ผมเคยทำงานห้างแห่งหนึ่งในย่านฝั่งธนฯ มา 3 เดือน ก่อนที่ทำงานที่นั่น ผมเคยว่างงาน 1-2 ปี ผมไม่รู้จะหางานที่ไหนทำ เลยทำงานห้างแห่งนั้นไปก่อน
พอเข้าทำงานวันแรกๆ เจอพี่ๆในแผนก 3 คน พี่ผู้ชายวัย 35+ 1 คน พี่ผู้หญิงรุ่นพอๆกัน 1 คน และลุงที่ติดขนส่ง 1 คน ตอนแรกๆ เพื่อนร่วมงานก็สอนงานเป็นอย่างดี แล้วผมรู้สึกว่า เป็นงานที่เจ๋ง ได้เดินแทบทั้งวัน แถมได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ถึงเหนื่อยกายแต่กลับสบายใจกว่าตอนที่ทำงานในออฟฟิศเสียอีก คิดว่ากะอยู่ไปเป็นปีๆ แต่ผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยน ผมขอพูดทีละคนนะ
พี่ผู้ชายในแผนก เขาทำงานที่มาก่อน แทนที่ทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีแต่ทำตัวอย่างกับเป็นหัวหน้าแผนก สั่งโน่น สั่งนี่ แล้วตัวเองก็ยืนอยู่เฉยๆ ทำผิดพลาดนิดหน่อย หรือทำอะไรที่ไม่ถูกใจเขา ก็โดนด่าโดนว่าตะคอกใส่ต่อหน้าผู้คนที่ผ่านไปมา บางเวลาลูกค้าเข้ามาสั่งของ ผมเพิ่งถือเครื่องไป ก็มาว่าว่า "ทำไมไม่เปิดดูไลน์บ้างล่ะ" ตอนนั้นผมโกรธมาก ยังไม่ทำอะไรเลย แล้วบางครั้งผมนับจำนวนสินค้าให้ลูกค้าผิด ผมก็จะบอกว่า "ผมลืม ผมไม่ได้ตั้งใจ" แล้วเขาก็มาพูดว่า "จะมาพูดว่าผมลืมผมอะไรไม่ได้นะ" แต่พอเป็นผมมาพูดบ้าง พี่มาช่วยกันหน่อย เขาก็ตอบว่า "ไม่อ่ะ พี่ขี้เกียจแล้ว" ผมมีความรู้สึกว่า อ้างแบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ แล้วบางครั้งงานในแผนกที่เขาไม่ถนัดอย่างเช่น ให้ไปเป็นแคชเชียร์หรือให้เป็นไลฟ์สด เขาจะไม่ทำทันที มีอยู่ข้างหนึ่งที่ผมไปไลฟ์สดโดยไม่บอกไม่กล่าวใคร พี่ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่า "ใครให้ไปไลฟ์สด" ผมล่ะอึ้งเลยทำไมเขามาพูดแบบนี้ใส่ผม ผมก็เลยเล่าให้พี่ผู้หญิงคนนั้นฟังแล้วเขาบอกว่า "บ้า งานไลฟ์สดคืองานในแผนกของเรา"
ส่วนพี่ผู้หญิง ชอบขอสลับกะกับผมตลอด แล้วจะอ้างข้อหาโน่นนี่นั่นไปเรื่อย มีวันหนึ่งผมไปทำงานตามที่พี่ผู้หญิงคนนั้นจัดให้มา แต่พอไปถึงที่ทำงานเจอกระเป๋าพี่ผู้หญิงคนนั้นพอดี ผมเริ่มเอ๊ะใจแล้ว พอเดินไปที่ด้านหลังโกดังเจอพี่ผู้หญิงคนนั้นทันที แล้วเขาพูดว่า "มาทำไม" แล้วผมก็พูดไปว่า "ผมก็มาตามตารางกะที่พี่จัดไว้ให้ไง" เพราะพี่ผู้หญิงคนนั้นเขามาดูถึงกับตกใจ แล้วพูดว่า "โทษทีพี่ไม่ได้บอก"และให้ผมมายืนทั้งวันทั้งคืน คือ บางทีมันก็ต้องคุยกันว่า ขอสลับเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ได้ไหม แต่นี่ไม่เลย แล้วมีลูกค้าสั่งของมาทางโทรศัพท์ แต่พี่ผู้หญิงคนนั้นเขาลืม จนลูกค้าโทรมาตามแต่ดีนะที่เขาไม่เรื่องมาก แต่ผมก็ไม่ว่าเขาสักคำ แต่พอเป็นผมลืมบ้าง เขากลับมาต่อว่าผม รวมถึงพี่ผู้ชายคนนั้นด้วย
