หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นพนักงานที่นี่โคตรสบายเลย วันๆไม่เห็นทำไร แค่ขายของเฉยๆ แถมยังได้อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำทั้งวัน สวัสดิการก็ดี๊ดี มีพักร้อน มีโบนัสให้ตั้งเยอะ ไม่มีงานไหนน่าอิจฉาเท่านี้อีกแล้ว
เก็บความอิจฉาไว้เถอะครับ บอกตามตรงว่าคนทำงานนี้เป็นโรคประสาทกันทุกคน การได้ออกจากงานนี้คือสวรรค์ อยากรู้มั้ยว่าทำไม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
พนักงาน คือ นักขาย
แน่นอน การขายคืองานหลักของร้านสะดวกซื้ออยู่แล้ว แต่มันต้องขายมันทุกอย่างเลยนี่สิ ทุกอย่างคือเงิน คือการแข่งขัน ต้องทำยอดให้ได้มากกว่าร้านอื่น ไม่งั้นโดนต่อว่า
งานคาเฟ่ พนักงานต้องสวมบทเป็นบาริสต้า ทั้งชักชวนลูกค้ามาซื้อ และชงขาย เมนูใหม่ๆก็เข้ามาเรื่อยๆ สูตรชงต้องให้ได้มาตรฐาน ห้ามผิด วันไหนมีโปรก็ต้องทำยอดขายให้ได้มากกว่าปกติเท่าตัว ลูกค้าไม่มาหา ก็ต้องขับรถออกไปหาลูกค้าเอง ไม่ได้ก็ซื้อกินเอง ไม่ได้ยอดก็โดนต่อว่า
ร้านเบเกอรี่ เราจะได้รับสกิลของปาติซิเย่ เป็นนักทำขนมเบเกอรี่ต่างๆ บ้างตัวสำเร็จมาแล้วแค่อบถือว่าดี แต่หลายๆตัวมันต้องทำขึ้นเอง ทำผิดทำไม่ได้มาตรฐานก็โดนตามเคย และแน่นอน มีโปรต้องได้ยอด ลูกค้าไม่มาหา ก็ต้องออกไปหามา
เชฟ ถ้ามาทำงานที่นี่จะได้สกิลทำอาหารติดตัวไปด้วย แน่นอนมีสูตรให้ บางตัวก็สำเร็จมาแล้วแค่อุ่น ประกอบ เสิร์ฟ บางตัวให้วัตถุดิบที่ตวงมาอย่างดีแล้ว แค่มาผสมให้เข้ากัน ทำให้มันสุก ประกอบร่าง และเสิร์ฟ ง่ายเนอะ ได้มาตรฐาน สะอาดกว่าร้านขายข้าวด้านนอกแน่นอน แต่กลับขายไม่ออก และต้องซื้อกินเองบ่อยๆ
ดิสเพลสเชอร์ หรือก็คือ แอดมินที่คอยรับออเดอร์จากเดลิเวอรี่ ลูกค้าสั่งของมา100 ก็ต้องโทรไปพลัสเซลล์ ให้ลูกค้าซื้ออย่างอื่นเพิ่มเข้าไปด้วย ยอดเดลิฯของร้านต้องสูง วันละต้องไม่ต่ำกว่า40บิล หรือ10%ของยอดขาย อย่างร้านที่ทำอยู่ยอดขายต่อวันคือ1แสน ยอดเดลิฯต้องได้1หมื่น
เป็นไรเดอร์ คนขับรถเดลิเวอรี่ต้องทำงานร่วมกับดิสเพลสเชอร์ ขับรถฝ่าแดด ลม ฝนออกไป ใช่ ฝนตกก็ต้องใส่ชุดกันฝนไปส่ง หลายครั้งออเดอร์เข้ารัวเป็นสิบบิล ลูกค้าในร้านก็เยอะ แต่พนักงานน้อยจัดของไม่ทัน ก็ต้องเอาลูกค้าหน้าร้านให้หมดก่อนเพราะเขาอุส่าห์มาซื้อของถึงนี่ ไม่ได้นั่งกระดิกเท้ารอกินที่บ้าน เพราะแบบนี้เลยช้า ลูกค้าที่บ้านก็วีนอีก บางครั้งลูกค้าบ้านอยู่ไกลโคตร แต่อยากได้ของไวๆ บางครั้งบ้านลูกค้าอยู่นอกพื้นที่การส่ง ไปส่งให้ไม่ได้ก็วีนอีก
ก็มันมีกฎของเขาอยู่ เกิดไรเดอร์ไปส่งนอกพื้นที่แล้วรถชนคอหักตุยใครจะรับผิดชอบ ประกันก็ไม่จ่ายด้วยเพราะอยากออกนอกพื้นที่เอง
