JJNY : ก้าวไกลชี้ช่องลดค่าไฟ│อมรัตน์เปิดแชทยัน‘ไม่ได้ขู่คุกคาม’│ฝนตกหนักชาวบ้านอ่วม│มิสยูนิเวิร์สสิงคโปร์เคยสู้ค้ามนุษย์

ก้าวไกล ชี้ช่องลดค่าไฟต่ำกว่า 3.99 บาท 
https://www.matichon.co.th/politics/news_4188705
 
ก้าวไกล ชี้ช่องลดค่าไฟต่ำกว่า 3.99 บาท 
 
เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายศุภโชติ ไชยสัจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องค่าไฟที่ยังสามารถลดได้มากกว่า 3.99 บาทผ่านเพจ “พรรคก้าวไกล – Move Forward Party” ด้วยข้อความระบุว่า 

ค่าไฟลดลงแล้ว แต่ลดกว่านี้ได้อีก! 

ถ้ารัฐบาลกล้าเรียกเอกชนมาเจรจา แก้ไขสัญญาลดค่าพร้อมจ่าย ไม่ให้ประชาชนต้องจ่ายไฟแพงประเคนนายทุนโรงไฟฟ้า

ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานผลการหารือกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ระบุสามารถลดค่าไฟฟ้า จาก 4.10 บาท เหลือ 3.99 บาท ทันทีในรอบบิลเดือนกันยายน 2566
 
ต้องยินดีกับพี่น้องประชาชนทุกคน การตรึงค่าไฟและยืดหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นสิ่งที่ทางพรรคก้าวไกลเห็นด้วย ว่าควรทำในระยะเร่งด่วนนี้ แต่การกระทำนี้ไม่สามารถตอบโจทย์การทำให้ค่าไฟลดลงในระยะยาว แถมยังซ่อนความน่ากลัวเอาไว้หากไม่มีมาตรการอื่นมาทดแทน เนื่องจากในปัจจุบัน แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติที่มีแต่สูงขึ้น ก้อนหนี้ที่มีอยู่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และอีกไม่นานเมื่อถึงเวลาจ่ายหนี้ ตอนนั้นอาจต้องควักเงินจากกระเป๋าประชาชนมาจ่ายมากกว่าเดิม
 
ปัจจุบันเหมือนเป็นการโยกกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา การกระทำแบบนี้เหมือนเล่นกับความคาดหวัง ความหวังที่ราคาก๊าซธรรมชาติจะถูกลง จากนั้นค่อยคืนหนี้ กฟผ. ผมกลัวว่าถ้าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด กฟผ. จะมีสถานะเหมือนกับการรถไฟไทยฯ ที่หนี้สินล้นพ้นตัว และความน่าเชื่อถือจากนักลงทุนก็จะลดลงไปด้วย” นายศุภโชติกล่าว
 
นายศุภโชติ กล่าวต่อว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล พวกเรามองถึงปัญหาที่ต้นตอและคิดหาวิธีการทำให้ราคาค่าไฟ นอกจากจะถูกลงอย่างยั่งยืน ยังเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนอีกด้วย โดยพวกเราเห็นว่ามี 3 เรื่องที่ควรทำ คือ (1) ยืดหนี้ กฟผ. (2) การปรับการคำนวณราคาของก๊าซธรรมชาติใหม่ และ (3) การเร่งเจรจาแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชน เพื่อลดค่าความพร้อมจ่าย
 
นอกเหนือจากการยืดหนี้ที่ควรจะทำในระยะเร่งด่วนนั้น พวกเราคิดว่าการปรับโครงสร้างก๊าซธรรมชาติจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าให้ลดลงอย่างยั่งยืนได้ เนื่องจากปัจจุบันก๊าซราคาถูกที่ขุดจากอ่าวไทย ถูกนำไปให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ก่อน ส่วนก๊าซที่นำมาผลิตไฟฟ้าให้ประชาชนใช้ มาจากก๊าซอ่าวไทยที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้เหลือและก๊าซที่มาจากการนำเข้าซึ่งมีราคาแพงมาก
 
เท่ากับตอนนี้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ถูก ประชาชนใช้แพง ดังนั้น หากนำ 2 ส่วนนี้มาถัวเฉลี่ยกัน จะสามารถทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่นำไปผลิตไฟฟ้าให้ประชาชน ถูกลงได้มากกว่าปัจจุบัน 
 