ในงานของแผนกก็จะมีส่งของให้ร้านข้าวแกงที่ปั๊มน้ำมันตอนเช้า แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเข้ากะเที่ยง แทนที่พวกเขา 2 คน จะไปส่งตอนเช้าเหมือนทุกๆครั้ง แต่พวกเขาให้ผมไปส่งของตัวคนเดียวเกือบทุกวัน ป้าร้านข้าวแกงเขาเหมือนเห็นด้วยความสงสารเขาก็เลยให้ข้าวกับน้ำเป็นการตอบแทน จนพวกเขาอิจฉาแล้วพี่ผู้ชายได้พูดออกไปว่า "ไปวาดเสน่ห์ใส่ป้ามาหรือเปล่า ทำไมเขาถึงให้ข้าว ทำไมพวกพี่ 2 คนเขาถึงไม่ได้ข้าว" ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาจะได้แค่น้ำเปล่าขวดหนึ่งหรือน้ำหวานแก้วหนึ่งแค่นั้น แล้วอยู่นานเข้าผมก็เริ่มทนไม่ไหวเลยระบายใส่พวกเขาทางไลน์ ว่า "ใครที่อยู่เช้า ถ้าว่างก็จัดและส่งไปให้ป้าเลย ไม่ต้องรอผมถึงเที่ยงหรอก" แล้วพี่ผู้ชายคนนั้นก็ได้ตอบกลับมาว่า "ไม่ต้องสั่ง รู้หน้าที่" ผมนี่ปี๊ดเลย พอผมมาที่ทำงาน พวกเขาสองคนก็มาต่อว่าผม โดยพี่ผู้หญิงได้อ้างว่า "เวลาไปส่งของป้าร้านข้าวแกงจะไปเลยไม่ได้ เดี๋ยวออเดอร์มันมา" แล้วเขาก็พูดต่อไปอีกว่า "จริงๆเราไม่ต้องเร่งตามป้าก็ได้หรอกนะ" แล้วพี่ผู้ชายยังพูดเสนออีกว่า "แผนกของพวกเราทำเกินหน้าที่มามากพอแล้ว และเดี๋ยวพี่จะเสนอให้ส่งของแค่หน้าร้านก็พอแล้วให้ลูกน้องไปเก็บในหลังร้านแทน" ทำเอาผมโกรธจัดเลย พูดแบบนี้ได้อย่างไร
ส่วนอีกคนนึงเป็นลุงที่ต้องไปรูดบัตรและติดรถขนส่ง ลุงคนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมากๆ แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งนั่นก็คือเขาจะชอบหยุดพักร้อนอยู่บ่อยๆ แล้วมีอยู่ช่วงนึงเขาหยุดพักร้อนติดต่อกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเขาจะหยุดพักร้อนวันจันทร์และวันหยุดประจำสัปดาห์ของเขาเป็นวันอังคาร แล้วที่บังเอิญคือ วันหยุดประจำสัปดาห์ของผมเป็นวันจันทร์ ทำให้บางสัปดาห์ผมต้องไปเลื่อนวันหยุดไม่วันพฤหัสบดีก็วันศุกร์ ทำให้มีอยู่สัปดาห์หนึ่งผมต้องทำงานติดต่อกัน 9 วัน แล้วพอเป็นวันหยุดของผมก็ไลน์มาหาผมอยู่ตลอด ผมเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย!! ทำแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว
ผมก็เลยตัดสินใจบอกหัวหน้าใหญ่กับฝ่ายบุคคลว่าจะลาออกล่วงหน้าก่อน 1 เดือน คนในแผนกผม พอรู้ข่าวว่าผมจะลาออก ก็ตกใจมากและพี่ๆในแผนกรวมถึงฝ่ายบุคคลก็ยื้อให้ผมอยู่ต่อทุกวัน แต่ผมก็ไม่คิดจะอยู่ต่ออีกแล้ว แล้วพวกระดับหัวหน้าก็มาถามผมว่า "เอ็งมีปัญหากับใครไหม" ผมก็จะพยายามไม่พูด แล้วจะพูดว่า "ไม่มีครับ" แล้วพวกเขาก็บอกว่า "จริงๆมันก็พูดได้แหละ ไอ้เรื่องแบบนี้" เราคิดอยู่ในใจ มันพูดได้จริงหรอ แล้วถ้าผมฟ้องพวกระดับหัวหน้าไป พวกเขาก็คงหาข้ออ้างไปเรื่อย ผมพยายามทำตัวให้เงียบที่สุดจนถึงวันที่จะได้ออกจริงๆ แล้วพอถึงวันนั้นเป็นวันสุดท้าย ผมรู้สึกว่าตัวเองเก่งมากที่อยู่ได้ถึง 3 เดือน พอหลังจากทำงานวันสุดท้ายเสร็จผมก็จะออกจากไลน์กลุ่มทั้งหมด พอตื่นเช้ามาผมก็รู้สึกว่าไม่ต้องมีอะไรมาส่งสินค้าไปจัด ไม่ต้องมีคนมาโทรตั้งแต่เช้า มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ
ตอนนี้ผมออกจากงานไปช่วยแม่ขายของไปก่อน สักพักหนึ่งค่อยหางานทำทีหลัง ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ออกจากงาน มันเหมือนหินก้อนหนึ่งที่อยู่หลังเราอยู่ตลอด พอวันหนึ่งมันหลุดออกมันก็รู้สึกโล่งอยากบอกไม่ถูก ถ้าถามว่า ผมคิดจะกลับไปทำงานที่ห้างแห่งนั้นอีกไหม ผมจะบอกว่า "ไม่อีกแล้วครับ"
และนี่คือสิ่งที่ผมอยากจะมาระบายในกระทู้นี้ แล้วทุกคนคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
ลาออกจากการเป็นพนักงานห้าง เพราะเพื่อนร่วมงาน
พอเข้าทำงานวันแรกๆ เจอพี่ๆในแผนก 3 คน พี่ผู้ชายวัย 35+ 1 คน พี่ผู้หญิงรุ่นพอๆกัน 1 คน และลุงที่ติดขนส่ง 1 คน ตอนแรกๆ เพื่อนร่วมงานก็สอนงานเป็นอย่างดี แล้วผมรู้สึกว่า เป็นงานที่เจ๋ง ได้เดินแทบทั้งวัน แถมได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ถึงเหนื่อยกายแต่กลับสบายใจกว่าตอนที่ทำงานในออฟฟิศเสียอีก คิดว่ากะอยู่ไปเป็นปีๆ แต่ผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยน ผมขอพูดทีละคนนะ
พี่ผู้ชายในแผนก เขาทำงานที่มาก่อน แทนที่ทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีแต่ทำตัวอย่างกับเป็นหัวหน้าแผนก สั่งโน่น สั่งนี่ แล้วตัวเองก็ยืนอยู่เฉยๆ ทำผิดพลาดนิดหน่อย หรือทำอะไรที่ไม่ถูกใจเขา ก็โดนด่าโดนว่าตะคอกใส่ต่อหน้าผู้คนที่ผ่านไปมา บางเวลาลูกค้าเข้ามาสั่งของ ผมเพิ่งถือเครื่องไป ก็มาว่าว่า "ทำไมไม่เปิดดูไลน์บ้างล่ะ" ตอนนั้นผมโกรธมาก ยังไม่ทำอะไรเลย แล้วบางครั้งผมนับจำนวนสินค้าให้ลูกค้าผิด ผมก็จะบอกว่า "ผมลืม ผมไม่ได้ตั้งใจ" แล้วเขาก็มาพูดว่า "จะมาพูดว่าผมลืมผมอะไรไม่ได้นะ" แต่พอเป็นผมมาพูดบ้าง