หนึ่งในช่วงเวลาที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองยอดนิยม ที่ประกอบไปด้วยวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างที่มีความเป็นเอกลักษณ์ อย่างเกียวโตคือช่วงเวลาใบไม้ร่วงนี้เอง ทำให้เราเลือกจุดหมายปลายทางในการพักผ่อนมาที่คันไซอีกครั้ง 

เริ่มด้วยการบินต่อเครื่องครั้งแรกด้วยสายการบิน จินแอร์ เปลี่ยนเครื่องที่อินชอน มีเวลาต่อเครื่อง 2 ชั่วโมงครึ่ง

เราไปเข้าคิวและเป็นคนแรกของเช็คอินที่สนามบิน ซึ่งสกบ นี้ที่เคยไปเกาเมื่อปีก่อน ทราบว่าขาไปไม่ให้คนไทยเช็คอินออนไลน์ คิดว่าน่าจะเพื่อตรวจ KETA หน้างานนี้แหละ  เช็คอินคนแรกโดยปกติ ชอบนั่งริมหน้าต่าง (เวลานอนจะได้หัวซบ) แต่วันนี้เจ้าหน้าทีบอกหน้าต่างมีแต่หลังๆ เรานี้รีบบอกเลย ขอหน้าที่สุด (เผื่อต้องวิ่งเวลาต่อเครื่อง) 

เราได้ไปใช้บริการCoral lounge ด้วยสิทธิ์ของ Trip ก่อน 
ที่นั่งสบาย อาหารใช้ได้ที่สำคัญบริการดีมาก พนักงานเดินมาสอบถามความต้องการในส่วนของบริการส้มตำไทยผลไม้ และค็อกเทลม็อกเทลถึงที่ ใครอยากจอยๆ ก่อนขึ้นเครื่องมาได้เลยไม่อั้น 

กินอิ่มก็หลับคาเก้าอี้ วันนี้เครื่องดีเลย์ 30 นาทีทำให้คนไม่เคยต่อเครื่องอย่างเราหวั่นไหวใจเหมือนกัน แต่เวลาต่อเครื่องคิดว่าพอสมควรเลยเย็นใจไปก่อน 
บอร์ดเรียบร้อย แต่นอนไม่สบายเท่าไร พอตื่นมา ปวดคอขึ้นหัวมาก พอถึงอินชอน ก็ลงเครื่องเดินตาม  transfer ไป ผ่าน security check  เท่านั้นก็สามารถผ่านเข้าสุ่เกตของ Incheon T2 ได้เลย แม้จะเป็นเวลาเช้า แต่ร้านรวงในเกต คนต่อคิวทั้งนั้น เดินๆ ไปอีกมี CU mart  (เสียดายขายราเมงกระป๋อง แต่ไม่มีน้ำร้อน เลยอดกิน) แน่นอนที่นี่รับแต่เงิน KRW จึงใช้บัตรจ่ายไป กินรองท้องในยามเช้า แล้วต้องการอาบน้ำให้สดชื่น จึงเดินตามพิกัดไปใช้บริการห้องน้ำ ชั้น 4 ใกล้เกต 231 

ต้องบอกว่าประตูมันเปิดอยุ่ และไม่มีคนที่เค้าเตอร์ และเราก็ไม่ได้ดูรายละเอียดจึงไม่รู้ว่าห้องน้ำเสียเงิน  (บางสนบ เช่นเถาหยวนก้มีฟรีนะ.)  พอเดินๆ ไปเหมือนเลือกๆ ห้องน้ำ ลุงก็โผล่หน้ามาไล่ นี่ไม่ใช่ห้องน้ำ แล้วก็ไล่ๆ เราก็เลยบอกว่าเราต้องการอาบน้ำ ลุงจึงเดินไปทีบานประตูที่เราเดินผ่านมา (เพราะมันอ้าเข้า) บางอ้อเลยเพราะบนประตูเขียนว่า  ค่าอาบเท่าไรๆ ซึ่งเรทคน transfer กับคนบินทั่วไปต่างกันด้วย ราคาทรานเฟอร์เราว่าไม่แรงตัดบัตร  7000วอน ห้องอาบน้ำมีส่วนเปียกแห้ง มีตู้ในห้องน้ำ มีที่เป่าลมตัวจากเท้า มีแปรงสีฟันผ้าเช็ดตัวสบุ่ให้  อาบน้ำอุ่นๆ แล้วสบายตัวมาก อาบน้ำเสร็จจวนได้เวลาบอร์ดพอดี  แต่เดินไปถึงเกตคือไฟล์ต icn> KIX ก็ดีเลย์ 30 นาทีจ้า 
เที่ยวสั้นๆ แล้ว ICN > KIX ลำเล็ก 2 แถว ลงเครื่องที่คันไซ ปุ๊บปวดท้องเลยไปเข้าห้องน้ำก่อน ตม คนเยอะพอควร แต่โฟลว์ไหลเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้จะมีเค้าเตอร์ให้แสกนพาสก่อนค่อยไปถึงคิวตม แต่งวดนี้ตม ดูคิดนานอะ เหอๆ แต่สุดท้ายก็แปะสติกเกอร์ตรงข้ามสติกเกอร์ของเกา พอออกมารับกระเป๋า เดินมารอแค่แป๊บเดียว เห็นกระเป๋าตัวเองเลย มีบีเกิ้ลมาเดินๆ ด้วยนะ 