คนขายประกัน กับ นักเรี่ยไรเงินทำบุญ สองอย่างนี้นานๆทีจะมีมาให้ขาย ต้องชักชวนลูกค้ามาทำบุญหรือทำประกัน และเช่นเคย คือต้องแข่งขันกับร้านอื่น มันแค้นตรงขนาดเงินทำบุญยังต้องบังคับให้ทำนี่ล่ะ
นักของออนไลน์ อาชีพในฝันของวัยรุ่นยุคใหม่ ใครอยากทำอาชีพนี้ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง มาสมัครเป็นพนักงานร้านสะดวกขาย24ชม.ได้เลย ไม่ต้องสต๊อกของ ไม่ต้องส่งของ แค่หายอดให้ได้เท่านั้นเอง เลิศนะ มีทั้งของกิน ของใช้ หนังสือ ของใช้เด็ก เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของเซ่นไหว้ เค้ก ไปจนถึงรถมอเตอร์ไซค์ วันนึงแค่ต้องให้ได้คนละบิล หรือไม่ต่ำกว่า1พัน แค่นี้เองง่ายๆ บางอย่างที่เป็นของใหม่ ก็แค่ถูกบังคับให้ทำยอดให้ได้สูงกว่าร้านอื่น ไม่ได้ก็แค่โดนต่อว่า แค่นี้เอง
นักบัญชี เรื่องขายของกับเรื่องบัญชีเป็นของคู่กันอยู่แลัว จะต้องคอยตรวจนับยอดเงินขาดเกินในแต่ละผลัด แต่ละวัน นับเสร็จจะรู้ได้ทันทีเลยว่าเงินหาย ขาด เกินเท่าไหร่ ถ้าไม่คอยนับก็ไม่รู้ว่าหายตอนไหน อาจเกิดการทุจริตภายใน ทอนเงินผิด รับเงินผิด หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ
โรงกษาปณ์ ลูกค้ามักหอบเหรียญมาแลกกับที่ร้านบ่อยๆ บางครั้งก็มาขอแลกเหรียญครั้งละมากๆ ซึ่งก็ต้องคอยนับทีละเหรียญ ทีละถุง แม้ลูกค้าจะนับมาให้แล้วก็ตาม เพราะถ้าเกิดมีการยัดไส้มาก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง เพราะอยากรับมาแบบไม่ตรวจสอบเอง และเพราะคอยมานับ ลูกค้าก็มักจะมองหน้าแบบไม่พอใจบ่อยๆ
พนักงานแบงค์ นอกจากขายของแล้ว ที่ร้านสะดวกซื้อเปิด24ชม.ก็มีบริการรับฝาก-ถอนเงินเช่นกัน ซึ่งลูกคัามาฝากกันเยอะโคตรในสาขาที่ทำอยู่ แน่นอน ต้องคอยตรวจนับให้ละเอียด บางครั้งลูกค้าก็หอบเหรียญมาฝากอีก บันเทิงเลยทีนี้ ลูกค้าก็จะชักสีหน้าแบบ นับอะไรนักหนา แต่ถ้าไม่นับดีๆ เงินหายก็ต้องรับผิดชอบเองอีก ว้าวุ่นเลยทีนี้
ไม่ใช่แค่ฝาก-ถอนเงิน ยังมีบริการรับชำระค่างวดต่างๆ ประกัน ต่อพรบ. ตั๋วเครื่องบิน รถไฟ ตั๋วคอนเสิร์ต สวนน้ำ ค่าเทอม ซึ่งบางตัวไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อยๆ บางครั้งลูกค้าก็ไม่เอาเอกสารอะไรมาเลย แถมยังพูดผิดๆถูกๆอีก พนักงานงานก็ต้องมาช่วยกันงมหา ว้าวุ่นกันอีกแล้ว
นักวิเคราะห์ข้อมูล พนักงานทุกคนต้องสั่งของให้เป็น จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลจากยอดขายที่ผ่านมา จำนวนลูกค้า กลุ่มลูกค้า งบการซื้อ และอื่นๆ และต้องรู้ด้วยว่าอนาคตจะมีโปรโมชั่นอะไร คำนวนมันทุกอย่าง และสั่งสินค้าเข้าร้าน หากสั่งผิด นอกจากจะสิ้นเปลืองแล้ว ยังรกสต๊อก แถมโดนด่าอีก
