ไม่สามารถแปลง Topic ปริยัติที่อ่านมา เป็นหลักปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน เข้าใจได้ง่ายๆ
ไม่เคยลองปฏิบัติตามสิ่งที่รู้หรือสิ่งที่แสดงความเห็นในนี้
เวลาในแต่ละเดือนที่ผ่านไป ระดับสมาธิ และหรือ คุณธรรมไม่ได้ก้าวหน้า
ตัวอย่างของสมาธิที่ก้าวหน้า ว่าเป็นอย่างไร
ระหว่างฝึกสมาธิ สัมผัสผลของสมาธิด้วยตนเอง เป็นลำดับขั้นขึ้นไป
ขณิกสมาธิ สมาธิเล็กน้อย --- สามารถควบคุมจิตได้ 10ลมหายใจเป็นต้น
เจอปิติต่างๆ อาจจะเจอเพียงข้อเดียว หรือ อาจจะทั้งหมด ขึ้นอยู่กับจริตของสายปฏิบัติ
โดยเฉพาะปิติข้อ 4 ข้อ 5 เป็นคนละเรื่องกับตำราอย่างสิ้นเชิง
รับรู้ สภาพสมาธิของ ฌาน1 - 4 หรือแม้กระทั่งอรูปฌานอีก 4
เมื่อจิตเริ่มเป็นฌาน อาจจะเจอปิติบางข้อโผล่มาเยี่ยมได้ตลอดเวลา ในระหว่างการใช้ชีวิตปกติประจำวัน
ไม่ว่าจะนอน จะยืน จะเดิน หรือใช้ชีวิตปกติ สามารถรักษาระดับสมาธิไว้ได้
ตัวอย่างของคุณธรรมที่ก้าวหน้า ว่าเป็นอย่างไร
มีจุดประสงค์ในการตอบกระทู้ที่เป็นกุศล อาทิ ปกป้องพระศาสนา แชร์ความรู้เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนอื่น
จะไม่สนว่า จะมีใครมากด like หรือเข้ามาโต้แย้งโต้เถียง หรือไม่
เมื่อมุ่งเพื่อประโยชน์คนอื่น จะไม่ไปโต้เถียงเพื่อเอาชนะกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับความเห็นของตนเอง
เรื่องของธรรมะ เป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องทำเอง พิสูจน์เอง ขนาดพระพุทธเจ้ายังกล่าวเสมอว่าท่านเป็นแค่ผู้บอกกล่าว
ขนาดพระพุทธเจ้ายังไม่สามารถสอนได้ทุกคน ต้องปล่อยให้คู่กรรมคู่ปรับเข้ามาเป็นคนจัดการ
เมื่อท่านได้แชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แล้ว ก็ยึดตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอน แค่บอก ที่เหลือเป็นเรื่องของเขา
ซึ่งก็คือหลักพรหมวิหาร 4 ตอบกระทู้เพื่อประโยชน์แก่คนอื่น(เมตตากรุณา)
คนอื่นจะปฏิบัติธรรมในรูปแบบไหน ได้ผลเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องที่ดี ก็ยินดีกับเขาแม้ไม่ตรงกับของเรา(มุทิตา)
เมื่อได้แชร์กระทู้ไปแล้วด้วยเจตนาดี ใครจะว่าจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา(อุเบกขา)
ยกเว้นว่าสิ่งที่คนอื่นแย้งเราสามารถนำมาปรับปรุงตนเองได้ ก็ต้องขอบคุณเขาไปแม้จะเป็นแต่เพียงในใจ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเห็นแนวทางที่จะทำให้ตนเองดีขึ้น และไม่ด่าผมหรือหาจุดบกพร่องที่ผมแชร์
ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงว่าธรรมะของท่าน ได้เดินหน้าแล้ว
หากเปรียบเป็นเรื่องใกล้ตัว เช่นการออกกำลังกาย สมมติว่าไขมันคือกิเลส
ปริยัติจนรู้ทุกเรื่องไม่ว่า ต้องกินกี่แคลในแต่ละวัน ต้องเบรินกี่แคลต่อวัน ต้องกินอะไรไม่กินอะไร
ต้องออกกำลังให้หัวใจเต้นใน zone ไหน ด้วยท่าอะไรหรือรูปแบบไหน ใช้เวลาเท่าไหร่
น้ำหนักลดใช่ว่าจะดีเสมอไปหากเป็นมวลกล้ามเนื้อที่หายไป เพราะมวลกล้ามเนื้อเป็นตัวเบรินไขมันส่วนเกินอีกแรง
หากน้ำหนักเพิ่มด้วยมวลกล้ามเนื้อ ก็เป็นข้อดี เพราะปริมาณไขมันจะน้อยลง หุ่นเป็นสัดส่วนมากขึ้น
ตราบใดที่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติทำตามสิ่งที่รู้ นำหนักหรือไขมันก็ยังเท่าเดิมไม่ได้ลดลง ดีๆไม่ดียังเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
แต่ก้ยังมีข้อดี หากคนอื่นเข้าใจในหลักการที่แชร์ คนนั้นอาจจะสามารถลดน้ำหนักลดไขมันได้
เมื่อศึกษาความรู้และวิธีการต่างๆอย่างละเอียด แล้วนำไปปฎิบัติจริง จะได้ผลดีและเร็วมาก ทั้งไขมันลดและหุ่นเข้ารูปแข็งแรง
ส่วนท่านที่ไม่ได้ศึกษาหลักอะไรเลย แต่เดินหน้าออกกำลังกายเลย อาจทำให้บาดเจ็บ พิการก็ได้
แต่หลายๆท่านที่ลงมือออกกำลังกายถึงไม่มีความรู้เพียงพอ ร่างกายก็เริ่มมีไขมันลดลงจริง
