อย่างน้อยๆ ก็ไม่เคยทำตัวปากปราศรัยใจเชือดคอ

เรื่องมีอยู่ว่า เราทำงานกับเพื่อนร่วมงาน 1 คน (ผู้หญิง)  เราช่วยเสนอเจ้านายให้รับเข้ามาทำงาน เพราะนางทักมาสอบถามเราว่า ยังรับคนทำงานอยู่มั้ย?  วันแรกที่คุยกันเราจำไม่ได้ว่านางคือ รุ่นพี่ รร.เดียวกันสมัยมัธยม นี่ผ่านมานานมากเป็น20กว่าปีแล้ว  ก็เลยนัดให้มาคุยกันเรื่องรับทำงาน ปรากฏว่า (นางท้องอยู่ประมาณ 4เดือน) แต่มาบอกเราตอนนัดเข้ามาแล้ว ไม่ได้บอกตอนคุยกับในข้อความ นางบอกว่า นางไม่อยากโกหก ว่าจะบอกต่อหน้า ถ้าให้ทำก็ทำ ไม่ให้ทำก็ไม่เป็นไร ถือว่าเสี่ยงลองดู  เราก็... เออ ไหนๆก็มาแล้ว คุยกับเจ้านายดูนะคะ สรุปเจ้านายให้โอกาส บอกว่า ถ้าเธอทำได้ ทำไหว เธอก็ลองทำดู 
ทำได้แค่ไหน แค่นั้น ไม่เป็นไร  ระยะเวลาที่นางทำจนเกือบสัปดาห์ สองสัปดาห์ใกล้คลอด นางก็ต้องออกไปพัก เราก็หาคนใหม่มาทำ

- หลังคลอดลูกได้3 เดือน ก็ได้มีโอกาสกลับมาร่วมงานกันอีก ตอนนี้นางคลอดแล้ว ศักยภาพในการทำงานก็ต้องเต็มที่มากขึ้น เงินก็ได้มากขึ้น ผลงานก็ต้องมากขึ้น เพราะเรากับนางก็ไม่ได้ต่างกันแล้ว  แต่รอบหลังที่นางกลับมา  งานมันเยอะมากๆ ช่วยกันทำ  ช่วยกันสอน  เราต้องคอยสอนนาง เพราะเราอยู่มาก่อนและรู้ ทำงานทุกอย่างได้ ราวกับเป็นบริษัทของตัวเอง  (เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว) ( มีหน้าที่แอดมินกับเตรียมสินค้าขึ้นไลฟ์ แพ็คของ)

งานก็เยอะ เราก็รู้สึกดีที่มีคนมาช่วย เขาช่วยเราได้เยอะจริงๆ ยกจับ ขนของ เขามีน้ำใจกับเรา  เขาเหมือนว่าเต็มใจช่วยเราทุกอย่าง รับฟังทุกคำที่เราสอน ถึงจะทำไม่ได้ดีเลยสักอย่าง แต่เราก็ปรับปรุงกันมาเรื่อยๆ 

เราเป็นคนทำงานเรียบร้อย เนียบ และดีมาก ผิดพลาดน้อยที่สุด ตอนทำงานคนเดียวเราไม่เคยมีปัญหากับงานที่เราทำเลย เพราะได้ทำงานที่ชอบ ทำมาได้ 5 ปีแล้ว โดยส่วนตัวเราเป็นคนชอบวีน เหวี่ยง เรื่องเยอะ เป็นคนพูดจาไม่ต่อยเพราะ พูดตรง และเป็นคนพูดเสียงดัง แต่เราไม่มีอะไรในใจเลย ไม่ได้รู้สึกเกลียดหรือไม่ชอบคนที่เราได้ทำงานด้วย แถมบางที เราก็ยื่นทัศนคติดีดีให้เขา หวังดีเสมอ และอยากให้เขาเก่งในทุกๆด้านของชีวิต 

