**กระทู้ไม่มีเจตนาปั่นหุ้นหรืออะไร โปรดใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ เพราะหุ้นแต่ล่ะตัวมีปัจจัยแตกต่างกันออกไปครับ**
เมื่อการปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1870 - 1914 นั้น ได้มีการใช้ พลังงานไฟฟ้า พลังงานน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติอย่างแพร่หลาย จากกนั้นนำมาซึ่งการเติบโตพลังงานไม่สิ้นสุดที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนคือ "พลังงานไฟฟ้า" ที่ใช้กันทั่วโลก
ภาคการผลิตพลังงานไฟฟ้านั้นหรือ Electricity เกิดจากการความร้อนsหรืออื่นๆเปลี่ยนรูปพลังงานเป็นความต่างศักย์ของอิเล็กตรอนหรือการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ประโยชย์ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง สมัยก่อนเราใช้การผลิตไฟฟ้า จากการเชื้อเพลิง fossil เป็นหลัก คือ น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, ถ่านหิน ซึ่งการเผาจากการผลิตไฟฟ้าส่วนนี้มันมาซึ่งการปล่อยก๊าซ CO2 ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จริงๆแล้วสัดส่วนการปล่อย CO2 ไม่ได้มาภาคการผลิตไฟฟ้าอย่างเดียว แต่ยังมาจาก "การเผาไหม้จากการสันดาปการขนส่งด้วย" หรือ Transportation เช่น ภาครถยนต์, มอเตอร์ไซด์, รถบรรทุก, การขนส่งทางเรือ มีการปล่อย CO2 ออกมาอย่างมหาศาล
ซึ่งการปล่อย CO2 ในปี 2023 มีคาดว่ามีการปล่อย CO2 ปริมาณประมาณ 37 พันล้านตัน ทีเดียวซึ่งยังคิดเป็นอัตราการเติบโต 1.1% เมื่อเทียบกับปี 2022
การปล่อย CO2 ปริมาณมากจะมีผลต่อโรคร้อนหรือก๊าซเรือนกระจกอย่างไม่ต้องสงสัยซึงจะกระทบกันทั่วทั้งโลก ซึ่งข้อตกลง Paris Agreementจึงได้กำหนดตั้งเป้าให้เราบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี พ.ศ.2593 (Net Zero Emission)
ซึ่งที่สามารถลดการปล่อย CO2 แต่ยังมีพลังงานใช้อยู่ เช่น พลังงานไฟฟ้า, พลังงานความร้อน นั้นก็คือ "พลังงานสะอาด"
พลังงานสะอาด Renewable Energy ไม่เพียงแต่ได้มาฟรีๆเท่านั้นแต่ยังสามารถลดการปลดปล่อย CO2 จากการใช้ fossil ได้อีกด้วย พลังงานสะอาดที่เป็นที่นิยมหลักๆของโลกคือ พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานน้ำ เป็นต้น
การตื่นตัว ความกลัวโลกร้อน การปล่อย CO2 การทำลายมลพิษเปรียบเสมือนการทำลายลูกหลานของเราเองในอนาคต ดังนั้นจึงเกิดความตื่นกลัว การใช้พลังงานสะอาดต่างๆทั่วโลกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ เช่น จีน, สหรัฐ, ยุโรป
จากข้อมูล IEA พบว่าประเทศใหญ่ๆมีการลงทุนการใช้พลังงานทดแทนอย่างมหาศาล เช่น จีน, สหรัฐ, ยุโรป การคาดการณ์จาก IEA คาดว่าปี 2030 จะมีการผลิตพลังงานสะอาดสะสมถึง 11,000 GW โดยส่วนใหญ่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
"ก้าวข้ามขีดจำกัดพลังงานสะอาด" จุดอ่อนของพลังงานสะอาดคือความไม่ต่อเนื่องของพลังงานที่ได้รับ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ที่รับได้ส่วนใหญ่เฉพาะตอนกลางวัน, ความไม่สม่ำเสมอของลม ซึ่งเทคโนโลนีได้ทำบรรเทาจุดอ่อนนี้จากตัวเก็บประจุหรือ Energy Storage System และน่าแปลกใจที่ประเทศจีนเป็นผู้นำบทบาทในเทคโนโลยีครั้งนี้ นอกจาก แบตเตอรี่ไฟฟ้าแล้ว
ระบบกักเก็บพลังงาน | Global Power Synergy Public Company Limited (GPSC)
"เมื่อพลังงานสะอาดสามารถผลิต Hydrogen ได้" ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนการจากแยกตัวของน้ำ Electrolysis of Water เช่น เครื่อง Alkaline Electrolyzers, Proton Exchange Membrane (PEM) Electrolyzers เป็นต้น ซึ่งการพัฒนากำลังจะให้มีราคาถูกลงที่พร้อมแข่งขันได้
ซึ่งไฮโดรเจนที่มีอยู่มากมายมหาศาลทั่วโลกนั่น สามารถนำไปแปรรูปได้หลายรูปแบบ เช่น
- พลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ Engine หรือรถไฟฟ้าเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถใช้ได้ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า, เรือ, รถบรรทุกหนักอื่นๆได้ ข้อดีคือสามารถเติบได้อย่างรวดเร็วและมีระยะเดินทางที่ไกล (เหมือนน้ำมัน) ซึ่งสามารถนำมาใช้ทดแทนพลังงาน fossil หรือน้ำมันได้ในอนาคิต