คนรับสินค้า ถ้าเป็นร้านใหญ่ยอดเป็นแสนๆต่อวันเหมือนที่ผมเคยทำ สินค้าลงทีจะเยอะมาก และมันมาส่งทุกวัน คนรับก็ต้องตรวจเช็คว่าของครบรึเปล่า ขาดเหลืออะไร รับให้ไว และต้องตรวจดูสภาพของที่มาส่งด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ว่าต้องทำคนเดียว
คนเติมสินค้า ร้านไม่ได้เหมือนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่เวลาเติมทีก็จะเติมเป็นลังๆ ไม่ก็ขายเป็นแพ็คใหญ่ แต่จะขายเป็นเศษๆ เป็นชิ้น เป็นห่อ บางอย่างทั้งลังมี24ห่อ ก็เติมขึ้นชั้นได้3-4ห่อ ที่เหลือเก็บเข้าสต็อก ไม่ใช่แค่เติมเฉยๆ แต่ต้องFIFO เก่าไว้นอก ใหม่ไว้ใน ตรวจดูป้านราคา ชื่อ และขนาดสินค้า นี่เป็นเรื่องพื้นฐานของการเติมของ แต่ก็ยังมีพนักงานมักง่ายไม่อ่านให้ดีแล้วเติมๆ หรือบางครั้งลูกค้าหยิบมาแล้ววางมั่ว คนต่อไปมาหยิบก็จะวีนว่าป้ายไม่ตรง
นักยกน้ำหนัก อย่างที่บอก ยิ่งร้านยอดขายเยอะของก็ยิ่งเยอะ ถ้าคุณกำลังมองหาที่ออกกำลังกาย ฝึกกล้ามเนื้อดีๆ ก็ที่นี่แหละเหมาะเหมง คุณจะได้ยกน้ำหนักมากถึงวันละตัน หรือมากกว่านั้น ไปแข่งกับนักยกน้ำหนักทีมชาติได้สะบายๆ
ออดิทเตอร์ สำหรับบางคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อนี้ มันคืออาชีพที่ต้องคอยเดินทางไปยังร้านสะดวกซื้อต่างๆ ไม่ก็ห้างสรรพสินค้า เพื่อตรวจนับสินค้าขาดเกินของที่นั้นๆ ซึ่งพนักงานร้านสะดวกซื้อ24ชม.ก็ต้องทำให้เป็นทุกคนเหมือนกัน ถ้าหายก็รู้ทันที ต้องตามหาของให้เจอ ไม่ก็ซื้อวิญญาณเพื่อไม่ให้ออดิทช็อต ถ้าเกิน ก็ปล่อยเกินไป ขายเป็นยอดร้าน แต่ส่วนใหญ่ไม่เกินหรอก มีแต่ขาด
ชาวเอสกิโม ในร้านสะดวกซื้อ24ชม. จะมีตู้น้ำขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งอีกฝั่งของตู้จะเป็นสต็อกว่าหรับเก็บน้ำและเครื่องดื่มต่างๆ อุณหภูมิด้านในอยู่ที่2-4องศา กว่าจะเติมของด้านในนั้นเสร็จก็เล่นเอาสั่นไปหมด ทั้งหวัดรับประทาน นิ้วกระดิกไม่ได้ ประหนึ่งซ้อมเป็นชาวเอสกิโม หรือใครมีแพลนไปอยู่เมืองหนาว ที่มีหิมะกองทับถมสูงๆ ก็มาซ้อมที่นี่ก่อนได้เลย เสื้อก็มีให้ใส่นะ แต่มันไม่ช่วยกันอะไรเลยครับ
พ่อบ้าน/แม่บ้าน พนักงานจะต้องทำความสะอาดกันเอง ไม่มีใครมาคอยทำให้นะ แล้วยิ่งร้านที่ลูกค้าเยอะๆ ก็ยิ่งสกปรก หน้าฝนยิ่งแล้วใหญ่ และยิ่งอยู่ติดถนนใหญ่ฝุ่นก็ถูกพัดเข้ามาเยอะแยะไปหมด ถ้าอยู่ติดตลาดแมลงวันก็จะเยอะอีก กระจกหน้าร้านก็ต้องกรีดให้เงาวับทุกวันทุกบาน ที่ไม่อยากทำที่สุด คือการตักบ่อดักไขมัน มันทั้งเหม็น และน่าขยะแขยง ถ้าโดนตัวกลิ่นคือติดทนทั้งวัน ไขมันพวกนี้ต้องมัดถุงหลายๆชั้นทิ้งกองขยะ ห้ามเทลงท่อเด็ดขาดเพราะไขมันจะอุดทางระบายน้ำ เพราะงั้นถ้าที่ไหนมีหมาเยอะๆ และมันมาคุ้ยขยะก็บันเทิง น้ำเน่าแตกกระจายไปหมด