แต่... ด้วยความที่เราเป็นคนจริงจังกับงาน ทำงานเนียบเกินไป (เราก็รู้ตัวดี) ว่าอะไรที่คนอื่นทำ มันไม่ได้ถูกใจเราไปซะทุกอย่าง บางสิ่งเราก็เลือกจะทำเอง ทำให้ ต่อให้เราได้มีคนมาช่วยทำงาน แต่ความเหนื่อยของเรามันกํไม่ได้ลดลง งานก็ไม่ได้ลดลง เขาเพียงแต่เป็นตัวช่วยของเราได้เท่านั้น อะไรที่เราสอนไป เขาก็ทำมันได้ไม่ดีพอ  วันๆนึงเรารับปัญหาของงานเยอะมาก มันรู้สึกเหนื่อยกว่าตอนที่เราทำงานคนเดียวซะอีก

** เขาเป็นคนที่ทำงานพลาดบ่อยมาก บ่อยมากที่สุด และช้ามากๆ ผลงานออกมาไม่ดีเลย แต่เรากับเจ้านายก็เข้าใจ ศักยภาพของคนอื่นมีไม่เท่ากัน ฝึกไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เก่ง 
แต่ประเด็นคือ  เวลาที่ทำงานพลาด แล้วเราวีน เราว่า เราต้องย้ำในสิ่งที่ถูกต้อง  มันทำให้เขากดดัน แต่ทุกครั้งเราก็จะอธิบายเหตุผลที่เราจำเป็นต้องจริงจังกับมัน ถ้าเราพลาด เราต้องวนกลับมาแก้ปัญหาอีกมากมาย แต่กับบางคนเขามองว่า  คนทำงานต้องมีปัญหา ถ้าไม่มีปัญหาคือคนที่ไม่ได้ทำงาน
ก็.....จริงมั้ง  ถ้าไม่มีปัญหาแปลก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเกิดจาก ความมักง่าย ไม่เรียบร้อย ไม่ใส่ใจ ลืม คิดไปเองของคนที่ทำ  แต่เป็นเราที่ต้องมาคอยแก้ปัญหา เหมือนเช็คขี้ เช็คเยี่ยวคนอื่นอะ  จนบางทีเราเหนื่อยมาก เรารู้สึกว่า มันเรื่องอะไรของเรานักหนา ที่ต้องมาคอยเข้าใจและแก้ปัญหาของคนอื่น ปัญหาที่เราไม่ได้สร้างตลอดเวลา

ทุกครั้งที่มีเขาพลาด  เหตุผลของเขาคือ  พี่ลืม พี่คิดไม่ถึง พี่ขอโทษ พี่ช้า พี่รู้ตัว พี่จะทำให้ดีขึ้น คำพูดว่าขอโทษมันเยอะมาก จนเราฟังแล้วรู้สึกจะอ้วก ( ใช้คำขอโทษได้เปลืองมาก) เราแค่แอบคิดว่า คำขอโทษมันมีความหมายนะ เรารับฟัง แต่การกระทำมันสำคัญกว่ามั้ย? ถ้าจะแก้ไขมันต้องไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สามที่สี่

จนทุกๆวันของเราเป็นวันที่เรารู้สึกประสาทแดก อะไรก็ต้องถาม อะไรก็ต้องบอก อะไรก็ต้องชี้นิ้วสั่ง ทำไมถึงไม่คิดจะใช้สมอง พิจารณาเองบ้าง คนไม่รู้คือไม่คิดจะรู้เลยหรอ ทุกคนเกิดมาจากความทำไม่ได้ ทำไม่เป็น แต่ในเมื่อมีคนสอนแล้ว บอกแล้ว  แล้วเธอก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจ จะรับฟัง แล้วมันยังไงอีก....

--- จนพักหลังเรารู้สึก ไม่ไหวก็เลยได้ ระบายกับเจ้านายไป เขาก็เลยไปเรียกเพื่อนร่วมกันมาพูด ก็เหมือนจะปรับกันด้วยดี --
เรื่องที่เกิดขึ้นทุกวัน คือ 1. ความสะอาดของตัวเองและที่อยู่ กลิ่นตัวเหม็นเค็มมาก เราไม่ไหว เราจำเป็นต้องให้เจ้านายไปคุย เพราะเราอยู่ร่วมกับเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เวลาเหงื่อออก มือก็มีเหงื่อ อะไรไม่รู้เยอะมาก หยิบจับอะไร ก็เหนียวไปหมด มีกลิ่น ทำให้เราต้องลุกล้างมือหลายครั้งมากต่อวัน (จะให้ทำไงอ่า)
 2. ความรอบคอบ พลาด ทั้งๆที่งานมันได้ถูกเซทไว้ให้แล้ว ก็ยังทำพลาดอยู่ดี
 3. ลืมง่ายมาก จนคิดว่า ลืมหรือไม่คิดจะจำ 

