ครั้งแรกที่เรารู้ว่าเราเป็นเมื่อ3-4ปีที่แล้ว เราตกใจมาก เอาตัวเองหนีออกจากสังคมไม่ยอมพบใคร เพราะด้วยสังขารที่เหนื่อยง่าย พอมีอะไรมากระทบให้เครียดโรคก็จะกำเริบ ตัวบวม หายใจไม่ทัน จะไปไหนมาไหนก็ไม่ไหว ได้แต่นอนอยู่เฉยๆ..และมันก็คือเหตุผลที่ทำให้ต้องลาออกจากงานบ่อยๆ จนตัดสินใจมาทำงานฟรีแลนส์ เพราะมันอิสระ พอไหวก็ออกไปทำ ถ้าไม่ไหวก็ไม่รับงาน นอนพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงค่อยว่ากันอีกที จนวันนี้เรามาพบว่า สิ่งที่ทำให้เราสู้กับโรคนี้ได้มาเป็นเวลาค่อนข้างนาน นั่นคือกำลังใจที่ดี และไม่เครียด จากที่หันมารักตัวเอง มากกว่ารักคนอื่น ก็จะกล้าที่จะตัดสิ่งที่ทำร้ายจิตใจออกไป บ่อยครั้งความรักคือสิ่งที่บั่นทอนจิตใจมากที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็ไม่ใช่คนที่มีความสุขกับมันสักครั้ง ความเสียใจมันคือตัวที่ทำให้สุขภาพแย่ลงๆ...แต่ก็ไม่เคยมีใครสนใจอย่กถามไถ่ แถมพอเลิกกันไปก็เอาไปด่าเสียๆหายๆว่าขี้เกียจ ไม่ออกทำงานทำการ ไม่มีอนาคต ติดเหล้าติดยา ทั้งที่เราไม่เคยยุ่งกับอบายมุขเหล่านั้นเลย แต่มันคงผิดที่เราไม่เคยบอกใคร ว่สเราป่วยเป็นอะไร เพราะกลัวเขารังเกลียด จนวันนี้..เราพร้อมที่จะตัดทุกอย่างรวมทั้งความรักที่แย่ๆออกจากชีวิต แล้วใช้ชีวิตในทุกๆวันให้มีความสุข ออกกำลังกายเบาๆ อยากไปไหนก็ไป อยากกินอะไรก็กิน อยู่กับลูกๆและคนที่เรารัก และรอแค่ปราฏิหาริย์ของชีวิต ซึ่งเราเชื่อว่ามันต้องมี
คุณว่าโรคพุ่มพวงน่ากลัวแค่ไหน?