อาสาสมัคร เพราะไม่มีใครคอยทำให้เลยต้องทำเอง บางร้านมีป่ารกๆอยู่หลังร้านก็ต้องไปช่วยกันถางออก ขยะของร้านส่วนใหญ่มีแต่เศษอาหารที่ใกล้หมดอายุและเก็บทิ้งทุกวัน ไม่ให้พนักงานกิน บางร้านอาจอลุมอล่วย ให้พนักงานกินฟรี แต่ขยะอาหารก็เยอะอยู่ดี เพราะงั้น พวกหนูตัวเท่าแมว แมลงสาป หนอน ก็จะยัวะเยี้ยไปหมด ยิ่งใกล้ตลาดยิ่งเยอะ ถ้าหมาเยอะก็ยิ่งหนัก ต้องดูแลให้ดี
เครื่องรองรับอารมณ์ อาจไม่ใช่ทุกที่ ไม่ใช่ทุกคน แต่ลูกค้าบางคนหงุดหงิดมาจากไหนไม่รู้ มาวีนพนักงาน พนักงานบางที่เองก็ชอบทำหน้าเหมือนไม่อยากบริการก็วินๆกันไป
สำหรับพนักงานแล้ว การเป็นที่รองรับอารมณ์จะถูกส่งมาเป็นทอดๆ เริ่มจากฝ่ายกดดันเขต เขตมากดดันFC Fcก็เครียด มากดดันขอยอดขากผู้จัดการต่อ ผจก.ก็ไปสั่งงานผู้ช่วย ผู้ช่วยก็จะมากดดันพนักงาน
อยากได้ยอด ขอยอดหน่อย ทำยอดให้มากกว่าที่อื่น งานบริการต้องอดทน รักองค์กรๆ
บอกตามตรงว่ามันเครียด กดดันพนักงานแล้วไงต่อ พนักงานก็ต้องไปกดดันลูกค้า ขอให้ลูกค้าช่วยซื้อ และคนได้หน้าเป็นใคร ไม่ใช่พนักงานแน่นอน มีแต่จะถูกเกลียด ไอ้นี่บังคับขายให้อยู่ได้ ทำไงได้ล่ะ ของพวกนี้ถ้ายิ่งได้ยอดมาก ก็จะยิ่งส่งผลต่อเงินเดือน ต่อเงินโบนัส จะแค่มาเฉยๆ ไม่ทำอะไรให้ ถึงเวลากลับบ้านรอรับเงินชิวๆ มันก็ไม่ถูกจริงมั้ย มาทำงานให้เขาก็ต้องได้ยอดให้ ไม่งั้นเจ้าของกิจการเขาจะรวยหรอ
เวลาพัก1ชั่วโมงที่ได้ใช้แค่ครึ่งเดียว บางคนไม่ถึงด้วยซ้ำ ทำงานก็ต้องให้เรียบร้อยจะได้ส่งต่อผลัดได้ ไม่เสร็จก็ทำเกินเวลา บางครั้งก็เป็นโอทีการกุศล เหนื่อยมาก ท้อมาก เครียดสุดๆ งานกดดันจนทำเอาเป็นโรคประสาท มีคนใกล้ตัวเครียดมากจนเป็นลมพิษ เป็นซึมเศร้า โดนด่าจนร้องไห้ทุกวัน ยิ่งถ้าเจอเพื่อนร่วมงานToxicแล้วยิ่งแย่ไปกันใหญ่ มันไม่ได้ง่าย ไม่ได้น่าอิจฉาอย่างที่คิดเลย
ทั้งหมดคือสิ่งที่เจอมากับตัวเองทั้งหมด อาจไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกที่ แต่ส่วนใหญ่ก็จะราวๆนี้ ทั้งหมดมันคือกระบวนการภายใน บางที่อาจไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ก็ได้ ไม่ได้บอกว่ามันแย่ แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุด ไม่มีงานไหนไม่เหนื่อยหรอก
ไม่ได้เจตนาให้ร้าย พาดพิงถึงบุคคลหรือองค์กรใดๆ ไม่ได้มีเจตนาทำให้เสื่อมเสีย แค่แบ่งปันประสบการณ์เท่านั้น
รีวิวการเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ24ชม.
