JJNY : วอลสตรีทฉุดหุ้นเอเชียร่วงระนาว│ไอซ์ รักชนก บุกกระทรวงแรงงาน│ยันไม่แก้ญัตติซักฟอก│ชี้รบ.ล้มเหลวดับไฟใต้ งบ500ล้า

วอลสตรีทฉุดหุ้นเอเชียร่วงระนาว ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ต่ำสุดรอบ 4 เดือน
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5086034
   

วอลสตรีทฉุดหุ้นเอเชียร่วงระนาว ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ต่ำสุดรอบ 4 เดือน
  
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงหลังเปิดตลาดในวันที่ 11 มีนาคม โดยได้แรงกระตุ้นจากตลาดหุ้นวอลลสตรีทที่ร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า สงครามการค้าที่ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้นักลงทุนที่ตื่นตระหนกหันไปลงทุนในเงินเยนญี่ปุ่นที่ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
  
ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับ Fox News โดยรับว่า ขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน พร้อมกับปฏิเสธที่จะทำนายว่ามาตรการขึ้นภาษีของเขาจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐหรือไม่
  
คำพูดของทรัมป์และความวิตกกังวลต่างๆ ทำให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนลดลง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐที่ลดลงอย่างรวดเร็วในวันเดียว ทั้งยังส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงตามไปด้วย
  
ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.7% ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นการลดลงในหนึ่งวันที่มากที่สุดในปีนี้ ขณะที่ Nasdaq ลดลง 4.0% ซึ่งเป็นการลดลงที่มากที่สุดในวันเดียวตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ขณะที่การซื้อขายล่วงหน้าของดัชนี S&P EScv1 และ Nasdaq NQc1 ก็ลดลง 1% ในช่วงเวลาซื้อขายในเอเชียเช้าเมื่อวันอังคารอีกด้วย
  
ในเอเชีย ตลาดหุ้นส่วนใหญ่เปิดตัวในแนวลบ โดยดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นและตลาดหุ้นไต้หวันลดลงประมาณ 3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกันยายน ส่วนดัชนีหุ้นเอเชียแปซิฟิกนอกประเทศญี่ปุ่นของ MSCI ลดลงมากกว่า 1%
  
แม้แต่หุ้นจีนที่เคยทำผลงานดีในปีนี้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบนี้ได้ ดัชนีหุ้นบลูชิป CSI300 ลดลงประมาณ 1% ขณะที่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงลดลง 1.5%
  
ดัชนีซื้อขายหุ้นล่วงหน้าของยุโรปก็ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของการเปิดตลาดที่ลดลง โดยดัชนีฟิวเจอร์ DAX ของเยอรมนีลดลง 0.8% และดัชนีฟิวเจอร์สของ Eurostoxx ลดลง 0.9% ซึ่งบ่งชี้ว่าการเทขายหุ้นยังคงมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อไป
  
ด้านสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับความต้องการเพิ่มขึ้น โดยค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) แข็งค่าขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก่อนจะปิดที่ 146.65 ต่อดอลลาร์ หลังจากที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนในช่วงเช้า สกุลเงินเยนได้ปรับตัวขึ้น 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปี 2025
  
ฟรังก์สวิส (CHF) ก็แข็งค่าขึ้นเช่นกัน โดยยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่เคยทำไว้เมื่อวันจันทร์ ล่าสุดในการซื้อขายช่วงเช้าอยู่ที่ 0.87755 ต่อดอลลาร์
  
โทนี่ ซิคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดจาก IG กล่าวว่า ความเชื่อมั่นในตลาดได้เปลี่ยนจากความหวังหลังการเลือกตั้งมาเป็นความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางนโยบายที่ยังคงดำเนินต่อไป บวกกับข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งไม่ค่อยดีที่ปรากฎออกมาอย่างต่อเนื่อง และการที่ทรัมป์เตือนว่าภาษีต่างตอบแทนต่อสินค้าผลิตภัณฑ์นมและไม้จากแคนาดาอาจเกิดขึ้นในอนาคต ก็เหมือนกับการเติมเชื้อไฟให้กับสงครามภาษีที่กำลังลุกไหม้อยู่แล้ว
  
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ อีก 6 สกุล ก็พากันลดลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงมากกว่า 4% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
  
ในส่วนของสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ในวันที่ 11 มีนาคม เนื่องจากความกังวลว่าภาษีของสหรัฐอาจจะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงาน ขณะที่ OPEC+ ก็ประกาศเพิ่มกำลังการผลิต ราคาน้ำมันเบรนท์ทะเลเหนือซื้อขายล่วงหน้าลดลง 0.65% มาที่ 68.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่การซื้อขายล่วงหน้าของน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ลดลง 0.82% มาที่ 65.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านราคา Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า 79,000 ดอลลาร์จากที่เคยแตะระดับมากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม


ไอซ์ รักชนก บุกกระทรวงแรงงาน จี้พิพัฒน์ สอบใช้งบประกันสังคม ซื้อตึก 7พันล้าน
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5086277

ไอซ์ รักชนก บุกกระทรวงแรงงาน จี้พิพัฒน์ สอบใช้งบประกันสังคม ซื้อตึก 7พันล้าน
  
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 มีนาคม ที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จ. นนทบุรี น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.พรรคประชาชน กล่าวถึงการตรวจสอบการลงทุนตึก Skyy9 ว่า เราไม่ได้ขัดขวางเรื่องการลงทุนนอกตลาด หรือการขยายขอบเขตวงเงิน หากลงทุนแล้วพิสูจน์ได้ว่าคุ้มค่าและโปร่งใส แต่เมื่อเรามีบทเรียนแล้วว่า การลงทุนมันถูกแทรกแซงได้โดยฝ่ายการเมือง เข้ามาปรับระบบต่างๆ เพื่อที่จะซื้อตึกแพงเกินราคาจริงโดยที่ทุกอย่างถูกต้องตามระเบียบ เรื่องนี้ไม่น่าปล่อยผ่านและเป็นที่น่าจับตา” น.ส. รักชนก กล่าว
  
น.ส. รักชนก กล่าวต่อว่า ในอีกประเด็นคือการมาทวงสัญญาที่นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสปส. เคยบอกว่าจะเปิดเผยมติและรายงานการประชุมผ่านเว็บไซต์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็น โดยที่ผ่านมา สปส. ไม่ได้ทำตามกฎหมายที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยมติรวมถึงรายงานการประชุม ซึ่งอาจจะผิดมาตรา 157 ได้
  
น.ส. รักชนก กล่าวอีกว่า วันนี้เวลา 16.00 น. เราจะเดินทางไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นหนังสือถึงนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆที่ได้เปิดเผยเมื่อเดือนที่ผ่านมา คือ กรณีการทำเว็ปแอพฯ 850 ล้านบาท หรือการใข้งบประมาณอย่างไม่โปร่งใสต่างๆ และการไม่เปิดเผยเอกสารต่างๆของ สปส. และการเข้าซื้อตึก แน่นอนว่า ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยของท่านพิพัฒน์ แต่มันเป็นความรับผิดชอบของเจ้ากระทรวง ที่จะต้องปัดกวาดเช็ดถูเอาสิ่งปฏิกูลของจากกระทรวงท่าน
  
ด้านนายสหัสวัต กล่าวถึงกรณี สปส. ใช้งบประมาณกองทุนฯ กว่า 7 พันล้านบาท ในการเข้าซื้ออาคารที่มีมูลค่าราว 3 พันล้านบาท ว่า วันนี้เราต้องการความชัดเจนในการเลือกลงทุนอสังหาฯ ว่าจะมีกระบวนการตรวจสอบจะทำอย่างไร หรือการดำเนินงานจะซับซ้อนเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งตัวเลข 3 พันล้านบาทมาจากการประเมินมูลค่าของบริษัท โดยสปส. ไม่ได้เข้าซื้อตึก Skyy9 โดยตรง แต่กลับไปซื้อบริษัทที่ถือกรรมสิทธิ์ตึกนี้ ซึ่งมีการประเมินราคาสินทรัพย์ของบริษัทนี้ก่อนจะเข้าซื้ออยู่ที่ราวกว่า 3 พันล้านบาท
  
จริงๆการเข้าซื้อบริษัทดังกล่าว ไม่ได้ซื้อแต่อสังหาฯ ไม่ได้ซื้อแค่ตึก Skyy9 ด้วยซ้ำ แต่บริษัทนี้มีหนี้สินอยู่กว่า 2,000 ล้านบาท ก็เอาเงินไปซื้อบริษัทนี้ พร้อมตึก พร้อมหนี้สิน ถ้าอยากได้ตึกจริงๆ ทำไมไม่ซื้อตึก ทำไมถึงไปซื้อบริษัทที่มาพร้อมตึกและหนี้สิน หนักกว่าเดิมอีก เรื่องนี้จึงอยากฝากไปถึงนายสุชาติ ชมกลิ่น ปัจจุบันดำรงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรมว. แรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน อดีตเลขาธิการ สปส.” นายสหัสวัต กล่าว
  