ปริยัติแบบไหนที่เรียกเถรใบลานเปล่า
ไม่เคยลองปฏิบัติตามสิ่งที่รู้หรือสิ่งที่แสดงความเห็นในนี้
เวลาในแต่ละเดือนที่ผ่านไป ระดับสมาธิ และหรือ คุณธรรมไม่ได้ก้าวหน้า
ตัวอย่างของสมาธิที่ก้าวหน้า ว่าเป็นอย่างไร
ระหว่างฝึกสมาธิ สัมผัสผลของสมาธิด้วยตนเอง เป็นลำดับขั้นขึ้นไป
ขณิกสมาธิ สมาธิเล็กน้อย --- สามารถควบคุมจิตได้ 10ลมหายใจเป็นต้น
เจอปิติต่างๆ อาจจะเจอเพียงข้อเดียว หรือ อาจจะทั้งหมด ขึ้นอยู่กับจริตของสายปฏิบัติ
โดยเฉพาะปิติข้อ 4 ข้อ 5 เป็นคนละเรื่องกับตำราอย่างสิ้นเชิง
รับรู้ สภาพสมาธิของ ฌาน1 - 4 หรือแม้กระทั่งอรูปฌานอีก 4
เมื่อจิตเริ่มเป็นฌาน อาจจะเจอปิติบางข้อโผล่มาเยี่ยมได้ตลอดเวลา ในระหว่างการใช้ชีวิตปกติประจำวัน
ไม่ว่าจะนอน จะยืน จะเดิน หรือใช้ชีวิตปกติ สามารถรักษาระดับสมาธิไว้ได้
ตัวอย่างของคุณธรรมที่ก้าวหน้า ว่าเป็นอย่างไร
มีจุดประสงค์ในการตอบกระทู้ที่เป็นกุศล อาทิ ปกป้องพระศาสนา แชร์ความรู้เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนอื่น
จะไม่สนว่า จะมีใครมากด like หรือเข้ามาโต้แย้งโต้เถียง หรือไม่
เมื่อมุ่งเพื่อประโยชน์คนอื่น จะไม่ไปโต้เถียงเพื่อเอาชนะกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับความเห็นของตนเอง
เรื่องของธรรมะ เป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องทำเอง พิสูจน์เอง ขนาดพระพุทธเจ้ายังกล่าวเสมอว่าท่านเป็นแค่ผู้บอกกล่าว
ขนาดพระพุทธเจ้ายังไม่สามารถสอนได้ทุกคน ต้องปล่อยให้คู่กรรมคู่ปรับเข้ามาเป็นคนจัดการ
เมื่อท่านได้แชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แล้ว ก็ยึดตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอน แค่บอก ที่เหลือเป็นเรื่องของเขา
ซึ่งก็คือหลักพรหมวิหาร 4 ตอบกระทู้เพื่อประโยชน์แก่คนอื่น(เมตตากรุณา)
คนอื่นจะปฏิบัติธรรมในรูปแบบไหน ได้ผลเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องที่ดี ก็ยินดีกับเขาแม้ไม่ตรงกับของเรา(มุทิตา)
เมื่อได้แชร์กระทู้ไปแล้วด้วยเจตนาดี ใครจะว่าจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา(อุเบกขา)
ยกเว้นว่าสิ่งที่คนอื่นแย้งเราสามารถนำมาปรับปรุงตนเองได้ ก็ต้องขอบคุณเขาไปแม้จะเป็นแต่เพียงในใจ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเห็นแนวทางที่จะทำให้ตนเองดีขึ้น และไม่ด่าผมหรือหาจุดบกพร่องที่ผมแชร์
ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงว่าธรรมะของท่าน ได้เดินหน้าแล้ว
หากเปรียบเป็นเรื่องใกล้ตัว เช่นการออกกำลังกาย สมมติว่าไขมันคือกิเลส
ปริยัติจนรู้ทุกเรื่องไม่ว่า ต้องกินกี่แคลในแต่ละวัน ต้องเบรินกี่แคลต่อวัน ต้องกินอะไรไม่กินอะไร
ต้องออกกำลังให้หัวใจเต้นใน zone ไหน ด้วยท่าอะไรหรือรูปแบบไหน ใช้เวลาเท่าไหร่
น้ำหนักลดใช่ว่าจะดีเสมอไปหากเป็นมวลกล้ามเนื้อที่หายไป เพราะมวลกล้ามเนื้อเป็นตัวเบรินไขมันส่วนเกินอีกแรง
หากน้ำหนักเพิ่มด้วยมวลกล้ามเนื้อ ก็เป็นข้อดี เพราะปริมาณไขมันจะน้อยลง หุ่นเป็นสัดส่วนมากขึ้น
ตราบใดที่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติทำตามสิ่งที่รู้ นำหนักหรือไขมันก็ยังเท่าเดิมไม่ได้ลดลง ดีๆไม่ดียังเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
แต่ก้ยังมีข้อดี หากคนอื่นเข้าใจในหลักการที่แชร์ คนนั้นอาจจะสามารถลดน้ำหนักลดไขมันได้
เมื่อศึกษาความรู้และวิธีการต่างๆอย่างละเอียด แล้วนำไปปฎิบัติจริง จะได้ผลดีและเร็วมาก ทั้งไขมันลดและหุ่นเข้ารูปแข็งแรง
ส่วนท่านที่ไม่ได้ศึกษาหลักอะไรเลย แต่เดินหน้าออกกำลังกายเลย อาจทำให้บาดเจ็บ พิการก็ได้
แต่หลายๆท่านที่ลงมือออกกำลังกายถึงไม่มีความรู้เพียงพอ ร่างกายก็เริ่มมีไขมันลดลงจริง