- ไฮโดรเจน สามารถเปลี่ยนรูปเป็นแอมโมเนีย NH3 มีบทวิจัยต่างๆสนับสนุนการเปลี่ยนรูปพลังงานไฮโดรเจนเป็นแอมโนเนีย เพื่อใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น การนำไปผลิตปุ๋ย, การใช้ในอุตสาหกรรมเคมี, เป็นต้น
- ไฮโดรเจน ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอนาคต ถ้าเราสามารถผลิตโฮโดรเจนได้จากพลังงานสะอาดแล้ว เราจะมีพลังงานเหลือเฟือโดยที่ไม่มีการปล่อย CO2 ที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แล้ว ไฮโดรเจน ยังเป็นธาตุที่สำคัญ ธาตุพื้นฐานของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอีกด้วย เพราะเทคโนโลยีในอนาคตจะมีการจับลด CO2 จากการจับ Carbon Capture ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได ้
Hydrogen for the Petrochemical Sector | A Linde Company
Redeem helps the petrochemical industry transition to renewable energy and gain competitiveness. — Redeem Solar Technologies
ดังนั้นแล้วการผลิตพลังงานสะอาด ไม่เพียงแต่จะลดการปล่อย CO2 จากพลังงาน fossil เท่านั้น พลังงานสะอาดนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ เป็นเชื้อเพลิงสะอาดได้อีกด้วยคือ Green Hydrogen, การผลิตแอมโมเนียซึ่งเป็นสารกึ่งการนำไปประยุกษ์ได้หลายอย่าง Green Ammonia, การผลิตปุ๋ยจากพลังงานสะอาดให้เกษตร Green Urea เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว ไฮโดรเจนยังเป็นธาตุพื้นฐานที่สำคัญของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอนาคตอีกด้วย
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดระยะยาวสามารถลดต้นทุนที่ถูกลงเพื่อให้ตลาดสามารถแข็งขันได้ ที่สำคัญการลดปล่อย CO2 จะทำให้โลกเราหน้าอยู่มากขึ้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่ออนาคตของลูกหลานต่อไป
อนาคต Renewable Energy - การปฎิวัติอุตสาหกรรมเมื่อเทคโนโลยีพลังงานสะอาดกำลังก้าวเข้าไปสู่ห่วงโซ่อุปทานปิโตรเคมี
เมื่อการปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1870 - 1914 นั้น ได้มีการใช้ พลังงานไฟฟ้า พลังงานน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติอย่างแพร่หลาย จากกนั้นนำมาซึ่งการเติบโตพลังงานไม่สิ้นสุดที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนคือ "พลังงานไฟฟ้า" ที่ใช้กันทั่วโลก
ภาคการผลิตพลังงานไฟฟ้านั้นหรือ Electricity เกิดจากการความร้อนsหรืออื่นๆเปลี่ยนรูปพลังงานเป็นความต่างศักย์ของอิเล็กตรอนหรือการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ประโยชย์ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง สมัยก่อนเราใช้การผลิตไฟฟ้า จากการเชื้อเพลิง fossil เป็นหลัก คือ น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, ถ่านหิน ซึ่งการเผาจากการผลิตไฟฟ้าส่วนนี้มันมาซึ่งการปล่อยก๊าซ CO2 ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จริงๆแล้วสัดส่วนการปล่อย CO2 ไม่ได้มาภาคการผลิตไฟฟ้าอย่างเดียว แต่ยังมาจาก "การเผาไหม้จากการสันดาปการขนส่งด้วย" หรือ Transportation เช่น ภาครถยนต์, มอเตอร์ไซด์, รถบรรทุก, การขนส่งทางเรือ มีการปล่อย CO2 ออกมาอย่างมหาศาล
ซึ่งการปล่อย CO2 ในปี 2023 มีคาดว่ามีการปล่อย CO2 ปริมาณประมาณ 37 พันล้านตัน ทีเดียวซึ่งยังคิดเป็นอัตราการเติบโต 1.1% เมื่อเทียบกับปี 2022
การปล่อย CO2 ปริมาณมากจะมีผลต่อโรคร้อนหรือก๊าซเรือนกระจกอย่างไม่ต้องสงสัยซึงจะกระทบกันทั่วทั้งโลก ซึ่งข้อตกลง Paris Agreementจึงได้กำหนดตั้งเป้าให้เราบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี พ.ศ.2593 (Net Zero Emission)
ซึ่งที่สามารถลดการปล่อย CO2 แต่ยังมีพลังงานใช้อยู่ เช่น พลังงานไฟฟ้า, พลังงานความร้อน นั้นก็คือ "พลังงานสะอาด"