นายสหัสวัต กล่าวอีกว่า การยกระดับการบริหารกองทุนประกันสังคมให้คล่องตัวและโปร่งใสมากขึ้น ยึดโยงกับผู้ประกันตนไม่ยึดติดกับราชการ ซึ่งคาดหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ภายในสมัยสภาฯชุดนี้ หากจะเปลี่ยนได้จริง ก็ต้องการความชัดเจนจาก ท่านนายกรัฐมนตรีด้วย ในการร่วมผลักดันเรื่องนี้เป็นกับพวกเรา
จากนั้น นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคปชน. ก็ได้เดินทางมาที่สำนักงานประกันสังคม และ กล่าวถึงการลงทุนในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ว่า หลักเกณฑ์เบื้องต้นที่ต้องคำนวณ คือ พิจารณาจากต้นทุนที่มีการลงทุน โดยเฉพาะราคาที่ดิน ราคาก่อสร้าง และรายได้ เพื่อดูผลตอบแทนที่มีความเหมาะสมว่าจะได้กลับคืนมาจากที่ลงทุนไว้กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากเป็นตนเอง จะไม่ลงทุนในสินทรัพย์นี้เด็ดขาด โดยมีข้อสังเกต 3 ข้อ คือ สามารถคำนวณราคาเรื่องของการก่อสร้างได้ ซึ่งตึกนี้ไม่ได้สร้างใหม่เป็นตึกเก่าที่มีการรีโนเวท เพราะฉะนั้นมูลค่าจะลดลง ซึ่งตึกเก่าจะมีปัญหาเรื่องของความสูงของอาคารและจำนวนลิฟท์ ซึ่งจะทำให้มูลค่าของตึกลดน้อยลง และอาจมีคู่แข่งอื่นๆเกิดขึ้น
  

  
ฝ่ายค้าน ยันไม่แก้ญัตติซักฟอก ยกกรณี อภิปรายต้มยำกุ้ง พาดพิง ‘ราเกซ สักเสนา’ ก็ทำมาแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5086216
  
ปกรณ์วุฒิ มอง หากเปิดซักฟอกไม่ทันสมัยประชุมนี้ ปชช.คงตั้งคำถามรบ.หลีกเลี่ยงการตรวจสอบถ่วงดุลหรือไม่ ยัน ญัตติถูกต้องตามข้อบังคับ ยกประวัติศาสตร์สภาฯเคยเอ่ยชื่อ“ราเกซ สักเสนา” มาแล้ว ขออย่าทำให้เรื่องปกติกลายเป็นเรื่องผิดปกติ ซัด อ้างข้อบังคับตีความตามใจตัวเอง เป็นบรรทัดฐานที่ส.ส.ไม่ควรทำ
  
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อโต้แย้ง หนังสือให้แก้ไขข้อบกพร่องญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า การอภิปรายคงเกิดขึ้นอยู่แล้ว หากการอภิปรายไม่เกิดขึ้นภายในสมัยประชุมนี้ประชาชนคงต้องตั้งคำถามว่า รัฐบาลพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบถ่วงดุลในระบบสภาฯหรือไม่
  
ส่วนที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กำลังพิจารณาคำโต้แย้งของฝ่ายค้าน มีโอกาสหรือไม่ที่จะนำชื่อของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติ นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า คำโต้แย้ง และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ค่อนข้างชัดเจน
  
มีส.ส.อาวุโสท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า หากย้อนกลับไปการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เขาระบุว่าวันนั้นที่นั่งอยู่ในสภา เขารู้สึกว่านายราเกซ สักเสนา นั่งอยู่ในสภาด้วย เพราะทุกคนลุกขึ้นมาพูดชื่อนายราเกซตลอดเวลา ดังนั้นในประวัติศาสตร์แน่ชัดว่าข้อบังคับไม่ได้ห้ามอย่างเด็ดขาดในการพูดถึงบุคคลภายนอก และผู้สื่อข่าวที่อยู่ในสานงานการเมืองคงทราบอยู่แล้วว่าการพูดถึงบุคคลภายนอกในสภาฯ เป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เรื่องปกติกลายเป็นเรื่องผิดปกติ การอ้างข้อบังคับขึ้นมาบางคำและตีความตามใจตัวเองว่าบางครั้งก็ได้บางครั้งถ้าไม่อยากให้เอยถึงบางคนก็บอกว่าไม่ได้ ผมคิดว่าเป็นบรรทัดฐานที่คนเป็นส.ส.ไม่ควรทำ” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
  
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องถามว่าข้อบังคับข้อไหนที่ห้ามไม่ให้ระบุชื่อบุคคลภายนอกลงในญัตติ หากทางฝ่ายวิปรัฐบาลระบุว่าข้อบังคับไม่อนุญาต ต้องถามว่าข้อบังคับข้อไหน หากบอกว่าข้อบังคับที่ 69 ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาชัดเจนแล้วว่าการพูดถึงบุคคลภายนอกทำได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่