พอแล้ว 20 ปีที่จมอยู่กับความขัดแย้ง นิรโทษกรรมต้องรวม 112 เปิดประตู ให้โอกาสทุกคน
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4684903
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X ใบตองแห้ง
อธึกกิต แสวงสุข สัมภาษณ์พิเศษ ทนาย
แจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.พรรคก้าวไกล ย้ำนักโทษทางการเมืองทุกคนต้องได้รับการนิรโทษกรรม เพราะยืดเยื้อมา 20 ปีแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุติความขัดแย้ง คืนความสงบสุข ดังนั้นเราจะทิ้งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ ความขัดแย้งตั้งแต่เสื้อเหลืองเสื้อแดง เหตุการณ์อื่นจบไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงขัดแย้งอยู่ในปัจจุบันคือคดี ม.112 ถ้าเราไม่รวม ม.112 เหมือนเราทิ้งคนกลุ่มหนึ่งในยุคนี้ไป กมธ.นิรโทษกรรมมีความเห็นตรงกันที่จะรวมคดี ม.112 เปิดประตูให้ทุกคนเข้ามาสู่ในกระบวนการ แต่จะมีการนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไขหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ อย่างน้อยต้องเปิดโอกาสก่อน อย่าเพิ่งปิดประตู
"ศุภโชติ-ก้าวไกล" ชี้ความเป็นไปได้ค่าไฟทะลุ 6 บาท
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_747294/
“ศุภโชติ-ก้าวไกล””ชี้ความเป็นไปได้ค่าไฟทะลุ 6 บาท ผลพวงมาตรการยืดหนี้ รัฐเอื้อทุนพลังงานก๊าซธรรรมชาติทำกำไร ละเลยแก้โครงสร้าง แนะระยะสั้น ตั้งงบกลางช่วยเหลือค่าไฟประชาชน
นาย
ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศอัตราค่าไฟสำหรับเดือนกันยายน –ธันวาคม 2567 ไว้ที่ 4.65 บาทต่อหน่วยในกรณีที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุด 6.01 บาทต่อหน่วยว่า ที่ค่าไฟต่อหน่วยเป็นแบบนี้ เกิดจากมาตรการยืดหนี้ของรัฐบาลที่ให้ทั้ง กฟผ. และ ปตท. แบกหนี้ต้นทุนค่าไฟในงวดที่ผ่านๆ มากว่า 114,000 ล้านบาท ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่ ประชาชนต้องชำระเงินคืนเจ้าหนี้ โดย 2 หน่วยงานดังกล่าวทำหนังสือถึง กกพ. ขอให้ขึ้นค่าไฟ ทั้งที่ต้นทุนค่าไฟที่แท้จริงที่ประชาชนควรได้รับอยู่ที่ 4.12 บาทต่อหน่วย ปรับขึ้นจากงวดก่อนเนื่องจากราคาก๊าซโลกเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ สิ่งที่เราเรียกร้องมาตลอด คือการมีมาตรการที่ส่งผลอย่างยั่งยืน ถึงแม้รัฐบาลจะทำตามสิ่งที่เราเรียกร้องข้อแรกอย่างมาตรการการถัวเฉลี่ยราคาก๊าซธรรมชาติ โดยนำก๊าซธรรมชาติราคาถูกที่ปกติขายให้กับกลุ่มปิโตรเคมีอย่างเดียว มาถัวเฉลี่ยต้นทุนกับก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพง แต่ยังมีอีกหลายมาตรการที่รัฐบาลทำได้ผ่านการทำผ่านงบประมาณแผ่นดิน เช่น การตั้งงบกลางเพื่อช่วยเหลือค่าไฟในยามฉุกเฉิน สนับสนุนพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์สำหรับประชาชน หรือการกล้าเข้าไปเจรจาแก้ไขสัญญาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้วไม่ได้ใช้ เพื่อลดค่าความพร้อมจ่าย
แม้การตอบกระทู้สดของนายกฯ ล่าสุด เสมือนยอมรับว่าจะอั้นงบกลางไว้ทำดิจิทัลวอลเล็ตตอนปลายปี แต่เห็นความเดือดร้อนของประชาชนแบบนี้ ท่านควรทบทวนให้ความสำคัญกับปัญหาที่เห็นตรงหน้า ไม่ควรปล่อยผ่านให้ประชาชนรอต่อไป
นอกจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้มีความพยายามแก้ไขปัญหาค่าไฟแพงแล้ว หนำซ้ำตอนนี้ยังพยายามทำให้ปัญหาแย่ลงอีกในระยะยาว เพราะการที่ค่าไฟของพี่น้องประชาชนขึ้น ๆ ลง ๆ มาจากการวางแผนที่ผิดพลาดในอดีต ผ่านการทำแผนพลังงานชาติฉบับก่อนๆ ที่ผลักประเทศให้พึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่มีความผันผวนด้านราคา ซึ่งถ้ารัฐบาลมีความตั้งใจจะแก้ไขปัญหานี้ ต้องมีการสะท้อนออกมาผ่านร่างแผนพลังงานชาติฉบับใหม่ หรือ PDP 2024
แต่ตัวร่างที่เพิ่งออกมา กลับแสดงให้เห็นปัญหาเดิม ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก เช่น การคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าความเป็นจริง จนส่งผลให้มีโรงไฟฟ้าเยอะเกิน โรงไฟฟ้าใหม่ก็เน้นสร้างแต่โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่เรามีตัวเลือกโรงไฟฟ้าประเภทอื่นที่ราคาถูกกว่าและปล่อยมลพิษน้อยกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้งในการทำแผน ยังคงยึดติดกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีราคาผันผวน และเป็นที่ทราบกันดีว่ามีกลุ่มทุนเจ้าใหญ่ได้ประโยชน์จากแนวทางนี้
ปัญหาราคาค่าไฟ ค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องวิกฤต รัฐบาลต้องเร่งทำมาตรการระยะสั้นอื่น ๆ เหมือนที่ตนได้เสนอไป พร้อมกับวางแผนระยะยาวที่ถูกต้อง โปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่อย่างนั้นประชาชนจะมองว่ารัฐบาลไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากบทเรียนในอดีต กลับมุ่งแต่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานทำกำไร จากการจำกัดทางเลือกให้ประเทศ ใช้แต่ไฟฟ้าที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งสุดท้ายผลกระทบก็มาตกกับประชาชนผ่านบิลค่าไฟ
ชาวบ้านร้องโฮ ค่าไฟจ่อขึ้น 6 บาทต่อหน่วย ลั่นลดไม่ได้ก็อย่าเพิ่มอีก
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/408792
ผู้ประกอบการยันชาวบ้านร้องโฮ ค่าไฟปลายปีจ่อขึ้นสูงสุด 6 บาทต่อหน่วย เผยลดไม่ได้ก็อย่าเพิ่มอีก เพราะต้องรัดเข็มขัดค่าใช้จ่าย
วันนี้ (17 ก.ค. 2567) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่อุทัยธานีสอบถามความคิดเห็นกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยในหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าในการประกอบอาชีพของตัวเองเป็นหลักด้วยเช่นกัน ตลอดจนกลุ่มประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนต่างๆ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ สำนักงาน กกพ. เคาะ 3 ทางเลือกปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) งวดปลายปี หลังจากมีการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา พิจารณาอัตราค่า Ft งวดปลายปี (ก.ย.-ธ.ค.2567) พบว่า ต้นทุนค่าไฟจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 46-182 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟงวดปลายปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 4.65-6.01 บาทต่อหน่วย จากค่าไฟงวดก่อนหน้าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
นาง
