...เพราะว่า เมื่อใดที่จิตเข้าถึงอุตตริมนุสธรรม(แปลว่า ธรรมเหนือมนุษย์)เหล่านั้น ก็จะเห็นเหตุผลที่ละเอียดอย่างยิ่งชัดเจน.. แต่ปัญหาคือไม่อาจจะอธิบายด้วยภาษามนุษย์ได้ เพราะภาษามนุษย์หยั่งลงไปไม่ถึง เนื่องจากภาษามนุษย์บัญญัติจากระดับตื้นของอาการปรุงแต่งของจิต คือ ระดับ ความนึก ความคิด จินตนาการ และ ทิฏฐิเท่านั้น...แต่ อาการปรุงแต่งของจิต ยังมีหลายๆๆชั้นซับๆซ้อนๆลงลึกไปกว่านั้นอีกมาก ซึ่งอาการลึกๆเหล่านั้น พวกมนุษย์ปุถุชนคนมีกิเลสหนาทั้งหลาย จะไม่เคยได้เห็นได้ส้มผัสเลย จึงไม่มีการบัญญัติภาษาขึ้นมาใช้
...เอาแค่เรื่องหยาบๆ ง่ายๆ เช่น อาหารที่เรากิน เราก็ไม่มีคำอธิบายในภาษาใดๆ ที่จะอธิบายให้คนที่ไม่เคยกิน ให้เขาได้รู้ว่ารสชาติของอาหารนั้นเป็นยังไง นอกจากทางเดียว คือ ให้เขาเอาอาหารนั้นใส่ปากเอง...ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องละเอียดมากๆ ในจิต และในธรรมชาติอื่นๆ ( แม้ในทางวิทยาศาสตร์ ก็ไม่อาจจะหาคำอธิบายถึงพฤติกรรมของสสาร พลังงาน แรงโน้มถ่วง ในระดับควอนตั้ม ได้เลย.. ยังเจออะไรแปลกๆโผล่ออกเรื่อยๆ ที่หาคำอธิบายไม่ได้ )
...นั่นคือ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสห้ามว่า อย่าไปคิดจินตนาการเรื่องอจินไตย ๔ ..พระองค์ทรงห้ามเฉพาะพวกปุถุชนคนธรรมดาๆเท่านั้น
...แต่ ใครที่ฝึกจิตได้บรรลุถึงธรรมระดับสูงตามที่ว่านั้น ( ฌาน , สมาบัติ , อภิญญา , มรรค ผล นิพพาน ฯฯ ) ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ไม่สงสัยอะไรในเรื่องอจินไตย ๔ อีกเลย
฿ถ้าใครที่สามารถฝึกจนเข้าถึงคุณธรรมระดับอุตตริมนุสธรรมทั้งหลาย เช่น ฌาน อภิญญา มรรค ผล จะไม่สงสัยเรื่องอจินไตย ๔ อีกเลย฿
...เอาแค่เรื่องหยาบๆ ง่ายๆ เช่น อาหารที่เรากิน เราก็ไม่มีคำอธิบายในภาษาใดๆ ที่จะอธิบายให้คนที่ไม่เคยกิน ให้เขาได้รู้ว่ารสชาติของอาหารนั้นเป็นยังไง นอกจากทางเดียว คือ ให้เขาเอาอาหารนั้นใส่ปากเอง...ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องละเอียดมากๆ ในจิต และในธรรมชาติอื่นๆ ( แม้ในทางวิทยาศาสตร์ ก็ไม่อาจจะหาคำอธิบายถึงพฤติกรรมของสสาร พลังงาน แรงโน้มถ่วง ในระดับควอนตั้ม ได้เลย.. ยังเจออะไรแปลกๆโผล่ออกเรื่อยๆ ที่หาคำอธิบายไม่ได้ )
...นั่นคือ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสห้ามว่า อย่าไปคิดจินตนาการเรื่องอจินไตย ๔ ..พระองค์ทรงห้ามเฉพาะพวกปุถุชนคนธรรมดาๆเท่านั้น
...แต่ ใครที่ฝึกจิตได้บรรลุถึงธรรมระดับสูงตามที่ว่านั้น ( ฌาน , สมาบัติ , อภิญญา , มรรค ผล นิพพาน ฯฯ ) ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ไม่สงสัยอะไรในเรื่องอจินไตย ๔ อีกเลย