เก็บความอิจฉาไว้เถอะครับ บอกตามตรงว่าคนทำงานนี้เป็นโรคประสาทกันทุกคน การได้ออกจากงานนี้คือสวรรค์ อยากรู้มั้ยว่าทำไม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
พนักงาน คือ นักขาย
แน่นอน การขายคืองานหลักของร้านสะดวกซื้ออยู่แล้ว แต่มันต้องขายมันทุกอย่างเลยนี่สิ ทุกอย่างคือเงิน คือการแข่งขัน ต้องทำยอดให้ได้มากกว่าร้านอื่น ไม่งั้นโดนต่อว่า
งานคาเฟ่ พนักงานต้องสวมบทเป็นบาริสต้า ทั้งชักชวนลูกค้ามาซื้อ และชงขาย เมนูใหม่ๆก็เข้ามาเรื่อยๆ สูตรชงต้องให้ได้มาตรฐาน ห้ามผิด วันไหนมีโปรก็ต้องทำยอดขายให้ได้มากกว่าปกติเท่าตัว ลูกค้าไม่มาหา ก็ต้องขับรถออกไปหาลูกค้าเอง ไม่ได้ก็ซื้อกินเอง ไม่ได้ยอดก็โดนต่อว่า
ร้านเบเกอรี่ เราจะได้รับสกิลของปาติซิเย่ เป็นนักทำขนมเบเกอรี่ต่างๆ บ้างตัวสำเร็จมาแล้วแค่อบถือว่าดี แต่หลายๆตัวมันต้องทำขึ้นเอง ทำผิดทำไม่ได้มาตรฐานก็โดนตามเคย และแน่นอน มีโปรต้องได้ยอด ลูกค้าไม่มาหา ก็ต้องออกไปหามา
เชฟ ถ้ามาทำงานที่นี่จะได้สกิลทำอาหารติดตัวไปด้วย แน่นอนมีสูตรให้ บางตัวก็สำเร็จมาแล้วแค่อุ่น ประกอบ เสิร์ฟ บางตัวให้วัตถุดิบที่ตวงมาอย่างดีแล้ว แค่มาผสมให้เข้ากัน ทำให้มันสุก ประกอบร่าง และเสิร์ฟ ง่ายเนอะ ได้มาตรฐาน สะอาดกว่าร้านขายข้าวด้านนอกแน่นอน แต่กลับขายไม่ออก และต้องซื้อกินเองบ่อยๆ
ดิสเพลสเชอร์ หรือก็คือ แอดมินที่คอยรับออเดอร์จากเดลิเวอรี่ ลูกค้าสั่งของมา100 ก็ต้องโทรไปพลัสเซลล์ ให้ลูกค้าซื้ออย่างอื่นเพิ่มเข้าไปด้วย ยอดเดลิฯของร้านต้องสูง วันละต้องไม่ต่ำกว่า40บิล หรือ10%ของยอดขาย อย่างร้านที่ทำอยู่ยอดขายต่อวันคือ1แสน ยอดเดลิฯต้องได้1หมื่น
เป็นไรเดอร์ คนขับรถเดลิเวอรี่ต้องทำงานร่วมกับดิสเพลสเชอร์ ขับรถฝ่าแดด ลม ฝนออกไป ใช่ ฝนตกก็ต้องใส่ชุดกันฝนไปส่ง หลายครั้งออเดอร์เข้ารัวเป็นสิบบิล ลูกค้าในร้านก็เยอะ แต่พนักงานน้อยจัดของไม่ทัน ก็ต้องเอาลูกค้าหน้าร้านให้หมดก่อนเพราะเขาอุส่าห์มาซื้อของถึงนี่ ไม่ได้นั่งกระดิกเท้ารอกินที่บ้าน เพราะแบบนี้เลยช้า ลูกค้าที่บ้านก็วีนอีก บางครั้งลูกค้าบ้านอยู่ไกลโคตร แต่อยากได้ของไวๆ บางครั้งบ้านลูกค้าอยู่นอกพื้นที่การส่ง ไปส่งให้ไม่ได้ก็วีนอีก
ก็มันมีกฎของเขาอยู่ เกิดไรเดอร์ไปส่งนอกพื้นที่แล้วรถชนคอหักตุยใครจะรับผิดชอบ ประกันก็ไม่จ่ายด้วยเพราะอยากออกนอกพื้นที่เอง
คนขายประกัน กับ นักเรี่ยไรเงินทำบุญ สองอย่างนี้นานๆทีจะมีมาให้ขาย ต้องชักชวนลูกค้ามาทำบุญหรือทำประกัน และเช่นเคย คือต้องแข่งขันกับร้านอื่น มันแค้นตรงขนาดเงินทำบุญยังต้องบังคับให้ทำนี่ล่ะ