จงกล นิ่มพระยา อายุ 60 ปี เจ้าของร้านปิยะวัฒน์ มินิมาร์ท ร้านขายของชำขนาดใหญ่ในพื้นที่หมู่ 6 ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี กล่าวว่า ปกติที่ร้านจะจ่ายค่าไฟเฉลี่ยเดือนละประมาณ 6,000 กว่าบาท สูงสุดเกือบ 10,000 บาท เนื่องจากที่ร้านใช้ไฟฟ้าตลอดทั้งวัน เพราะมีตู้แช่อาหาร ตู้แช่น้ำดื่ม เครื่องดื่ม และตู้แช่ไอติม รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ตู้ ยังไม่รวมไฟส่องสว่างในร้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ต้องใช้อีก หากปรับไฟฟ้าขึ้นมาอีกและถ้ายิ่งขึ้นมาถึงหน่วยละ 6 บาท ขึ้นมาจริงๆ ที่ร้านคงจะแย่พอสมควร เพราะค่าไฟฟ้าน่าจะพุ่งไปเป็นเดือนละหลักหมื่นบาทอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ยอดขายร้านค้าแทบทุกร้านก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน เพราะชาวบ้านต่างต้องลดค่าใช้จ่าย ซื้อแค่ของที่จำเป็นต้องกินใช้ตามกำลังกันเท่านั้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทางรัฐบาลช่วยประคองค่าไฟไม่ให้เพิ่มขึ้น หากลดลงกว่านี้ไม่ได้ก็ขอให้ช่วยคงไว้ที่หน่วยละ 4 บาทก็ยังดี
ด้านชาวบ้านในพื้นที่ ที่เดินทางมาซื้อของกินใช้ที่ร้านค้าดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงนี้ต้องรัดเข็มขัด ซื้อแค่ของกินใช้ที่จำเป็น หากค่าไฟฟ้าปรับขึ้นก็คงจะลำบาก เพราะปัจจุบันที่บ้านก็เสียค่าไฟฟ้ากันที่ประมาณเดือนละ 400-500 บาท บางบ้านก็เดือนละหลักพันบาท หากขึ้นไปถึง 6 บาทจริง ค่าไฟฟ้าที่บ้านก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกหลายร้อยบาทกันเลยทีเดียว หากเป็นไปได้ก็อยากให้คงราคาเดิมไว้ เพราะทุกวันนี้ลำบากกันมาก แค่กาแฟซองยังต้องซื้อทีละ 20 บาทกันแล้ว
JJNY : พอแล้ว 20ปีจมอยู่กับความขัดแย้ง│ก้าวไกลชี้ความเป็นไปได้ค่าไฟทะลุ 6บ.│ค่าไฟลดไม่ได้ก็อย่าเพิ่ม│'IMF'คาดการณ์จีดีพี
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4684903
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X ใบตองแห้ง อธึกกิต แสวงสุข สัมภาษณ์พิเศษ ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.พรรคก้าวไกล ย้ำนักโทษทางการเมืองทุกคนต้องได้รับการนิรโทษกรรม เพราะยืดเยื้อมา 20 ปีแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุติความขัดแย้ง คืนความสงบสุข ดังนั้นเราจะทิ้งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ ความขัดแย้งตั้งแต่เสื้อเหลืองเสื้อแดง เหตุการณ์อื่นจบไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงขัดแย้งอยู่ในปัจจุบันคือคดี ม.112 ถ้าเราไม่รวม ม.112 เหมือนเราทิ้งคนกลุ่มหนึ่งในยุคนี้ไป กมธ.นิรโทษกรรมมีความเห็นตรงกันที่จะรวมคดี ม.112 เปิดประตูให้ทุกคนเข้ามาสู่ในกระบวนการ แต่จะมีการนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไขหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ อย่างน้อยต้องเปิดโอกาสก่อน อย่าเพิ่งปิดประตู
"ศุภโชติ-ก้าวไกล" ชี้ความเป็นไปได้ค่าไฟทะลุ 6 บาท
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_747294/
“ศุภโชติ-ก้าวไกล””ชี้ความเป็นไปได้ค่าไฟทะลุ 6 บาท ผลพวงมาตรการยืดหนี้ รัฐเอื้อทุนพลังงานก๊าซธรรรมชาติทำกำไร ละเลยแก้โครงสร้าง แนะระยะสั้น ตั้งงบกลางช่วยเหลือค่าไฟประชาชน
นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศอัตราค่าไฟสำหรับเดือนกันยายน –ธันวาคม 2567 ไว้ที่ 4.65 บาทต่อหน่วยในกรณีที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุด 6.01 บาทต่อหน่วยว่า ที่ค่าไฟต่อหน่วยเป็นแบบนี้ เกิดจากมาตรการยืดหนี้ของรัฐบาลที่ให้ทั้ง กฟผ. และ ปตท. แบกหนี้ต้นทุนค่าไฟในงวดที่ผ่านๆ มากว่า 114,000 ล้านบาท ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่ ประชาชนต้องชำระเงินคืนเจ้าหนี้ โดย 2 หน่วยงานดังกล่าวทำหนังสือถึง กกพ. ขอให้ขึ้นค่าไฟ ทั้งที่ต้นทุนค่าไฟที่แท้จริงที่ประชาชนควรได้รับอยู่ที่ 4.12 บาทต่อหน่วย ปรับขึ้นจากงวดก่อนเนื่องจากราคาก๊าซโลกเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ สิ่งที่เราเรียกร้องมาตลอด คือการมีมาตรการที่ส่งผลอย่างยั่งยืน ถึงแม้รัฐบาลจะทำตามสิ่งที่เราเรียกร้องข้อแรกอย่างมาตรการการถัวเฉลี่ยราคาก๊าซธรรมชาติ โดยนำก๊าซธรรมชาติราคาถูกที่ปกติขายให้กับกลุ่มปิโตรเคมีอย่างเดียว มาถัวเฉลี่ยต้นทุนกับก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพง แต่ยังมีอีกหลายมาตรการที่รัฐบาลทำได้ผ่านการทำผ่านงบประมาณแผ่นดิน เช่น การตั้งงบกลางเพื่อช่วยเหลือค่าไฟในยามฉุกเฉิน สนับสนุนพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์สำหรับประชาชน หรือการกล้าเข้าไปเจรจาแก้ไขสัญญาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้วไม่ได้ใช้ เพื่อลดค่าความพร้อมจ่าย
แม้การตอบกระทู้สดของนายกฯ ล่าสุด เสมือนยอมรับว่าจะอั้นงบกลางไว้ทำดิจิทัลวอลเล็ตตอนปลายปี แต่เห็นความเดือดร้อนของประชาชนแบบนี้ ท่านควรทบทวนให้ความสำคัญกับปัญหาที่เห็นตรงหน้า ไม่ควรปล่อยผ่านให้ประชาชนรอต่อไป
นอกจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้มีความพยายามแก้ไขปัญหาค่าไฟแพงแล้ว หนำซ้ำตอนนี้ยังพยายามทำให้ปัญหาแย่ลงอีกในระยะยาว เพราะการที่ค่าไฟของพี่น้องประชาชนขึ้น ๆ ลง ๆ มาจากการวางแผนที่ผิดพลาดในอดีต ผ่านการทำแผนพลังงานชาติฉบับก่อนๆ ที่ผลักประเทศให้พึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่มีความผันผวนด้านราคา ซึ่งถ้ารัฐบาลมีความตั้งใจจะแก้ไขปัญหานี้ ต้องมีการสะท้อนออกมาผ่านร่างแผนพลังงานชาติฉบับใหม่ หรือ PDP 2024
แต่ตัวร่างที่เพิ่งออกมา กลับแสดงให้เห็นปัญหาเดิม ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก เช่น การคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าความเป็นจริง จนส่งผลให้มีโรงไฟฟ้าเยอะเกิน โรงไฟฟ้าใหม่ก็เน้นสร้างแต่โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่เรามีตัวเลือกโรงไฟฟ้าประเภทอื่นที่ราคาถูกกว่าและปล่อยมลพิษน้อยกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้งในการทำแผน ยังคงยึดติดกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีราคาผันผวน และเป็นที่ทราบกันดีว่ามีกลุ่มทุนเจ้าใหญ่ได้ประโยชน์จากแนวทางนี้
ปัญหาราคาค่าไฟ ค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องวิกฤต รัฐบาลต้องเร่งทำมาตรการระยะสั้นอื่น ๆ เหมือนที่ตนได้เสนอไป พร้อมกับวางแผนระยะยาวที่ถูกต้อง โปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่อย่างนั้นประชาชนจะมองว่ารัฐบาลไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากบทเรียนในอดีต กลับมุ่งแต่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานทำกำไร จากการจำกัดทางเลือกให้ประเทศ ใช้แต่ไฟฟ้าที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งสุดท้ายผลกระทบก็มาตกกับประชาชนผ่านบิลค่าไฟ
