆที่เรานุ่งในปัจจุบัน แต่เป็นกระเปงคนจีนสีดำตัวใหญ่ เอวกว้างมาก ยาวมากด้วย จำได้ว่าขอบเอวสูงไปถึงใต้อก ทบไปทบมา แล้วคาดด้วยเข็มขัดนาค พับขอบกางเกงทับลงบนเข็มขัดอีกที เฮ่อ..แค่เล่าถึงการนุ่งกางเกงของอาอึ้มก็เหนื่อยแล้ว นี่ยังไม่ได้เล่าถึงเสื้อชั้นในของอาอึ้มเลย ไม่ได้ทะลึ่งนะคะ เสื้อชั้นในของคนจีนสมัยก่อนที่จะมาเป็นยกทรงสมัยนี้น่ะคะ่ คลาสสิคมากนะคะ มีที่ซ่อนตังค์ด้วย...
เล่าถึงอาอึ้มพอให้ติดใจแค่นี้ก่อนนะคะ มาฟังบรรยายกาศสมัยพวกเรา (แม่นันและผองเพื่อน) ตอนเป็นเด็กวิ่งเล่นในตรอกโรงหมูกันดีกว่าค่ะ ตัดมาเฉพาะตอนนี้นะคะ สมัยก่อนบ้านเพื่อนท้ายซอย จะเป็นศูนย์รวมของบรรดาอาม่าทั้งหลายไปพบปะ พูดคุยยามบ่าย อาม่าบ้านนั้นชอบชวนเพื่อนๆ และลูกหลานเล่น "จับอิ๊กกี" ไพ่จีนใบเล็กๆ นั่งล้อมวงขยายวงใหญ่มากในบ้านที่เป็นห้องแถวเล็กๆ นึกภาพตามนะคะ ตึกแถวที่คนจีนอยู่สมัยนั้นจะเป็นตึกแถวสองชั้น ชั้นล่างจะเป็นหินขัดลายสวยงาม ชั้นบนจะเป็นพื้นไม้ มีห้องน้ำห้องเดียวอยู่ชั้นล่าง แบ่งเป็นโซนนั่งเล่น (รับแขก) และโซนครัวติดกับห้องน้ำ ถึงจะเป็นตึกแถวแต่ก็ตบแต่งได้สวยงาม สะอาดสะอ้านมากค่ะ กวาดถูกันทั้งวัน
พวกเราเด็กๆเห็นผู้ใหญ่เล่นไพ่ "จับอิ๊กกี" กันก็ชอบสิคะ ไปนั่งขดใกล้ๆบรรดาอาม่า พออาม่าเล่นชนะได้เงินทีก็มีติ๊ปมาถึงพวกเรา หรือไม่ก็ใช้พวกเราไปซื้อโอเลี้ยง เดี๋ยวๆก็ใช้ไปซื้อบะหมี่ปากซอย แล้วก็มีติ๊ปให้พวกเราอีก เด็กๆก็ชอบสิคะ วันนั้นวิ่งซื้อขนมกินกันทั้งวัน ที่สนุกสุดก็จะเป็นช่วงเทศกาลเกี่ยวกับศาลเจ้า หรืออะไรสักอย่างจำไม่ได้ค่ะ จะมีหนังกลางแปลงมาฉายหน้าปากซอย ช่วงเย็นๆคนฉายหนังก็จะเริ่มเตรียมตั้งขาหนังกลางแปลง ผูกเชือกค้ำจอหนัง (ผ้า) ให้ตั้งตรง เตรียมสายนู่นนี่เยอะแยะไปหมด ชาวบ้านแถวนั้นเตรียมตั้งโต๊ะขายน้ำ ขายขนมหน้าบ้าน
เด็กๆอย่างพวกเราทั้งตัวเล็ก ตัวโตก็วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นอย่างมีความสุข พอได้เวลาปุ๊บพวกตัวโตๆก็จะวิ่งจู้ดเข้าบ้าน (บ้านใครบ้านนึงระหว่างเราสองบ้านก่อน) เข้าไปทำอะไรรู้มั้ยคะ??? พวกเราเข้าไปยกโซฟา ค่ะฟังไม่ผิดหรอกค่ะ โซฟาเบาะหนังใหญ่ๆที่เค้าไว้รับแขก กันน่ะคะ ยกออกมาจองที่ให้บรรดาอาม่า อาม้า อาอึ้มทั้งหลายค่ะ วีไอพีเค้าจะนั่งโซฟาดูภาพยนตร์งิ้วกลางแปลงกันค่ะ ต้องจองตรงกลางที่ดีๆ ด้วยนะคะ ฮ่าฮ่า หรูมั้ยคะ ส่วนพวกเราเด็กๆก็ปูเสื่อหน้าโซฟา อิงแข้งอิงขาบรรดาอาม่าไป