นักของออนไลน์ อาชีพในฝันของวัยรุ่นยุคใหม่ ใครอยากทำอาชีพนี้ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง มาสมัครเป็นพนักงานร้านสะดวกขาย24ชม.ได้เลย ไม่ต้องสต๊อกของ ไม่ต้องส่งของ แค่หายอดให้ได้เท่านั้นเอง เลิศนะ มีทั้งของกิน ของใช้ หนังสือ ของใช้เด็ก เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของเซ่นไหว้ เค้ก ไปจนถึงรถมอเตอร์ไซค์ วันนึงแค่ต้องให้ได้คนละบิล หรือไม่ต่ำกว่า1พัน แค่นี้เองง่ายๆ บางอย่างที่เป็นของใหม่ ก็แค่ถูกบังคับให้ทำยอดให้ได้สูงกว่าร้านอื่น ไม่ได้ก็แค่โดนต่อว่า แค่นี้เอง
นักบัญชี เรื่องขายของกับเรื่องบัญชีเป็นของคู่กันอยู่แลัว จะต้องคอยตรวจนับยอดเงินขาดเกินในแต่ละผลัด แต่ละวัน นับเสร็จจะรู้ได้ทันทีเลยว่าเงินหาย ขาด เกินเท่าไหร่ ถ้าไม่คอยนับก็ไม่รู้ว่าหายตอนไหน อาจเกิดการทุจริตภายใน ทอนเงินผิด รับเงินผิด หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ
โรงกษาปณ์ ลูกค้ามักหอบเหรียญมาแลกกับที่ร้านบ่อยๆ บางครั้งก็มาขอแลกเหรียญครั้งละมากๆ ซึ่งก็ต้องคอยนับทีละเหรียญ ทีละถุง แม้ลูกค้าจะนับมาให้แล้วก็ตาม เพราะถ้าเกิดมีการยัดไส้มาก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง เพราะอยากรับมาแบบไม่ตรวจสอบเอง และเพราะคอยมานับ ลูกค้าก็มักจะมองหน้าแบบไม่พอใจบ่อยๆ
พนักงานแบงค์ นอกจากขายของแล้ว ที่ร้านสะดวกซื้อเปิด24ชม.ก็มีบริการรับฝาก-ถอนเงินเช่นกัน ซึ่งลูกคัามาฝากกันเยอะโคตรในสาขาที่ทำอยู่ แน่นอน ต้องคอยตรวจนับให้ละเอียด บางครั้งลูกค้าก็หอบเหรียญมาฝากอีก บันเทิงเลยทีนี้ ลูกค้าก็จะชักสีหน้าแบบ นับอะไรนักหนา แต่ถ้าไม่นับดีๆ เงินหายก็ต้องรับผิดชอบเองอีก ว้าวุ่นเลยทีนี้
ไม่ใช่แค่ฝาก-ถอนเงิน ยังมีบริการรับชำระค่างวดต่างๆ ประกัน ต่อพรบ. ตั๋วเครื่องบิน รถไฟ ตั๋วคอนเสิร์ต สวนน้ำ ค่าเทอม ซึ่งบางตัวไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อยๆ บางครั้งลูกค้าก็ไม่เอาเอกสารอะไรมาเลย แถมยังพูดผิดๆถูกๆอีก พนักงานงานก็ต้องมาช่วยกันงมหา ว้าวุ่นกันอีกแล้ว
นักวิเคราะห์ข้อมูล พนักงานทุกคนต้องสั่งของให้เป็น จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลจากยอดขายที่ผ่านมา จำนวนลูกค้า กลุ่มลูกค้า งบการซื้อ และอื่นๆ และต้องรู้ด้วยว่าอนาคตจะมีโปรโมชั่นอะไร คำนวนมันทุกอย่าง และสั่งสินค้าเข้าร้าน หากสั่งผิด นอกจากจะสิ้นเปลืองแล้ว ยังรกสต๊อก แถมโดนด่าอีก