ชาวบ้านร้องโฮ ค่าไฟจ่อขึ้น 6 บาทต่อหน่วย ลั่นลดไม่ได้ก็อย่าเพิ่มอีก
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/408792
ผู้ประกอบการยันชาวบ้านร้องโฮ ค่าไฟปลายปีจ่อขึ้นสูงสุด 6 บาทต่อหน่วย เผยลดไม่ได้ก็อย่าเพิ่มอีก เพราะต้องรัดเข็มขัดค่าใช้จ่าย
วันนี้ (17 ก.ค. 2567) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่อุทัยธานีสอบถามความคิดเห็นกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยในหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าในการประกอบอาชีพของตัวเองเป็นหลักด้วยเช่นกัน ตลอดจนกลุ่มประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนต่างๆ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ สำนักงาน กกพ. เคาะ 3 ทางเลือกปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) งวดปลายปี หลังจากมีการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา พิจารณาอัตราค่า Ft งวดปลายปี (ก.ย.-ธ.ค.2567) พบว่า ต้นทุนค่าไฟจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 46-182 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟงวดปลายปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 4.65-6.01 บาทต่อหน่วย จากค่าไฟงวดก่อนหน้าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
นางจงกล นิ่มพระยา อายุ 60 ปี เจ้าของร้านปิยะวัฒน์ มินิมาร์ท ร้านขายของชำขนาดใหญ่ในพื้นที่หมู่ 6 ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี กล่าวว่า ปกติที่ร้านจะจ่ายค่าไฟเฉลี่ยเดือนละประมาณ 6,000 กว่าบาท สูงสุดเกือบ 10,000 บาท เนื่องจากที่ร้านใช้ไฟฟ้าตลอดทั้งวัน เพราะมีตู้แช่อาหาร ตู้แช่น้ำดื่ม เครื่องดื่ม และตู้แช่ไอติม รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ตู้ ยังไม่รวมไฟส่องสว่างในร้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ต้องใช้อีก หากปรับไฟฟ้าขึ้นมาอีกและถ้ายิ่งขึ้นมาถึงหน่วยละ 6 บาท ขึ้นมาจริงๆ ที่ร้านคงจะแย่พอสมควร เพราะค่าไฟฟ้าน่าจะพุ่งไปเป็นเดือนละหลักหมื่นบาทอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ยอดขายร้านค้าแทบทุกร้านก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน เพราะชาวบ้านต่างต้องลดค่าใช้จ่าย ซื้อแค่ของที่จำเป็นต้องกินใช้ตามกำลังกันเท่านั้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทางรัฐบาลช่วยประคองค่าไฟไม่ให้เพิ่มขึ้น หากลดลงกว่านี้ไม่ได้ก็ขอให้ช่วยคงไว้ที่หน่วยละ 4 บาทก็ยังดี
ด้านชาวบ้านในพื้นที่ ที่เดินทางมาซื้อของกินใช้ที่ร้านค้าดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงนี้ต้องรัดเข็มขัด ซื้อแค่ของกินใช้ที่จำเป็น หากค่าไฟฟ้าปรับขึ้นก็คงจะลำบาก เพราะปัจจุบันที่บ้านก็เสียค่าไฟฟ้ากันที่ประมาณเดือนละ 400-500 บาท บางบ้านก็เดือนละหลักพันบาท หากขึ้นไปถึง 6 บาทจริง ค่าไฟฟ้าที่บ้านก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกหลายร้อยบาทกันเลยทีเดียว หากเป็นไปได้ก็อยากให้คงราคาเดิมไว้ เพราะทุกวันนี้ลำบากกันมาก แค่กาแฟซองยังต้องซื้อทีละ 20 บาทกันแล้ว