JJNY : คลานหนีตาย ช็อกเพื่อนดับต่อหน้า│ปชช.กังวลแจกเงินดิจิทัล│‘สมัชชาคนจน’ร้องกสม.ตร.แอบถ่าย ผญ.│วอนรัฐปลดล็อคอาชีพ

คลานหนีตาย 90แรงงานถึงไทย เผยนาทีระเบิดเจ็บ2 ช็อกเพื่อนดับต่อหน้า
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7915703

90แรงงานไทย สุดดีใจถึงแผ่นดินเกิด เผยนาทีระเบิดเจ็บ2 ช็อกเพื่อนดับต่อหน้า ขณะเก็บผลซูกินี ห่างกันแค่ 10 เมตร ส่วนใหญ่ไม่ขอกลับไปอีก วอนรัฐเร่งอพยพ เครียดรอรับกลับบ้านเกิด
 
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานนาตาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พลเรือเอกสิทธิชัย ต่างใจ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล นายสืบหมื่น โพธิ์สิน รองอธิบดีกรมจุดหางาน และ พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางมาอำนวยความสะดวกใหักับพี่น้องคนไทย ที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล จำนวน 90 คน โดยสายการบิน Fly Dubai เที่ยวบิน FZ8991

หลังจากเครื่องบินลงสู่สนามบินอู่ตะเภา พี่น้องคนไทยทั้ง 90 คน ผ่านการตรวจสอบคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว มีการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน ที่ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขา เจ้าหน้าที่จึงพาตัวไปรับการรักษาทันที ส่วนที่เหลือ ได้มีการเตรียมรถบัส จำนวน 3 คัน ส่งพี่น้องคนไทยทั้งหมดไปพักผ่อนที่ โรงแรม SC PARK กรุงเทพฯ เพื่อรอให้ญาติพี่น้องมารับกลับภูมิลำเนาต่อไป ทุกคนต่างดีใจที่กลับถึงแผ่นดินเกิด
 
พลเรือเอกสิทธิชัย ต่างใจ ผอ.การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ได้กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจาก พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. ให้มาต้อนรับพี่น้องคนไทย จำนวน 90 คน เป็นผู้ชาย 88 คน ผู้หญิง 2 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บกลับจากประเทศอิสราเอล เพื่อให้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดยให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น สะดวกสบาย และ ปลอดภัย โดยมีการอำนวยความสะดวกไว้ครบครัน ทั้งอาหารเช้ามื้อแรกบนแผ่นดินไทย กรณีที่เครื่องมาลงที่อู่ตะเภา เพราะมีเที่ยวจากดูไบมาลงทุกวันอยู่แล้ว
 
ด้าน นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล ได้กล่าวว่า สำหรับพี่น้องชาวไทยที่ยังคงรอการกลับบ้าน โดยส่วนใหญ่พักอยู่ที่ศูนย์พักคอยที่มีความปลอดภัย ซึ่งทางรัฐบาลจะทยอยพากลับมาจนครบทุกคนที่ต้องการกลับ
 
ทั้งนี้มีรายงานว่าสำหรับแรงงานไทยรายแรกที่ออกจากอาคารสนามบินชื่อ นายนัฐพงษ์ นวลจันทร์ อายุ 35 ปี มีสภาพได้รับบาดเจ็บที่ขาด้านขวาไม่สามารถเดินได้ เจ้าหน้าที่ต้องจัดรถวีลแชร์มารอรับก่อนส่งตัวไปยังรถพยาบาลฉุกเฉินเพื่อให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
 
โดย นายนัฐพงศ์ เล่าว่า ไปทำงานเป็นลูกจ้างทำสวนเกษตร ประเภทผักสลัด ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับฉนวนกาซา ร่วมกับเพื่อนคนไทยอีกประมาณ 10 คน ขณะนั้นไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น อยู่ๆก็ได้ยินเสียงระเบิดและอาวุธปืนดังสนั่น จึงได้พากันหมอบเพื่อเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายก็มาพบว่าตัวเองถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาขวาจำนวน 2 แห่ง จึงร่วมกับพวกพยายามหลบหนีออกจากพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง
โดยขณะนั้นยังไม่มีทหารของอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือกระทั่งมาถึงพื้นที่ปลอดภัยจนได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว
 