พี่มาช่วยกันหน่อย เขาก็ตอบว่า "ไม่อ่ะ พี่ขี้เกียจแล้ว" ผมมีความรู้สึกว่า อ้างแบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ แล้วบางครั้งงานในแผนกที่เขาไม่ถนัดอย่างเช่น ให้ไปเป็นแคชเชียร์หรือให้เป็นไลฟ์สด เขาจะไม่ทำทันที มีอยู่ข้างหนึ่งที่ผมไปไลฟ์สดโดยไม่บอกไม่กล่าวใคร พี่ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่า "ใครให้ไปไลฟ์สด" ผมล่ะอึ้งเลยทำไมเขามาพูดแบบนี้ใส่ผม ผมก็เลยเล่าให้พี่ผู้หญิงคนนั้นฟังแล้วเขาบอกว่า "บ้า งานไลฟ์สดคืองานในแผนกของเรา"
ส่วนพี่ผู้หญิง ชอบขอสลับกะกับผมตลอด แล้วจะอ้างข้อหาโน่นนี่นั่นไปเรื่อย มีวันหนึ่งผมไปทำงานตามที่พี่ผู้หญิงคนนั้นจัดให้มา แต่พอไปถึงที่ทำงานเจอกระเป๋าพี่ผู้หญิงคนนั้นพอดี ผมเริ่มเอ๊ะใจแล้ว พอเดินไปที่ด้านหลังโกดังเจอพี่ผู้หญิงคนนั้นทันที แล้วเขาพูดว่า "มาทำไม" แล้วผมก็พูดไปว่า "ผมก็มาตามตารางกะที่พี่จัดไว้ให้ไง" เพราะพี่ผู้หญิงคนนั้นเขามาดูถึงกับตกใจ แล้วพูดว่า "โทษทีพี่ไม่ได้บอก"และให้ผมมายืนทั้งวันทั้งคืน คือ บางทีมันก็ต้องคุยกันว่า ขอสลับเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ได้ไหม แต่นี่ไม่เลย แล้วมีลูกค้าสั่งของมาทางโทรศัพท์ แต่พี่ผู้หญิงคนนั้นเขาลืม จนลูกค้าโทรมาตามแต่ดีนะที่เขาไม่เรื่องมาก แต่ผมก็ไม่ว่าเขาสักคำ แต่พอเป็นผมลืมบ้าง เขากลับมาต่อว่าผม รวมถึงพี่ผู้ชายคนนั้นด้วย
ในงานของแผนกก็จะมีส่งของให้ร้านข้าวแกงที่ปั๊มน้ำมันตอนเช้า แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเข้ากะเที่ยง แทนที่พวกเขา 2 คน จะไปส่งตอนเช้าเหมือนทุกๆครั้ง แต่พวกเขาให้ผมไปส่งของตัวคนเดียวเกือบทุกวัน ป้าร้านข้าวแกงเขาเหมือนเห็นด้วยความสงสารเขาก็เลยให้ข้าวกับน้ำเป็นการตอบแทน จนพวกเขาอิจฉาแล้วพี่ผู้ชายได้พูดออกไปว่า "ไปวาดเสน่ห์ใส่ป้ามาหรือเปล่า ทำไมเขาถึงให้ข้าว ทำไมพวกพี่ 2 คนเขาถึงไม่ได้ข้าว" ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาจะได้แค่น้ำเปล่าขวดหนึ่งหรือน้ำหวานแก้วหนึ่งแค่นั้น แล้วอยู่นานเข้าผมก็เริ่มทนไม่ไหวเลยระบายใส่พวกเขาทางไลน์ ว่า "ใครที่อยู่เช้า ถ้าว่างก็จัดและส่งไปให้ป้าเลย ไม่ต้องรอผมถึงเที่ยงหรอก" แล้วพี่ผู้ชายคนนั้นก็ได้ตอบกลับมาว่า "ไม่ต้องสั่ง รู้หน้าที่" ผมนี่ปี๊ดเลย พอผมมาที่ทำงาน พวกเขาสองคนก็มาต่อว่าผม โดยพี่ผู้หญิงได้อ้างว่า "เวลาไปส่งของป้าร้านข้าวแกงจะไปเลยไม่ได้ เดี๋ยวออเดอร์มันมา" แล้วเขาก็พูดต่อไปอีกว่า "จริงๆเราไม่ต้องเร่งตามป้าก็ได้หรอกนะ" แล้วพี่ผู้ชายยังพูดเสนออีกว่า "แผนกของพวกเราทำเกินหน้าที่มามากพอแล้ว และเดี๋ยวพี่จะเสนอให้ส่งของแค่หน้าร้านก็พอแล้วให้ลูกน้องไปเก็บในหลังร้านแทน" ทำเอาผมโกรธจัดเลย พูดแบบนี้ได้อย่างไร