ก่อนจะเริ่มแสดงหนังยาวตามโปรแกรมทุกครั้ง ก็จะฉายงิ้วโป๊ยเซียนให้ดูก่อน เหมือนประมาณให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือดูก่อน โอย..สนุกที่สุดเลย ฟังก็ไม่รู้เรื่อง แต่ทำไมถึงตาโตตั้งใจดูขนาดนั้นก็ไม่รู้ (เคยถามอาอึ้มว่า "คนแสดงงิ้วเค้าพูดภาษาอะไรคะ ทำไมหนูฟังไม่รู้เรื่องเลย" อาอึ้มบอกว่า "เค้าพูดแต้จิ๋วนะ แต่บางคำเป็นศัพท์ที่สูงและลึกทำให้เด็กๆอย่างเราฟังแล้วอาจจะไม่เข้าใจ")
ปิดท้ายคืนนั้นด้วยการแสดงงิ้วโป๊บเซียนอีกรอบนึง พวกเราก็จะตื่นตาหายง่วงทันที ก่อนแยกย้ายกันกลับเข้านอน แน่นอนค่ะ ขากลับย่อมไม่ฟิตเหมือนขามา หนุ่มๆตัวโตๆเดินแบกโซฟากันโซซัดโซเซ พรุ่งนี้แบกมาจองให้อาม่าใหม่ค่ะ จนกว่ากลางแปลงจะถึงวันสุดท้าย......
.
กินหรูมาหลายวัน..ตู้เย็นเหลือแต่ไข่..เมนูไข่ตุ๋นละกันค่ะ
ทำไข่ตุ๋นก็พาลคิดถึงอาอึ้ม (คุณแม่) ค่ะ
"เจียะหมั่งๆ คัวคัวเอี้ยว แห่บี้ต่ออั๋วโต้ย" (กินช้าๆนะลูก ค่อยๆตัก ..มีกุ้งแห้งอยู่ในนั้นด้วยนะ)
ได้ยินคำว่า "กุ้งแห้ง" อาหมวยน้อยตาโต..ค่อยๆใช้ช้อนตักเนื้อไข่ใส่ปากอย่างเบามือ..สายตาก็จดจ่ออยู่ในถ้วยไข่ตุ๋น..ไหนอ่ะกุ้งแห้ง..ไหนอ่ะ..ไหนอ่ะ
กว่าจะควานหาเจอ.เกือบหมดถ้วย..เย๊! อยู่นี่เอง..😋
เชื่อว่าลูกหลานจีนแต้จิ๋วต้องชอบเมนูนี้แน่ๆ ค่ะ ก็จะไม่ให้ชอบได้ไงล่ะค่ะ เล่นอร่อยลิ้นตั้งแต่ตักคำแรกยันเจอขุมทรัพย์คำสุดท้ายที่เต็มไปด้วยกุ้งแห้งเอย หมูสับเอย แถมมีน้ำขลุกขลิกให้อร่อยไม่เลิกอีก...
เมนูนี้ทำหลายรอบแล้วค่ะ ถ้าอยากได้สูตรต้องฟังแม่นันเล่าถึงชีวิตสมัยยังเป็นเด็กๆตัวเล็กๆวิ่งเล่นทั้งวันในตรอกโรงหมูด้วยนะคะ
สูตรนี้จะได้สองถ้วยข้าวนึ่ง ถ้ามีจำนวนสมาชิกมากก็เพิ่มสูตรเอาค่ะ วันนี้แม่นันทำสองสูตรเพราะเรามีกันสี่คนค่ะ
- เตรียมตั้งซึ้งใส่น้ำหนึ่งในสามส่วนค่ะ ไฟแรงๆนี่ล่ะค่ะ พอน้ำเดือดก็เตรียมเครื่องเสร็จพร้อมนึ่งพอดีค่ะ
- ตอกไข่ ๔ ฟองใส่ภาชนะ ใส่หมูสับ และกุ้งแห้ง (หรืออย่างอื่นตามชอบค่ะ) อย่างละเล็กน้อยตีเข้าด้วยกันจนเนียน
- ใส่น้ำสต้อค 1 ถ้วยตวง (เกินเล็กน้อย) ผสมลงในชามไข่ที่ตีไว้ ปรุงด้วยพริกไทย และซ้อสแม๊กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากันอีกครั้ง