นายนัฐพงษ์ กล่าวอีกว่าไปทำงานที่ประเภทอิสราเอลมาได้นานกว่า 4 ปีแล้วและยังเหลือสัญญาอีก 1 ปี แต่หลังจากเหตุการณ์นี้คงจะไม่กลับไปทำงานอีกแล้ว คงจะหางานทำที่จังหวัดอุดรธานี บ้านเกิดดีกว่า
  
ด้ายนายวีรยุทธ ปัญญาประชุม อายุ 35 ปี หนึ่งในพี่นัองชาวไทยที่เดินทางกลับมาในวันนี้ ได้เปิดเผยว่า ตนเองเตรียมเดินทางกลับบ้านที่ จ.ชลบุรี ดีใจมากที่รอดชีวิตกลับมาได้ ซึ่งเกือบม่ได้กลับ หลังจากที่ระเบิดตกลงมาในสวนที่ทำงานอยู่ เป็นเหตุให้เพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย โดยเห็นเพื่อนตายไปต่อหน้า เพราะอยู่ห่างกันไม่แค่ 10 เมตร ตนเองต้องหมอบคลานหนีตาย โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ ซึ่งเพิ่งไปทำงานเพียง 1 ปี คงไม่กลับไปอีกหากสถานการณ์ยังตึงเครียดแบบนี้ ขอให้รัฐบาลเร่งอพยพคนไทยกลับประเทศโดยเร็ว เพราะทุกคนต่างเสียขวัญ และ เครียดกับการรอกลับบ้านเกิด
ด้าน พลเรือเอก สิทธิชัย ผอ.การท่าอากาศยานอู่ตะเภา เปิดเผยด้วยว่า ทางนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำกับหน่วยงานของรัฐทุกภาคส่วนให้ที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลัง ยุทโธปกรณ์ เครื่องมือต่างๆที่มีอยู่ เร่งให้การช่วยเหลือนำพี่น้องคนไทยที่สมัครใจเดินทางกลับมาจากประเทศอิสราเอลให้ได้เร็วที่สุด โดยในส่วนของกองทัพเรือนั้นจะมีสายการบิน Fly Dubai ที่บินตรงมาจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาลงที่สนามบินอู่ตะเภาทุกวันๆละ 1 เที่ยวบินอยู่แล้ว จึงได้ประสานเพื่อความสะดวกในการรองรับแรงงานไทยจากประเทศอิสราเอล ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีผู้ประสงค์ที่จะเดินทางกลับประมาณ 7,000 คน และคาดว่าจะมีการรับเพื่อทยอยเดินทางกลับประเทศไทยเฉลี่ยวันเว้นวัน เพราะถือเป็นกรณีพิเศษ ตามที่รัฐบาลได้สั่งการไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงกลาโหม ได้ประสานงานร่วมกันในการรับแรงงานกลับสู่ประเทศไทย
 
โดยหลังจากที่แรงงานชาวไทยได้ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วก็ได้ทยอยเดินทางขึ้นรถบัสเพื่อนำพี่น้องแรงงานชาวไทยเพื่อไปพักผ่อนและพบญาติ
 


นิด้าโพลปชช.กังวลแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นได้ไม่คุ้มเสีย
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_627316/
 
นิด้าโพล เผย ประชาชนกังวลนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทได้ไม่คุ้มเสียกับประเทศ แนะปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
 
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การแจกเงินดิจิทัลวอลเลต ควรไปต่อหรือพอแค่นี้?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ
 
รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่าง ด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
 