พลังงานสะอาด Renewable Energy ไม่เพียงแต่ได้มาฟรีๆเท่านั้นแต่ยังสามารถลดการปลดปล่อย CO2 จากการใช้ fossil ได้อีกด้วย พลังงานสะอาดที่เป็นที่นิยมหลักๆของโลกคือ พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานน้ำ เป็นต้น
การตื่นตัว ความกลัวโลกร้อน การปล่อย CO2 การทำลายมลพิษเปรียบเสมือนการทำลายลูกหลานของเราเองในอนาคต ดังนั้นจึงเกิดความตื่นกลัว การใช้พลังงานสะอาดต่างๆทั่วโลกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ เช่น จีน, สหรัฐ, ยุโรป
จากข้อมูล IEA พบว่าประเทศใหญ่ๆมีการลงทุนการใช้พลังงานทดแทนอย่างมหาศาล เช่น จีน, สหรัฐ, ยุโรป การคาดการณ์จาก IEA คาดว่าปี 2030 จะมีการผลิตพลังงานสะอาดสะสมถึง 11,000 GW โดยส่วนใหญ่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
"ก้าวข้ามขีดจำกัดพลังงานสะอาด" จุดอ่อนของพลังงานสะอาดคือความไม่ต่อเนื่องของพลังงานที่ได้รับ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ที่รับได้ส่วนใหญ่เฉพาะตอนกลางวัน, ความไม่สม่ำเสมอของลม ซึ่งเทคโนโลนีได้ทำบรรเทาจุดอ่อนนี้จากตัวเก็บประจุหรือ Energy Storage System และน่าแปลกใจที่ประเทศจีนเป็นผู้นำบทบาทในเทคโนโลยีครั้งนี้ นอกจาก แบตเตอรี่ไฟฟ้าแล้ว
ระบบกักเก็บพลังงาน | Global Power Synergy Public Company Limited (GPSC)
"เมื่อพลังงานสะอาดสามารถผลิต Hydrogen ได้" ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนการจากแยกตัวของน้ำ Electrolysis of Water เช่น เครื่อง Alkaline Electrolyzers, Proton Exchange Membrane (PEM) Electrolyzers เป็นต้น ซึ่งการพัฒนากำลังจะให้มีราคาถูกลงที่พร้อมแข่งขันได้
ซึ่งไฮโดรเจนที่มีอยู่มากมายมหาศาลทั่วโลกนั่น สามารถนำไปแปรรูปได้หลายรูปแบบ เช่น
- พลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ Engine หรือรถไฟฟ้าเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถใช้ได้ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า, เรือ, รถบรรทุกหนักอื่นๆได้ ข้อดีคือสามารถเติบได้อย่างรวดเร็วและมีระยะเดินทางที่ไกล (เหมือนน้ำมัน) ซึ่งสามารถนำมาใช้ทดแทนพลังงาน fossil หรือน้ำมันได้ในอนาคิต
- ไฮโดรเจน สามารถเปลี่ยนรูปเป็นแอมโมเนีย NH3 มีบทวิจัยต่างๆสนับสนุนการเปลี่ยนรูปพลังงานไฮโดรเจนเป็นแอมโนเนีย เพื่อใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น การนำไปผลิตปุ๋ย, การใช้ในอุตสาหกรรมเคมี, เป็นต้น
- ไฮโดรเจน ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอนาคต ถ้าเราสามารถผลิตโฮโดรเจนได้จากพลังงานสะอาดแล้ว เราจะมีพลังงานเหลือเฟือโดยที่ไม่มีการปล่อย CO2 ที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แล้ว ไฮโดรเจน ยังเป็นธาตุที่สำคัญ ธาตุพื้นฐานของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอีกด้วย เพราะเทคโนโลยีในอนาคตจะมีการจับลด CO2 จากการจับ Carbon Capture ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได ้
Hydrogen for the Petrochemical Sector | A Linde Company
Redeem helps the petrochemical industry transition to renewable energy and gain competitiveness. — Redeem Solar Technologies
ดังนั้นแล้วการผลิตพลังงานสะอาด ไม่เพียงแต่จะลดการปล่อย CO2 จากพลังงาน fossil เท่านั้น พลังงานสะอาดนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ เป็นเชื้อเพลิงสะอาดได้อีกด้วยคือ Green Hydrogen, การผลิตแอมโมเนียซึ่งเป็นสารกึ่งการนำไปประยุกษ์ได้หลายอย่าง Green Ammonia, การผลิตปุ๋ยจากพลังงานสะอาดให้เกษตร Green Urea เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว ไฮโดรเจนยังเป็นธาตุพื้นฐานที่สำคัญของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอนาคตอีกด้วย
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดระยะยาวสามารถลดต้นทุนที่ถูกลงเพื่อให้ตลาดสามารถแข็งขันได้ ที่สำคัญการลดปล่อย CO2 จะทำให้โลกเราหน้าอยู่มากขึ้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่ออนาคตของลูกหลานต่อไป