ขณะเดียวกัน เราเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งให้มีการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่รัฐเคยทำโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ภาคเอกชนเพื่อลดค่าความพร้อมจ่าย ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาการมีจำนวนโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็น ส่งผลให้ปริมาณสำรองไฟฟ้ามากเกิน ทำให้บางโรงที่แทบไม่ต้องผลิตไฟฟ้าหรือไม่ได้เดินเครื่องเลยตลอด 1 ปี กลับได้เงินผ่านค่าความพร้อมจ่ายนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาสัญญา 25 ปี ซึ่งในปีที่ผ่านๆมา ประชาชนต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายนี้ที่แฝงอยู่ในค่าไฟของพี่น้องประชาชนทุกคนให้กับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่องกว่าเกือบหมื่นล้านบาทต่อปีฟรีๆ
 
นายศุภโชติ กล่าวว่า ตนและพรรคก้าวไกลจึงคิดว่าการแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้านั้น เป็นมาตรการที่รัฐบาลควรทำเพื่อลดต้นทุนค่าไฟให้กับพี่น้องประชาชนในระยะยาวได้อีกวิธี เนื่องจากที่ผ่านมา มีหลายบริษัทเอกชนมักอ้างการระบาดของโควิด-19 เป็นเหตุสุดวิสัยในการขอเจรจาสัญญาสัมปทานใหม่กับทางภาครัฐ ดังนั้น เมื่อประกอบกับช่วงโควิดมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าน้อยลง ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ตอนคิดจะสร้างโรงไฟฟ้าเหล่านี้ รัฐบาลก็ควรสามารถใช้เหตุผลเดียวกันนี้ ในการขอเจรจากับเอกชนเพื่อลดค่าความพร้อมจ่ายลงไปก่อน
 
จากที่กล่าวมาทั้ง 3 วิธี พรรคก้าวไกลเห็นว่าสามารถลดค่าไฟได้ทันทีอย่างน้อย 70 สตางค์ต่อหน่วย ภายในระยะเวลาหนึ่งปี ทั้งเป็นวิธีที่มีความยั่งยืนและเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน

https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/883518153337538?ref=embed_post



อมรัตน์ ขออภัยบุกหาคู่กรณี เปิดแชทยัน ‘ไม่ได้ขู่คุกคาม’ ยินดีรับผิดชอบทั้งทางสังคม-กม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4188965

อมรัตน์ ขออภัยบุกหาคู่กรณี เปิดแชทยัน ‘ไม่ได้ขู่คุกคาม’ ยินดีรับผิดชอบทั้งทางสังคม-กม.
 
จากกรณี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โดยอ้างว่าได้กล่าวพาดพิงถึงตัวเธอ และได้เดินทางไปพูดคุยด้วยถึงที่บริษัทที่ทำงาน แต่ไม่พบเจอตัวเนื่องจากเจ้าตัวออกไปหาลูกค้าข้างนอก

โดย นางอมรัตน์ระบุว่า “ไปเยี่ยมที่โรงงานมา ไม่เจอตัวเพราะออกไปหาลูกค้าข้างนอก มีโอกาสพบพูดคุยกับกรรมการบริหารท่านหนึ่ง กับผจก.ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ขอขอบคุณทั้งสองท่านอย่างสูง ที่ใส่ใจและรับปากว่าหลังบริษัทออกหนังสือเตือนให้เซ็นต์รับทราบแล้ว จะช่วยดูแลสอดส่องพฤติกรรมด้วย
 
ทั้งยังเผยอีกว่า ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ดังกล่าว ยินยอมจะเซ็นรับทราบหนังสือตักเตือนจากนายจ้าง ทัณฑ์บน 1 ปี อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงความเหมาะสม ไปจนถึงสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ว่าแบบนี้เข้าข่ายการข่มขู่หรือไม่
 
อย่างไรก็ดี ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 กันยายน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม x หรือ ทวิตเตอร์ ระบุถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า
 
เช้านี้ถึงแม้จะตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น แต่ดิฉันมีความรู้สึกผิดติดค้างคิดว่าสมควรต้องออกมาขออภัยอย่างจริงใจต่อ toxic ในสังคมออนไลน์ที่ตัวเองมีส่วนสร้างขึ้นเมื่อวานนี้
 
ดิฉันยืนยันว่าได้ใช้วิจารณญาณและสัญชาติญาณในฐานะมนุษย์ ใช้พื้นฐานประสบการณ์และข้อมูลเพียงพอต่อการตัดสินว่าสิ่งไหนคือ “ภัยสังคม” ภัยสังคมย่อมหมายถึงตัวเองไม่ได้เป็นผู้รับ ผลกระทบแต่เพียงลำพัง แต่เป็นภัยที่ชาวโลกออนไลน์ประสบร่วมกัน
 