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนต่อนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ว่าอาจจะทำให้ได้ไม่คุ้มเสียกับประเทศ (เช่น เกิดภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพงขึ้น ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ) ตามคำเตือนของ 99 นักวิชาการและคณาจารย์เศรษฐศาสตร์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 30.92 ระบุว่า ค่อนข้างกังวล รองลงมา ร้อยละ 28.47 ระบุว่า ไม่กังวลเลย ร้อยละ 25.27 ระบุว่า กังวลมาก ร้อยละ 15.19 ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 47.10 ระบุว่า ดำเนินนโยบายต่อ แต่ควรมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน รองลงมา ร้อยละ 32.52 ระบุว่า ดำเนินนโยบายต่อตามที่ได้หาเสียงไว้ ร้อยละ 18.85 ระบุว่า ควรหยุดการดำเนินการในนโยบายนี้ได้แล้ว และร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
ส่วนการรับเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ของประชาชน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 79.85 ระบุว่า รับเงินและนำไปใช้จ่าย รองลงมา ร้อยละ 13.51 ระบุว่า ไม่รับเงิน ร้อยละ 5.42 ระบุว่า รับเงิน แต่ไม่นำไปใช้จ่าย และร้อยละ 1.22 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย หากรัฐบาลยกเลิกนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 60.00 ระบุว่า ส่งผลกระทบให้คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยลดลง รองลงมา ร้อยละ 29.92 ระบุว่า ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 6.49 ระบุว่า ส่งผลให้คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น และร้อยละ 3.59 ระบุว่า ไม่ทราบ/ ไม่ตอบ/ไม่สนใจ



‘สมัชชาคนจน’ ร้อง กสม. ‘ตร.แอบถ่าย ผญ.อาบน้ำ’ ทำม็อบผวา ฝากติดตามความคืบหน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4232316

‘สมัชชาคนจน’ ฝากช่วยติดตาม หลัง กสม.รุดรับข้อร้องเรียน ‘ตร.แอบถ่าย ผญ.อาบน้ำ’ ทำม็อบผวา
 
สืบเนื่องการชุมนุมของกลุ่มสมัชชาคนจน ซึ่งปักหลักบริเวณบริเวณถนนลูกหลวง เขตดุสิต กรุงเทพฯ ใกล้กับทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาชาวบ้าน โดยเฉพาะปัญหาที่ดิน พืชผลการเกษตร และรัฐธรรมนูญ นั้น

เมื่อเวลาประมาณ 16.40 น. วันที่ 14 ตุลาคม กลุ่มสมัชชาคนจน เปิดเผยความเคลื่อนไหวล่าสุดผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่จำรวจแอบถ่ายภาพผู้ชุมนุมหญิงขณะอาบน้ำ ส่งผลให้ผู้ชุมนุมเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย โดยวันนี้ตัวแทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เดินทางมายังพื้นที่ชุมนุม เพื่อรับข้อร้องเรียนจากตัวแทนกลุ่มสมัชชาคนจน พร้อมล้อมวงสนทนากับผู้ชุมนุมถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
 
กรรมการสิทธิมนุษยชนเดินทางมาเยี่ยมกลุ่มผู้ชุมนุมของสมัชชาคนจน พร้อมรับข้อร้องเรียนเรื่องการที่ตำรวจแอบถ่ายภาพขณะที่ผู้ชุมนุมทำธุระส่วนตัว (ผู้หญิงอาบน้ำ) ทำให้ผู้ชุมนุมรู้สึกไม่ปลอดภัยและถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว โปรดติดตามความคืบหน้าต่อไป” กลุ่มสมัชชาคนจน ระบุ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันนี้กลุ่มสมัชชาคนจน จัดเวทีเสวนา “50 ปี 14 ตุลาฯ ยังตามหารัฐธรรมนูญใหม่” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ “จาก 14 ตุลา 16 ถึงอึ่งไข่-ด้อมส้ม: 50 ปี การร่าง-ฉีกรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนพรรคการเมืองและผู้นำองค์กรที่เคลื่อนไหวชุมนุม ร่วมเสวนาในหัวข้อ “เส้นทางสู่การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยและเห็นหัวประชาชน” อาทิ นายนิกร จำนง กรรมการและโฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ, นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26, นายไพฑูรย์ สร้อยสด เลขาธิการสมัชชาคนจน และ น.ส.ณัฐพร อาจหาญ คณะกรรมการ ประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ดำเนินรายการ โดย สุภาภรณ์ มาลัยลอย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่