- ใช้ทัพพีตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ เหลือขอบภาชนะลงมาประมาณ 1 ซม.ค่ะ ค่อยๆวางลงบนซึ้งทีน้ำกำลังเดือดพอดีค่ะ ปิดฝานึ่งประมาณ 8 นาที
- เมื่อครบ 8 นาที เปิดฝาซึ้ง หน้าเนื้อไข่จะฟูฟ่องสวย แล้วจะยุบลง สังเกตหน้าไข่จะเริ่มตึง มีน้ำขลุกขลิกอยู่ด้านบนเล็กน้อย ค่อยๆแต่งหน้าด้วยหมูสับ เห็ดหอม หอมใหญ่ซอย หรืออย่างอื่นตามชอบค่ะ เหยาะมันเจียวเล็กน้อยเพิ่มความหอม ปิดฝาซึ้งนึ่งต่ออีกหนึ่งถึงสองนาที
- เปิดฝาซึ้งอีกทีจะหอมฉุยชวนให้คิดถึงมาม้าเลยค่ะ แนะนำให้ยกภาชนะออกทันทีนะคะ เพราะถ้ายังคงปล่อยไว้บนซึ้งที่ถึงแม้จะปิดเตาแล้ว แต่ไอร้อนในซึ้งจะทำให้ไข่สุกต่อเนื่อง น้ำขลุกขลิกก้นถ้วยจะแห้งหายไปค่ะ
- ทานเล่นหรือทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเพลินไปเลยค่ะ ค่อยๆตัก..ค่อยๆละเลียดไปเรื่อยๆ ตอนเด็กๆแม่นันจะลุ้นมากเลยค่ะว่าก้นถ้วยจะมีหมูสับที่แม่นันชอบรึเปล่า ลองทำดูนะคะ
ให้สูตรไข่ตุ๋นไปแล้ว ทีนี้ต้องนั่งฟังแม่นันเล่าต่อนะคะ ฮ่าฮ่า ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า "ที่นั่งวีไอพีของอาม่า"
ตอนเด็กๆแม่นันอยู่กับอาหยี่แจ้ (พี่สาวคนที่สองในพี่น้องสิบคน) ที่ตรอกโรงหมู แม่นันหรือที่พี่ๆเรียกว่า "น้องเล็ก" เข้าเรียน ป.1 ที่โรงเรียนวัดปทุมคงคา คนที่จูงอาหมวยน้อยไปส่งที่โรงเรียนทุกเช้าคืออาอึ้มนั่นเอง ซึ่งขณะนั้นอาอึ้มมีอายุ 53 พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ซักคำ อาอึ้ม อายุมากที่สุดในบรรดาผปค. ที่มาส่งลูกๆเข้าโรงเรียนในตอนนั้น แต่ถึงอาอึ้มจะแก่กว่าใคร แม่นันก็ภูมิใจที่สุด ไม่ได้รู้สึกเลยว่าใครจะมองแม่เราในสายตางงงงงง
อาอึ้มนุ่ง "ซี่กี่โข่ว" กระเปงคล้ายๆที่เรานุ่งในปัจจุบัน แต่เป็นกระเปงคนจีนสีดำตัวใหญ่ เอวกว้างมาก ยาวมากด้วย จำได้ว่าขอบเอวสูงไปถึงใต้อก ทบไปทบมา แล้วคาดด้วยเข็มขัดนาค พับขอบกางเกงทับลงบนเข็มขัดอีกที เฮ่อ..แค่เล่าถึงการนุ่งกางเกงของอาอึ้มก็เหนื่อยแล้ว นี่ยังไม่ได้เล่าถึงเสื้อชั้นในของอาอึ้มเลย ไม่ได้ทะลึ่งนะคะ เสื้อชั้นในของคนจีนสมัยก่อนที่จะมาเป็นยกทรงสมัยนี้น่ะคะ่ คลาสสิคมากนะคะ มีที่ซ่อนตังค์ด้วย...
