เป็นเรื่องตอนที่ผมไปออกค่ายอาสา ทำโปรเจคก่อนจบปวช 3 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งติดตีนเขา แบบค้างคืน 1 คืน คือผมเรียนช่างไฟ ออกค่ายอาสาก็จะไปทำเกี่ยวกับไฟ พอไปถึงตอนเช้า อาจารย์ก็นัดรวมกันที่โรงอาหารตอนนั้นยังไม่มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น(ผมเป็นคนไม่ชอบห้อยพระ) อาจารย์ก็มอบหมายหน้าที่ว่าใครทำตรงไหนจุดไหน ผมได้ทำตรงห้องน้ำกับเพื่อนอีกคนนึง ชื่อ แบงค์ แต่ก่อนเริ่มงานอาจารย์ก็ได้บอกให้ไปสับคัทเอาท์ก่อน เลยให้ผมกับแบงค์ที่ไปทำตรงห้องน้ำด้วยกันไปสับคัทเอาท์ ซึ่งคัทเอาท์อยู่บนอาคารไม้ยกพื้นเก่าๆ ซึ่งเป็นแนวยาวประมาณ 5 ห้อง ซึ่งคัทเอาท์มันอยู่ห้องแรกติดกับโรงอาหาร ซึ่งผมกับ แบงค์ ก็เข้าไปในห้อง ในห้องนั้นเหมือนเป็นห้องเก็บของซึ่งมีเก้าอี้มีตู้เก่าๆเต็มไปหมด ซึ่งคัทเอาท์มันอยู่บนฝาผนังสูง ไม่สามารถเอื้อมมือถึง เลยต้องปีนกลองเก้าอี้ขึ้นไป ซึ่ง แบงศ์ ไม่ยอมขึ้นไปก็ต้องเป็นผมขึ้นไป พอผมเป็นเก้าอี้ขึ้นไปสับคัทเอาท์เสร็จผมก็หันลงมาหา แบงค์ บอกว่าสับเสร็จแล้ว พอ แบงค์ เห็นเราสักเสร็จแล้วก็เดินออกไป แต่ผมยังไม่ลงจากข้างบน อยู่ดีๆประตูก็ปิด ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเพราะมันยังเช้าๆอยู่ประมาณ 8 โมง ผมก็ปีนลงมากะว่าจะเปิดประตู แต่ประตูดันเปิดไม่ออก ผมก็คิดว่าเพื่อนแกล้ง ก็เลยเขย่าประตูแล้วเรียกชื่อเพื่อน แบงค์เปิดประตู เปิดประตูหน่อย แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ผมเลยคิดพิเรนเข้าไปซุกในตู้เหล็กที่อยู่ข้างประตูซึ่งมี 2 ตู้ อันที่อยู่ติดประตูมีฝาปิดถัดมาไม่มีฝาปิด ผมเลยเข้าไปอยู่ในตู้ที่ไม่มีฝาปิด คิดว่าถ้าเสียงเงียบเดี๋ยวเพื่อนก็จะเปิดประตูเข้ามา ผมอยู่ในตู้ได้แป๊บนึงก็เงียบไม่มีเสียงอะไรเลย ผมก็เลยเดินออกมาแล้วไปขยับประตูอีกรอบนึง แล้วเรียกชื่อเพื่อนอีกครั้งบอกให้เปิดประตู แบงค์ ปิดประตู สักพักเพื่อนก็ตอบกลับมา แต่ว่าเสียงไม่ได้มาจากหน้าประตู แต่เสียงมันมาจากโรงอาหาร ว่า อะไรของ ซึ่งผมก็ตกใจมาก ว่าถ้ามันไม่ล็อคแล้วทำไมประตูถึงเปิดไม่ออก พอผมตั้งสติได้ ผมก็เลยเขย่าประตูอยู่สักพัก อยู่ดีๆประตูก็เปิดออก ซึ่งผมก็รีบมองตรงตัวล็อคว่ามีอะไรมันขัดประตูอยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่มี แล้วผมก็รีบวิ่งไปหาเพื่อนที่โรงอาหาร แล้วถามมันว่า แบงค์ ล็อคประตูทำไม เพื่อนก็ทำหน้างงแล้วบอกอะไรของ แล้วก็จบไปผมก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเพื่อนแกล้งแต่ไม่ยอมรับสารภาพ เสร็จแล้วเราก็กระจายกันไปทำงานทำจุดต่างๆ ผมกับแบงค์ที่ไปสับคัทเอาท์ไฟด้วยกัน ก็ไปทำไฟตรงห้องน้ำใหม่ (ห้องน้ำมันมี 2 จุด คือห้องน้ำใหม่ที่อยู่ข้างๆที่เราพัก กลับอีกจุดหนึ่งเป็นห้องน้ำเก่าที่อยู่หลังอาคารไม่เก่า) พอผมทำเสร็จผมก็เลยเดินไปดูเพื่อนคนอื่นที่ทำตรงจุดต่างๆ พอมาถึงตรงห้องดนตรีที่อยู่อาคารไม้ที่เดียวกันกับที่ไปตัดคัทเอาท์ แต่อยู่คนละฝั่งกัน มีเพื่อนอีก 2 คนกำลังทำอยู่ ตรงหน้าต่าง ชื่อ แจ็ค กับ อาร์ท ผมก็เข้าไปทักทายตามปกติ ถามว่าทำไปถึงไหนแล้ว ใกล้เสร็จยัง แล้วก็หันไปเห็นเครื่องดนตรีวางอยู่เป็นจำนวนมาก