คนรับสินค้า ถ้าเป็นร้านใหญ่ยอดเป็นแสนๆต่อวันเหมือนที่ผมเคยทำ สินค้าลงทีจะเยอะมาก และมันมาส่งทุกวัน คนรับก็ต้องตรวจเช็คว่าของครบรึเปล่า ขาดเหลืออะไร รับให้ไว และต้องตรวจดูสภาพของที่มาส่งด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ว่าต้องทำคนเดียว
คนเติมสินค้า ร้านไม่ได้เหมือนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่เวลาเติมทีก็จะเติมเป็นลังๆ ไม่ก็ขายเป็นแพ็คใหญ่ แต่จะขายเป็นเศษๆ เป็นชิ้น เป็นห่อ บางอย่างทั้งลังมี24ห่อ ก็เติมขึ้นชั้นได้3-4ห่อ ที่เหลือเก็บเข้าสต็อก ไม่ใช่แค่เติมเฉยๆ แต่ต้องFIFO เก่าไว้นอก ใหม่ไว้ใน ตรวจดูป้านราคา ชื่อ และขนาดสินค้า นี่เป็นเรื่องพื้นฐานของการเติมของ แต่ก็ยังมีพนักงานมักง่ายไม่อ่านให้ดีแล้วเติมๆ หรือบางครั้งลูกค้าหยิบมาแล้ววางมั่ว คนต่อไปมาหยิบก็จะวีนว่าป้ายไม่ตรง
นักยกน้ำหนัก อย่างที่บอก ยิ่งร้านยอดขายเยอะของก็ยิ่งเยอะ ถ้าคุณกำลังมองหาที่ออกกำลังกาย ฝึกกล้ามเนื้อดีๆ ก็ที่นี่แหละเหมาะเหมง คุณจะได้ยกน้ำหนักมากถึงวันละตัน หรือมากกว่านั้น ไปแข่งกับนักยกน้ำหนักทีมชาติได้สะบายๆ
ออดิทเตอร์ สำหรับบางคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อนี้ มันคืออาชีพที่ต้องคอยเดินทางไปยังร้านสะดวกซื้อต่างๆ ไม่ก็ห้างสรรพสินค้า เพื่อตรวจนับสินค้าขาดเกินของที่นั้นๆ ซึ่งพนักงานร้านสะดวกซื้อ24ชม.ก็ต้องทำให้เป็นทุกคนเหมือนกัน ถ้าหายก็รู้ทันที ต้องตามหาของให้เจอ ไม่ก็ซื้อวิญญาณเพื่อไม่ให้ออดิทช็อต ถ้าเกิน ก็ปล่อยเกินไป ขายเป็นยอดร้าน แต่ส่วนใหญ่ไม่เกินหรอก มีแต่ขาด
ชาวเอสกิโม ในร้านสะดวกซื้อ24ชม. จะมีตู้น้ำขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งอีกฝั่งของตู้จะเป็นสต็อกว่าหรับเก็บน้ำและเครื่องดื่มต่างๆ อุณหภูมิด้านในอยู่ที่2-4องศา กว่าจะเติมของด้านในนั้นเสร็จก็เล่นเอาสั่นไปหมด ทั้งหวัดรับประทาน นิ้วกระดิกไม่ได้ ประหนึ่งซ้อมเป็นชาวเอสกิโม หรือใครมีแพลนไปอยู่เมืองหนาว ที่มีหิมะกองทับถมสูงๆ ก็มาซ้อมที่นี่ก่อนได้เลย เสื้อก็มีให้ใส่นะ แต่มันไม่ช่วยกันอะไรเลยครับ
พ่อบ้าน/แม่บ้าน พนักงานจะต้องทำความสะอาดกันเอง ไม่มีใครมาคอยทำให้นะ แล้วยิ่งร้านที่ลูกค้าเยอะๆ ก็ยิ่งสกปรก หน้าฝนยิ่งแล้วใหญ่ และยิ่งอยู่ติดถนนใหญ่ฝุ่นก็ถูกพัดเข้ามาเยอะแยะไปหมด ถ้าอยู่ติดตลาดแมลงวันก็จะเยอะอีก กระจกหน้าร้านก็ต้องกรีดให้เงาวับทุกวันทุกบาน ที่ไม่อยากทำที่สุด คือการตักบ่อดักไขมัน มันทั้งเหม็น และน่าขยะแขยง ถ้าโดนตัวกลิ่นคือติดทนทั้งวัน ไขมันพวกนี้ต้องมัดถุงหลายๆชั้นทิ้งกองขยะ ห้ามเทลงท่อเด็ดขาดเพราะไขมันจะอุดทางระบายน้ำ เพราะงั้นถ้าที่ไหนมีหมาเยอะๆ และมันมาคุ้ยขยะก็บันเทิง น้ำเน่าแตกกระจายไปหมด