--- เราเป็นคนทำงานที่ ถ้างานยังไม่เสร็จ เราจะกัดฟันทนทำต่อให้เสร็จหรือบางทีใกล้เสร็จ มองว่าถ้าวันนี้ไม่ทำ พรุ่งนี้เราก็ต้องมาทำอยู่ดี แล้วพรุ่งนี้งานใหม่ก็มาทับ มันจะทำไม่ทัน และความรีบร้อนมันจะทำให้เราพลาด เราเลยได้กลับบ้านดึกทุกวัน 8โมง-ทุ่ม สองทุ่ม ถึงบ้านไกล แต่มันคือหน้าที่ของเรา เราต้องยอมทำมัน  ส่วนอีกคน 17.59 หรือ18.00 ก้าวขาออกจากที่ทำงานทันที แฟนมารอแล้ว (แต่เราไม่ได้รู้สึกอะไรนะ คิดแค่ว่างานเขาเสร็จละ เขาไม่จำเป็นต้องช่วยอะไรเราตรงนี้  แล้วอีกอย่างเราก็ทำแบบนี้ของเรามาตลอดอยู่แล้ว

--- จนมีวันนึง เวลามันถูกบีบออกไป 17.00 เรายังไม่ได้ทำงานที่ต้องทำเลย เพราะตอนเช้าเราไปช่วยงานเขา ตอนเย็นๆไฟดับ เจ้านายเรียก สารพัดวันนั้น ทำให้เขาที่ต้องมาช่วยเรายกของตามคำสั่งเจ้านายต้องช้าไปด้วย ทำให้18.00 น เขายังไมีได้กลับ เขามีท่าที รีบร้อน ลุกลี้ลุกลนมาก แต่ก็ช่วยเราไปด้วยนะ เราก็เกรงใจ แต่คิดว่า1วัน เขาคงโอเคที่จะช่วยเรามั้ง จนเวลาผ่านไปถึง 18.38 งานจะเสร็จ เขาก็ได้ทำพลาด!!!! ทำราวแขวนผ้าพังลง ทำให้เขาต้องเก็บผ้าขึ้น ซึ่งมันเยอะมาก ต้องช้าแน่นอน แต่ถ้าคนทำล้มไม่ทำ แล้วใครจะทำ พรุ่งนี้เขาก็หยุดอีก2วัน แต่เราไม่ได้หยุดนะ และงานเราก็เยอะมาก ยังไม่เสร็จเลย  

--- ทำให้เกิดเรื่องและเกิดความไม่พอใจ เขาไปขอลาออกกับเจ้านาย ::  แล้วก็พูดกับเจ้านายว่าเขาอึดอัดที่ต้องทำงานอยู่กับเรา เราชอบวีน เวลาเขาพลาด เราพูดจาไม่ดี ซึ่งเรายอมรับเพราะเราเป็นคนพูดตรง แรง  อันนี้เป็นข้อเสียของเรามากๆ ซึ่งเราพยายามดรอปให้เขาแล้ว  เขาบอกว่าเขาก็พยายามแก้ไข ปรับปรุงทำให้ดีขึ้นแล้วแต่เราไม่เคยชมเขาเลย (เราก็...อ้าว ทำไมจะไม่ชม อันไหนทำดีก็ชม อันไหนทำแย่ก็ต้องด่า) เวลาด่าก็อธิบาย เขาก็รับฟังเสมอ พูดตลอดว่า พี่เข้าใจ เธองานเยอะ พี่ก็ทำพลาดจริงๆ  บราๆๆๆๆ เหมือนกับว่า ที่ผ่านมาเขารับฟังและเข้าใจที่เราเป็น เราก็เข้าใจที่เขาเป็น  แต่อะไรหละ...อยู่ดีๆก็มาบอกว่า ตัวเองฟิวขาด ทนไม่ไหวแล้ว ที่ผ่านมาไม่อยากต่อล่อ ต่อเถียงด้วยก็เลยเงียบ (อ้าววว..ไม่เงียบนะ พี่บอกว่าพี่เข้าใจหนู พี่ผิดมากมายหลายครั้งมากมาก) ฉันเป็นคนแก้ปัญหาไม่ใช่เธอ  สุดท้ายฉันทำอะไรเธอได้ ก็ไม่ !!!!!    ทำตัวมีปัญหาสารพัด ลาได้ หยุดได้ พลาดได้