ผมด้วยความนึกสนุกก็เลยเข้าไปเล่นเครื่องดนตรี หลายชิ้นเลยผมจำไม่ได้ว่ากี่ชิ้น เล่นอย่างละนิดละหน่อย สร็จแล้วผมก็ออกมายืนตรงระเบียง มองไปทางสนามฟุตบอล โดยหันหลังให้ประตู ประตูเป็นแบบ 2 บานประกบเข้าหากัน อยู่ดีๆประตูก็ปิด ทั้งๆที่ไม่มีลมแม้แต่นิดเดียว แล้วประตูเป็นแบบ 2 บาน ปิดเข้าหากัน ถ้าลมพัดไม่มีทางที่มันจะปิดพร้อมกันได้ มันต้องมีคนปิดพร้อมๆกัน จังหวะที่ประตูกำลังปิดตาพวกหันไปมองทางที่ประตูกำลังจะปิด มองไม่ทันเพราะมันจังหวะมันเร็วมากเห็นเหมือนอะไรขาวๆคล้ายๆเสื้อ เห็นแค่แป๊บเดียวก่อนที่ประตูจะปิด พอประตูปิด ผมก็รีบวิ่งไปเปิดประตูทันที นึกว่าเพื่อนวิ่งมาปิด พอผมเปิดประตู สิ่งที่ผมเห็นคือเพื่อนเกาะอยู่ตรงหน้าต่าง 2 คนกำลังเปลี่ยนหลอดไฟตรงข้างนอก แล้วหันมามองผม ผมก็เลยถามเพื่อนไปว่า แจ็ค อาร์ท ปิดประตูเหรอ เพื่อนก็ทำหน้างง แล้วเพื่อนก็ตอบกลับมาว่า ปิดอะไรของ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะตอนนั้นมันเป็นเวลา 11:00 น เกือบเที่ยง เสร็จแล้วก็กลับไปทำไฟตามปกติ พอตกเย็นก็ถึงเวลาอาบน้ำ ก็พากันไปอาบน้ำ แต่การที่จำนวนคนมันมากห้องน้ำก็ไม่ค่อยเพียงพอ ห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆหอพักก็คือห้องน้ำใหม่ ที่ผมกับแบงค์ มาทำไฟเมื่อตอนกลางวัน ห้องมันเต็มเราเลยต้องไปใช้ห้องน้ำข้างหลังที่อยู่หลังอาคารไม้ ใกล้ๆกับโรงอาหาร จึงต้องเดินผ่านอาคารไม้ ซึ่งระหว่างทางผมก็รู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าใครมองจากที่ไหน เพราะมันเริ่มมืดแล้วด้วย เพื่อนก็คุยกันเฮฮากัน แต่ผมไม่ได้เข้าไปร่วมวงกับเพื่อนๆ ผมเดินอยู่คนสุดท้ายก็ได้แต่หันซ้ายหันขวาหันหน้าหันหลัง เพราะรู้สึกเหมือนมีคนมองตลอดเวลา แต่ไม่กล้าก้มไปมองใต้ถุนอาคารไม้ เสร็จแล้วก็ต่อคิวกันเข้าไปอาบน้ำ พอถึงคิวผมเข้าไปอาบน้ำ ก็ยังรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา ผมก็ไม่ได้คิดอะไรนึกว่าเพื่อนแอบดูเราอาบน้ำ เพราะเสียงห้องข้างๆก็ยังได้ยินเสียงอาบน้ำอยู่ (ลืมบอกไป ห้องน้ำมี 3 ห้อง ผมเข้าห้องกลาง ) ส่วนเพื่อนที่ต่อคิวข้างนอกก็ยังเฮฮากันอยู่เลย ผมก็ไม่ได้คิดอะไร พออาบน้ำเสร็จก็เข้าห้องนอนกัน ตามประสาออกค่ายก็มีเฮฮาเสียงดังร้องเล่นกันตามปกติ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันนอน มุมใครมุมมัน แต่ตรงที่ผมนอนมันจะอยู่ตรงโต๊ะคอมที่มีเก้าอี้ล้อเลื่อนได้ ซึ่งก็นอนปูเสื่อกันนอน ก็นอนหลับปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น หรืออาจเพราะว่าเราเหนื่อยมาทั้งวัน จึงไม่ได้ยินหรือรู้สึกอะไร พอถึงตอนเช้า บางคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ แต่ด้วยคนมันเยอะผมก็นอนรอให้เพื่อนบางคนไปอาบก่อน พอบางคนที่ไปอาบน้ำก่อนหน้า ทยอยกลับกันมา ผมเลยลุกเก็บที่นอน เตรียมไปอาบน้ำ จังหวะนั้นมีล้อเลื่อนของเก้าอี้ที่นั่งเล่นคอมปกติผมจำได้ว่าดันเข้าไปในสุดติดกับโต๊ะคอม แต่ตอนเช้ามันเลื่อนออกมาข้างนอก เหมือนมีคนเลื่อนเอาออกมานั่ง แล้วมันมีหนึ่งล้อของเก้าอี้ ทับเสื่อที่ปูนอนเมื่อคืน ผมก็กะว่าจะยกเก้าอี้เพื่อให้ดึงเสื่อออก แต่ผมไม่สามารถยกอีนั้นขึ้นได้ เหมือนกับว่ามีคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมพยายาม ดึง ทั้งดัน ทั้งยกก็ไม่ขึ้น ผมตกใจมาก ขอเก้าอี้ตัวนั้นมันมีล้อเลื่อนอยู่แค่แตะเบาๆมันก็ขยับแล้ว แต่นี่อะไรไม่กระดิกแม้แต่นิดเดียว ผมมองไปบนเก้าอี้ก็ไม่มีอะไรอยู่บนเก้าอี้เลย ในขนาดนั้น เพื่อนผมคนนึงที่อาบน้ำเสร็จแล้วกลับมาที่ห้อง ได้นุ่งผ้าขนหนูเดินเข้ามา แล้วก็มองมาที่ผม ทำหน้างงๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมก็ทั้งดันทั้งดึงทั้งยก เก้าอี้ตัวนั้นก็ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว จนผมหมดแรงแล้วถอยออกมาติดฝาผนัง เพื่อนผมที่พึ่งอาบน้ำเสร็จกลับมายืนดูเหตุการณ์สักพักนึง พอผมถอยหลังไปติดฝาผนัง เพื่อนคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกลับมา ชื่อ นัท ก็จะหยิบพระที่ปกติแล้วจะห้อยไว้ที่คอตลอด แต่พออาบน้ำได้ถอดวางไว้บนกองเสื้อผ้าของตัวเอง หยิบขึ้นมา ยกมือไหว้แล้วก็ห้อยคอแล้วก็เดินมายกเก้าอี้ เหตุการณ์นี้ทำผมช็อคมาก เพื่อนที่ชื่อว่านัท ยกแค่มื้อเดียว เก้าอี้ที่ผมทั้งยกทั้งดึงทั้งดันก็ไม่ขยับ แต่กลับลอยขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ผมตกใจมาก ผมมองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เสร็จแล้วผมก็เก็บที่นอนแล้วก็ไปอาบน้ำ พอช่วงสายๆอาจารย์ก็เริ่มเรียกรวมตัวกัน เพื่อทำกิจกรรมวันสุดท้ายก่อนกลับ อยู่ดีผมก็เริ่มมีอาการแปลกไป รู้สึกหนาวสั่น หายใจหอบและแรง แล้วก็เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ จังหวะที่อาจารย์กำลังบอกขั้นตอนกิจกรรม ผมก็ได้หายใจลดหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้า จนเพื่อนหันมาบอกผมว่า เฮ้ยไหวหรือเปล่าวะ จนทำให้อาจารย์ต้องหันมามองที่ผม อาจารย์เดินมาหาผมแล้วถามว่าเป็นอะไร ผมบอกว่าไม่รู้ อยู่ดีๆมันก็หนาวสั่นไปทั้งตัว อาจารย์ดูแล้วอาการน่าจะแย่ เลยบอกให้เพื่อนๆทำกิจกรรมต่อไป แล้วอาจารย์ก็ขับรถพาผมไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ในตัวอำเภอ ระหว่างทางอาการของผมก็เริ่มดีขึ้น ก็คุยปกติกับอาจารย์อาการหนาวอาการหอบก็เริ่มหายไป พอถึงโรงพยาบาลผมก็กลับมาเป็นปกติโดยไม่รู้สาเหตุ พอเข้าไปให้หมอตรวจ หมอก็บอกว่าเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ ให้ยาแล้วก็กลับบ้านได้ วันรุ่งขึ้นก็ไปเรียนตามปกติ โดยผมไม่ทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง เวลาเพื่อนๆคุยกันเรื่องลี้ลับ ผมก็จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด โดยมีไอ้นัทที่เป็นคนยกกี้ตัวนั้น มันก็ออเออกับผมแล้วบอกว่า เนี่ย "ของจริง' ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ผมอาจจะเล่าเรื่องไม่ค่อยดี เพราะว่านี่เป็นเรื่องแรกที่ผมเล่าให้คนอื่นฟัง ที่ไม่ใช่เพื่อน ผมเก็บไว้ในใจมาเป็นสิบๆปี ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง เลยอยากมาเล่าให้เพื่อนๆที่ชอบแนวนี้ได้ฟัง เรื่องที่ผมพบเจอ ขอบคุณครับที่ให้ผมได้เล่าเรื่องที่อยู่ในใจผมมาตลอด ถ้าใครรู้ว่านี่คือ ผีอะไร ก็บอกผมมาด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ผีเจ้าที่