อาสาสมัคร เพราะไม่มีใครคอยทำให้เลยต้องทำเอง บางร้านมีป่ารกๆอยู่หลังร้านก็ต้องไปช่วยกันถางออก ขยะของร้านส่วนใหญ่มีแต่เศษอาหารที่ใกล้หมดอายุและเก็บทิ้งทุกวัน ไม่ให้พนักงานกิน บางร้านอาจอลุมอล่วย ให้พนักงานกินฟรี แต่ขยะอาหารก็เยอะอยู่ดี เพราะงั้น พวกหนูตัวเท่าแมว แมลงสาป หนอน ก็จะยัวะเยี้ยไปหมด ยิ่งใกล้ตลาดยิ่งเยอะ ถ้าหมาเยอะก็ยิ่งหนัก ต้องดูแลให้ดี
เครื่องรองรับอารมณ์ อาจไม่ใช่ทุกที่ ไม่ใช่ทุกคน แต่ลูกค้าบางคนหงุดหงิดมาจากไหนไม่รู้ มาวีนพนักงาน พนักงานบางที่เองก็ชอบทำหน้าเหมือนไม่อยากบริการก็วินๆกันไป
สำหรับพนักงานแล้ว การเป็นที่รองรับอารมณ์จะถูกส่งมาเป็นทอดๆ เริ่มจากฝ่ายกดดันเขต เขตมากดดันFC Fcก็เครียด มากดดันขอยอดขากผู้จัดการต่อ ผจก.ก็ไปสั่งงานผู้ช่วย ผู้ช่วยก็จะมากดดันพนักงาน
อยากได้ยอด ขอยอดหน่อย ทำยอดให้มากกว่าที่อื่น งานบริการต้องอดทน รักองค์กรๆ
บอกตามตรงว่ามันเครียด กดดันพนักงานแล้วไงต่อ พนักงานก็ต้องไปกดดันลูกค้า ขอให้ลูกค้าช่วยซื้อ และคนได้หน้าเป็นใคร ไม่ใช่พนักงานแน่นอน มีแต่จะถูกเกลียด ไอ้นี่บังคับขายให้อยู่ได้ ทำไงได้ล่ะ ของพวกนี้ถ้ายิ่งได้ยอดมาก ก็จะยิ่งส่งผลต่อเงินเดือน ต่อเงินโบนัส จะแค่มาเฉยๆ ไม่ทำอะไรให้ ถึงเวลากลับบ้านรอรับเงินชิวๆ มันก็ไม่ถูกจริงมั้ย มาทำงานให้เขาก็ต้องได้ยอดให้ ไม่งั้นเจ้าของกิจการเขาจะรวยหรอ
เวลาพัก1ชั่วโมงที่ได้ใช้แค่ครึ่งเดียว บางคนไม่ถึงด้วยซ้ำ ทำงานก็ต้องให้เรียบร้อยจะได้ส่งต่อผลัดได้ ไม่เสร็จก็ทำเกินเวลา บางครั้งก็เป็นโอทีการกุศล เหนื่อยมาก ท้อมาก เครียดสุดๆ งานกดดันจนทำเอาเป็นโรคประสาท มีคนใกล้ตัวเครียดมากจนเป็นลมพิษ เป็นซึมเศร้า โดนด่าจนร้องไห้ทุกวัน ยิ่งถ้าเจอเพื่อนร่วมงานToxicแล้วยิ่งแย่ไปกันใหญ่ มันไม่ได้ง่าย ไม่ได้น่าอิจฉาอย่างที่คิดเลย
ทั้งหมดคือสิ่งที่เจอมากับตัวเองทั้งหมด อาจไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกที่ แต่ส่วนใหญ่ก็จะราวๆนี้ ทั้งหมดมันคือกระบวนการภายใน บางที่อาจไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ก็ได้ ไม่ได้บอกว่ามันแย่ แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุด ไม่มีงานไหนไม่เหนื่อยหรอก
ไม่ได้เจตนาให้ร้าย พาดพิงถึงบุคคลหรือองค์กรใดๆ ไม่ได้มีเจตนาทำให้เสื่อมเสีย แค่แบ่งปันประสบการณ์เท่านั้น