สรุป ที่ผ่านมาคือไรวะ ทำเป็นเข้าใจ แต่ไม่เข้าใจ  พูดชมเรา ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ทำตัวว่าพร้อมช่วยเราเต็มที่   แต่พอจะออกกลับบอกเราคือตัวปัญหา ว่าเราเยอะมาก และบอกเจ้านายไม่ให้มาบอกเรา กลัวโดนเราด่า  (ก็ถ้ามันจริงไม่มีทางด่า ถ้ามันไม่จริงตรูด่าอยู่แล้ว) ใครจะให้คุณพี่มาพูดเสียๆหายๆฝ่ายเดียว พูดเหมือนตัวเองอดทนอยู่คนเดียว เราก็อดทนและพยายามปรับเยอะมากๆ

สุดท้ายเจ้านายมาเล่า เราขึ้นมาก ฟิวขาดเช่นกัน  อย่าให้บอกเลยว่า ระเบิดลง !!!
แต่ที่เรารู้สึกแย่ที่สุดคือ เจ้านายพูดกับเราว่า  พี่เข้าใจว่าเธอเป็นคนทำงานดีมาก เรียบร้อย และจริงจัง ทุกอย่างเธอทำแทนพี่ได้หมด เธอทำให้พี่เต็มที่
แต่คนอื่นเขาอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกันกับเธอ เขาอาจจะแค่อยากมาทำงานแล้วกลับบ้านตั้งเวลา   อ้าววว แล้วกูไม่อยากกลับบ้านหรอ ไม่มีบ้านหรอ
ที่ทำก็เพราะต้องทำนะ เป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบ  สุดท้ายก็พยายามบอกให้เราคิด ว่าใจเขา ใจเรา !! 

คือไร ใจเขา ใจเรา แล้วตอนที่กูกลับบ้านดึกดื่น  ป่วยก็ต้องมาทำงาน แก้ปัญหาสารพัด มีใครเห็นใจกูบ้างมั้ย ไม่มีหัวใจหรอ ไม่มีปัญหาส่วนตัวหรอ ไม่เคยมีวันหยุดพิเศษ ทำงาน6วันต่อสัปดาห์ ทำงานคนเดียว เขาได้หยุดกันสองวันต่อสัปดาห์  ไม่ต้องแก้ปัญหาอะไรเลย 

พูดว่าเรา อีโก้สูง !!!! คำว่าอีโก้สูงมันช่วยใช้กับเราหรอ เราพยายามเข้าใจศักยภาพในตัวทุกคนมากๆ เราพลาดอารมณ์เสียให้น้อยลง ก็ทำได้นะ ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก เรารู้ตัวดีว่าเราเป็นคนที่บกพร่องตรงไหน แต่เรามั่นใจว่าการทำงานของเรา ไม่เคยทำให้ใครต้องมาเดือดร้อน  และทำได้ดีมาก

ทุกคนชี้นิ้วว่าเรา อีโก้สูง เจ้าวีน เจ้าอารมณ์ แต่เราเหนื่อยมาก การสอนคน ๆนึง มันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งสอนคนให้เป็น แล้วเขาไม่รับอะไรเลยยิ่งยากเย็น เราต้องหงุดหงิดบ้าง เราก็คนนะ ไม่ใช่พระแม่โพธิสัตว์   ถ้าทำดีเราจะด่าทำไมให้ประสาทแดกตัวเอง  

ทุกคนคิดว่าเราเป็นคนแย่มากแค่ไหน? ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว 
รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ว่าเป็นคนมีปัญหาเยอะจริงๆหรือป่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่