สิ่งไหน ก็คือสิ่งนั้น อย่ามั่วเอามารวมกัน ว่าเป็นธรรมทั้งปวงไม่งั้นยุ่ง ?

พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่า..

      [๔๒] พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ
.....ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา 
สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ข้อนี้ อริยสาวก 
พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้ 
    เวทนาไม่เที่ยง ฯลฯ สัญญาไม่เที่ยง ฯลฯ สังขารไม่เที่ยง ฯลฯ วิญญาณไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา 
สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ข้อนี้อริยสาวก พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ 
ตามความเป็นจริงอย่างนี้ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า 
ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว 
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี....

สิ่งที่เป็นอนัตตาก็คือสิ่งที่มันไม่เที่ยง  เป็นทุกข์ เห็นกันจะๆก็คือขันธ์ 5 นั่นเอง
มากขึ้นไปอีกพระพุทธเจ้าก็ตรัสรวมว่า สังขารทั้งหลาย เช่น
สัตว์ วัตถุสิ่งของ ต้นไม้ บ้าน  รถยนต์ เป็นต้น..

นิพพานเที่ยง เป็นสุข  ไม่มีความแปรปรวน  แล้วมันอนัตตาตรงไหน..  มันไม่เกี่ยว

ท่านเซนเถรวาทได้โปรดทำความเข้าใจเสียใหม่ แล้วจะได้เป็นคนใหม่อย่างสัมมา 

มันเป๋นจะอิ้ๆเน้อ
จะอู้หื้อ.....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่