 visit japan ใครกรอกมาจะเร็วตรงผ่านศุลกากรนี้แหละ เข้าช่องคน คนไม่กรอกไปยืนแถวเครื่องอะไรไม่รู้ทีคนเยอะมาก  สิริรวมเวลาเข้าห้องน้ำตั้งแต่แลนด์จนออกมาเรียบร้อยอยู่ที่ประมาณ 40 นาที แน่นอนออกมาก็หนาววววแล้ว
 
ถึงเวลานั่งรถไฟ ซึ่งเลือกใช้ jr one day pass  มา ตานี้ล่ะ คอยจริง เพราะต้องเอาคิวอาร์ ไปออกตั๋วตู้ นั่นแหละที่คิวยาวล้านแปดกว่าจะผ่านด่านจนรับตั๋วร่วมชั่วโมง ตัวพาสสามารถจองตั๋วที่นั่งได้ 2 เที่ยว จองที่นั่งเลยเพราะยังไงนั่ง HARUKA ยาวไปเกียวโต 
นอกจาก JR one day pass สำหรับขึ้นเจอาร์ (ซึ่งสอดได้เลย) ยังได้สิทธ์ one day สำหรับรถไฟของ KEIHAN, KYOTOCITY subway, HANKYU ซึ่งต้องเอาใบนี้ไปแลกตัวจริง และสามารถใช้ได้วันเดียวกับ JR เท่านั้น พอได้ตั๋วแล้วเลยไปซื้อของกินที่ลอว์สันซะก่อน เพื่อไว้แก้หิวระหว่างเดินทาง
กี่ครั้งที่สถานีใหญ่ที่มีปัญหากับทางออก !!!! แพลนแรกคือไปฝากกระเป๋าที่ รร  แต่พยายามจะเดินให้ออกได้ทางใกล้ แต่สุดท้ายคือวนไปวนมา จนสุดท้ายแม็บพาอ้อมมาจากด้านหลังนู่นเลย ถึงที่พัก เห้อ หลังตัวเบาแล้ว ก็พร้อมออกเดินทางแม้ว่าจะเข้าบ่ายแล้วก็ตาม 

แพลนวันนี้เริ่ม ที่บิวะเลคคาแนลมิวเซียม แล้วเดินยาวนันเซนจิ อิคันโด วัดนิกายเซน เดินต่อไปยัง ถนนสายนักปราชญ์ และวัดเงิน  Ginkakuji 
เริ่มที่ Kyoto station กลับมาแลก subway one day pass > ลง Keage Sta. ลงรถมีป้ายบอกทางไป Eikando,  Nansenji ชัดเจน
ตึกด้านขวาคือ  lake biwa canal museum คลองน่าจะเป็นจุดปลายของคลองบิวะซึ่งน่าจะมีต้นกำเนิดจากทะเลสาบบิวะ หน้าหนาวน้ำจะแห้งๆ เนื่องจากเวลาไม่น่าจะได้ทันตามแผนจึงเดินผ่านนน

ไปยังวัดนันเซนจิ   
เนื่องจากไม่อินสวนหินแล้ว จึงตัดสินใจไม่เข้า และไปต่อที่ Eikando 
ออกจาก Eikando เริ่มมืด แต่เดินต่อไปยังถนนสายปราชญ์ ใบไม้ก็ร่วงหมดแล้ว
ยังเดินต่อแม้พระอาทิตย์จะตกและรู้ว่าวัดเงินปิดไปแล้ว เพื่อเดินผ่านและไปขึ้นรถเมล์  แม้ว่าฟ้าจะมืดแต่ความจริงเวลาแค่ 5-6 โมงเย็นเท่านั้นเอง จึงต้องเพิ่มแพลนด่วน  เห็นข่าวงาน light up ที่  Nijo jo หนึ่งในปราสาทมรดกโลกพอดี  นั่งรถบัสไปยัง Nijo แทน  (ต่อ)