การกระทำตามวิจารณญาณส่วนตัวนั้นจะผิดถูกดีเลวอย่างไร ดิฉันยินดีรับผิดชอบทั้งทางสังคมและทางกม.ทุกประการ ดิฉันก็จะพิทักษ์สิทธิ์ตัวเองตามกม.ต่อไป เช่นเดียวกัน
 
จากนี้ต้อง move on เพื่อไม่เพิ่ม toxic ให้สังคมออนไลน์อีกต่อไป ที่เกิดไปแล้วต้องขออภัยซ้ำอีกครั้ง
 
อย่างไรก็ดี ในทางส่วนตัวดิฉันรู้สึกเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า ทุกการตัดสินใจมีต้นทุนมีราคาที่ต้องจ่ายอยู่แล้วอันนี้ทราบดีอยู่
อนึ่ง ขอยืนยันว่าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ 3 นั้นเป็นไปอย่างสุภาพมีเหตุผล ไม่มีสิ่งใดเลยที่ใกล้เคียงกับคำว่าข่มขู่คุกคามตามที่พยายามมี “กระแสปั่น”
 
ดิฉันเป็นไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ไม่มีศักยภาพข่มขู่บังคับใครแน่นอนหากบุคคลที่ 3 ที่เกี่ยวข้องมิได้เห็นพ้องด้วย
  
หลักฐานว่าไม่มีการข่มขู่ใด ๆ มีเพียงการส่งข้อมูลให้บุคคลที่ 3 พิจารณา ” อมรัตน์ ระบุ
 
ต่อมา นางอมรัตน์ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมต่อข้อคำถามที่ว่า “ไม่คุกคามยังไง?” ไว้ว่า “น่าจะเป็นโพสต์สุดท้ายสำหรับเรื่องนี้แล้ว ดิฉันเดินทางไปคนเดียว ใช้บัตรปชช.แลกบัตรเข้าถูกต้อง ได้รับอนุญาตและได้รับการต้อนรับที่ดี – ได้รับฟังผลการสอบสวนพนักงานบริษัทแล้วรู้สึกพอใจ ลากลับอย่างสุภาพ ขอบคุณทุกกำลังใจ”

https://twitter.com/AmaratJeab/status/1704317530918256848
 


ฝนตกหนัก ชาวบ้านอ่วม แม่น้ำเลยล้นตลิ่งทะลักไหลท่วม บ้านเรือนถูกน้ำท่วมจม 60 หลังคา
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7875204

เลย ฝนตกหนัก ชาวบ้านอ่วม น้ำสายหลักล้นตลิ่งทะลักไหลท่วม สถานที่ราชการ สนามกีฬากลาง พื้นที่เกษตร บ้านประชาชน จมแล้วกว่า 60 หลังคาเรือน
 
20 ก.ย. 66 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ฝนตกในจังหวัดเลย ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ลำน้ำสาขาต่างๆ ได้ล้นตลิ่ง โดยเฉพาะแม่น้ำเลย เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดเลยได้ไหลทะลักล้นตลิ่ง เข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร และบ้านเรือนประชาชนหลายพื้นที่ รวมทั้งน้ำยังเข้าท่วมสถานที่ราชการ ในเขตเทศบาลเมืองเลย สนามกีฬากลาง
 
ล่าสุดสถานการณ์น้ำแม่น้ำเลย ได้ลดระดับลงในพื้นที่ อ.ภูหลวง และ อ.วังสะพุง รวมทั้งเขตเทศบาลเมืองเลย และมวลน้ำยังคงสร้างความเสียหาย ในพื้นที่เขตอำเภอเมืองเลย โดยเฉพาะ พื้นที่ ต.ชัยพฤกษ์ ที่มีบ้านอยู่ในที่ลุ่มต่ำ และใกล้ริมตลิ่งน้ำเลย หมู่บ้านบ้านก้างปลา บ้านนาบอน บ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 60 หลัง และถนน ตรอก ซอกซอยถูกตัดขาดการสัญจรไม่ได้ รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร ไร่นา ถูกน้ำท่วมขัง ได้รับความเสียหาย
 
หน่วยงานราชการ เทศบาลตำบลชัยพฤกษ์ ได้นำเจ้าหน้าที่ ออกแจกจ่ายข้าวกล่อง ถุงยังชีพ พร้อมกับออกสำรวจความเสียหายกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ โดยทางจังหวัดเลย ได้ออกแจ้งเตือนให้ชาวบ้าน ตำบลธาตุ ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน เตรียมขนของขึ้นที่สูง รับมวลน้ำจากแม่น้ำเลย ก่อนที่จะไหลลงน้ำโขงต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่