ส่วนอีกคนนึงเป็นลุงที่ต้องไปรูดบัตรและติดรถขนส่ง ลุงคนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมากๆ แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งนั่นก็คือเขาจะชอบหยุดพักร้อนอยู่บ่อยๆ แล้วมีอยู่ช่วงนึงเขาหยุดพักร้อนติดต่อกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเขาจะหยุดพักร้อนวันจันทร์และวันหยุดประจำสัปดาห์ของเขาเป็นวันอังคาร แล้วที่บังเอิญคือ วันหยุดประจำสัปดาห์ของผมเป็นวันจันทร์ ทำให้บางสัปดาห์ผมต้องไปเลื่อนวันหยุดไม่วันพฤหัสบดีก็วันศุกร์ ทำให้มีอยู่สัปดาห์หนึ่งผมต้องทำงานติดต่อกัน 9 วัน แล้วพอเป็นวันหยุดของผมก็ไลน์มาหาผมอยู่ตลอด ผมเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย!! ทำแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว
ผมก็เลยตัดสินใจบอกหัวหน้าใหญ่กับฝ่ายบุคคลว่าจะลาออกล่วงหน้าก่อน 1 เดือน คนในแผนกผม พอรู้ข่าวว่าผมจะลาออก ก็ตกใจมากและพี่ๆในแผนกรวมถึงฝ่ายบุคคลก็ยื้อให้ผมอยู่ต่อทุกวัน แต่ผมก็ไม่คิดจะอยู่ต่ออีกแล้ว แล้วพวกระดับหัวหน้าก็มาถามผมว่า "เอ็งมีปัญหากับใครไหม" ผมก็จะพยายามไม่พูด แล้วจะพูดว่า "ไม่มีครับ" แล้วพวกเขาก็บอกว่า "จริงๆมันก็พูดได้แหละ ไอ้เรื่องแบบนี้" เราคิดอยู่ในใจ มันพูดได้จริงหรอ แล้วถ้าผมฟ้องพวกระดับหัวหน้าไป พวกเขาก็คงหาข้ออ้างไปเรื่อย ผมพยายามทำตัวให้เงียบที่สุดจนถึงวันที่จะได้ออกจริงๆ แล้วพอถึงวันนั้นเป็นวันสุดท้าย ผมรู้สึกว่าตัวเองเก่งมากที่อยู่ได้ถึง 3 เดือน พอหลังจากทำงานวันสุดท้ายเสร็จผมก็จะออกจากไลน์กลุ่มทั้งหมด พอตื่นเช้ามาผมก็รู้สึกว่าไม่ต้องมีอะไรมาส่งสินค้าไปจัด ไม่ต้องมีคนมาโทรตั้งแต่เช้า มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ
ตอนนี้ผมออกจากงานไปช่วยแม่ขายของไปก่อน สักพักหนึ่งค่อยหางานทำทีหลัง ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ออกจากงาน มันเหมือนหินก้อนหนึ่งที่อยู่หลังเราอยู่ตลอด พอวันหนึ่งมันหลุดออกมันก็รู้สึกโล่งอยากบอกไม่ถูก ถ้าถามว่า ผมคิดจะกลับไปทำงานที่ห้างแห่งนั้นอีกไหม ผมจะบอกว่า "ไม่อีกแล้วครับ"
และนี่คือสิ่งที่ผมอยากจะมาระบายในกระทู้นี้ แล้วทุกคนคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