เล่าถึงอาอึ้มพอให้ติดใจแค่นี้ก่อนนะคะ มาฟังบรรยายกาศสมัยพวกเรา (แม่นันและผองเพื่อน) ตอนเป็นเด็กวิ่งเล่นในตรอกโรงหมูกันดีกว่าค่ะ ตัดมาเฉพาะตอนนี้นะคะ สมัยก่อนบ้านเพื่อนท้ายซอย จะเป็นศูนย์รวมของบรรดาอาม่าทั้งหลายไปพบปะ พูดคุยยามบ่าย อาม่าบ้านนั้นชอบชวนเพื่อนๆ และลูกหลานเล่น "จับอิ๊กกี" ไพ่จีนใบเล็กๆ นั่งล้อมวงขยายวงใหญ่มากในบ้านที่เป็นห้องแถวเล็กๆ นึกภาพตามนะคะ ตึกแถวที่คนจีนอยู่สมัยนั้นจะเป็นตึกแถวสองชั้น ชั้นล่างจะเป็นหินขัดลายสวยงาม ชั้นบนจะเป็นพื้นไม้ มีห้องน้ำห้องเดียวอยู่ชั้นล่าง แบ่งเป็นโซนนั่งเล่น (รับแขก) และโซนครัวติดกับห้องน้ำ ถึงจะเป็นตึกแถวแต่ก็ตบแต่งได้สวยงาม สะอาดสะอ้านมากค่ะ กวาดถูกันทั้งวัน
พวกเราเด็กๆเห็นผู้ใหญ่เล่นไพ่ "จับอิ๊กกี" กันก็ชอบสิคะ ไปนั่งขดใกล้ๆบรรดาอาม่า พออาม่าเล่นชนะได้เงินทีก็มีติ๊ปมาถึงพวกเรา หรือไม่ก็ใช้พวกเราไปซื้อโอเลี้ยง เดี๋ยวๆก็ใช้ไปซื้อบะหมี่ปากซอย แล้วก็มีติ๊ปให้พวกเราอีก เด็กๆก็ชอบสิคะ วันนั้นวิ่งซื้อขนมกินกันทั้งวัน ที่สนุกสุดก็จะเป็นช่วงเทศกาลเกี่ยวกับศาลเจ้า หรืออะไรสักอย่างจำไม่ได้ค่ะ จะมีหนังกลางแปลงมาฉายหน้าปากซอย ช่วงเย็นๆคนฉายหนังก็จะเริ่มเตรียมตั้งขาหนังกลางแปลง ผูกเชือกค้ำจอหนัง (ผ้า) ให้ตั้งตรง เตรียมสายนู่นนี่เยอะแยะไปหมด ชาวบ้านแถวนั้นเตรียมตั้งโต๊ะขายน้ำ ขายขนมหน้าบ้าน
เด็กๆอย่างพวกเราทั้งตัวเล็ก ตัวโตก็วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นอย่างมีความสุข พอได้เวลาปุ๊บพวกตัวโตๆก็จะวิ่งจู้ดเข้าบ้าน (บ้านใครบ้านนึงระหว่างเราสองบ้านก่อน) เข้าไปทำอะไรรู้มั้ยคะ??? พวกเราเข้าไปยกโซฟา ค่ะฟังไม่ผิดหรอกค่ะ โซฟาเบาะหนังใหญ่ๆที่เค้าไว้รับแขก กันน่ะคะ ยกออกมาจองที่ให้บรรดาอาม่า อาม้า อาอึ้มทั้งหลายค่ะ วีไอพีเค้าจะนั่งโซฟาดูภาพยนตร์งิ้วกลางแปลงกันค่ะ ต้องจองตรงกลางที่ดีๆ ด้วยนะคะ ฮ่าฮ่า หรูมั้ยคะ ส่วนพวกเราเด็กๆก็ปูเสื่อหน้าโซฟา อิงแข้งอิงขาบรรดาอาม่าไป
ก่อนจะเริ่มแสดงหนังยาวตามโปรแกรมทุกครั้ง ก็จะฉายงิ้วโป๊ยเซียนให้ดูก่อน เหมือนประมาณให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือดูก่อน โอย..สนุกที่สุดเลย ฟังก็ไม่รู้เรื่อง แต่ทำไมถึงตาโตตั้งใจดูขนาดนั้นก็ไม่รู้ (เคยถามอาอึ้มว่า "คนแสดงงิ้วเค้าพูดภาษาอะไรคะ ทำไมหนูฟังไม่รู้เรื่องเลย" อาอึ้มบอกว่า "เค้าพูดแต้จิ๋วนะ แต่บางคำเป็นศัพท์ที่สูงและลึกทำให้เด็กๆอย่างเราฟังแล้วอาจจะไม่เข้าใจ")
ปิดท้ายคืนนั้นด้วยการแสดงงิ้วโป๊บเซียนอีกรอบนึง พวกเราก็จะตื่นตาหายง่วงทันที ก่อนแยกย้ายกันกลับเข้านอน แน่นอนค่ะ ขากลับย่อมไม่ฟิตเหมือนขามา หนุ่มๆตัวโตๆเดินแบกโซฟากันโซซัดโซเซ พรุ่งนี้แบกมาจองให้อาม่าใหม่ค่ะ จนกว่ากลางแปลงจะถึงวันสุดท้าย......
.