“นิ่วในถุงน้ำดี” เป็นโรคมักจะเกิดจากคอเลสเตอรอลที่หลงเหลือจากการละลายของร่างกายจนตกตะกอนรวมเป็นก้อน หากปล่อยให้มีก้อนสะสมเป็นเวลานานอาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา เช่น ถุงน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ มะเร็งท่อน้ำดี รวมไปถึงการติดเชื้อในกระแสเลือด ดังนั้นการรักษานิ่วในถุงน้ำดีที่ได้ประสิทธิภาพที่สุดนั่นคือ “การผ่าตัด”
การรักษานิ่วในถุงน้ำดีด้วยการผ่าตัดมีอะไรบ้าง
การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมี 2 แบบ ได้แก่
ผ่าตัดแบบเปิดแผล
- เป็นวิธีการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการนิ่วในถุงน้ำดีอักเสบมาก หรือมีภาวะเป็นหนอง โดยการเปิดช่องท้องบริเวณใต้ชายโครงด้านขวายาวประมาณ 6 –7 เซนติเมตรโดยเฉลี่ย การผ่าตัดวิธีนี้ผู้ป่วยจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 4 วัน และต้องพักฟื้นหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์
ผ่าตัดแบบผ่านกล้อง
- จะเป็นการผ่าตัดที่เจาะเป็นแผลเล็ก ๆ ขนาด 0.5-1 เซนติเมตร ไม่เกิน 4 จุด เพื่อสอดอุปกรณ์ และกล้องเข้าไป ซึ่งการผ่าตัดวิธีนี้จะให้ผลเทียบเท่ากับการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง แต่จะใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า เพราะแผลจะหายไวกว่า
ความแตกต่างในการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี แบบเปิดแผลกับแบบผ่านกล้อง
ผ่าตัดแบบเปิดแผล
- ปัจจุบันใช้ในกรณีการผ่าตัดถุงน้ำดีที่มีอาการอักเสบมาก หรือแตกทะลุในช่องท้อง
- พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลประมาณ 7-10 วัน
- พักฟื้นหลังผ่าตัดประมาณ 1 เดือน
ผ่าตัดแบบผ่านกล้อง
- เจาะรูเล็ก ๆ บริเวณหน้าท้อง 4 แห่ง
- ขนาดของรูประมาณ 0.5 เซนติเมตร 3 ตำแหน่ง และขนาด 1 เซนติเมตรที่สะดือ 1 ตำแหน่ง
- อาการปวดแผลหลังผ่าตัดน้อยกว่า
- พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน
- พักฟื้นหลังผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์
- แผลเล็ก ดูแลง่าย และมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่า
เมื่อไหร่ที่ควรเข้ารับการผ่าตัด
- เมื่อพบว่าผู้ป่วยมีอาการอักเสบ โดยพิจารณาตามเงื่อนไข ดังนี้
- มีอาการภายใน 72 ชั่วโมง ผู้ป่วยเข้ามาพบแพทย์ และไม่มีข้อห้าม หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้เลย
- ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง หรือมีโรคประจำตัว แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะก่อน และจะพิจารณาผ่าตัดทีหลัง
- ผู้ป่วยที่มีอาการมากกว่า 27 ชั่วโมง แพทย์อาจจะให้ยาปฏิชีวนะก่อน หากไม่ดีขึ้นจึงจะนัดหมายเพื่อผ่าตัดทีหลัง
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดถุงน้ำดี
- งดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- งดการดื่มแอลกอฮอล์
- งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำควรนำตัวยามาที่โรงพยาบาลด้วย เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่าจะต้องงดยานั้นหรือไม่
ข้อควรปฏิบัติหลังการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
- ระมัดระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำ
- พยายามหลีกเลี่ยงการยกของหนัก เพราะอาจจะทำให้แผลเกิดฉีก หรือปริได้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องอืด ย่อยยาก
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมัน และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
ทานยาสลายนิ่วแทนการผ่าตัดได้หรือไม่
- แม้ในเบื้องต้น หากพบว่าผู้ป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดีในระยะเริ่มแรก และยังไม่มีอาการ แพทย์จะให้ทานยาเพื่อสลายนิ่วได้ แต่เนื่องจากโรคนิ่วที่คนไทยเป็นส่วนใหญ่นั้นมักจะเกิดจากก้อนคอเลสเตอรอล จึงส่งผลให้การรักษาด้วยการทานยาอาจไม่ได้ผล และการรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน เมื่อหยุดยาอาจจะทำให้เกิดนิ่วซ้ำได้อีกนั่นเอง
ผ่าตัดถุงน้ำดีที่โรงพยาบาลเพชรเวช
- โรคนิ่วในถุงน้ำดีหากเกิดอาการจะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลเพชรเวชได้มีบริการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้องด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อตรวจวินิจฉัย และรักษาผู้ป่วยให้มีความปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การผ่าตัด กับการรักษานิ่วในถุงน้ำดี
การรักษานิ่วในถุงน้ำดีด้วยการผ่าตัดมีอะไรบ้าง
การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมี 2 แบบ ได้แก่
ผ่าตัดแบบเปิดแผล
- เป็นวิธีการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการนิ่วในถุงน้ำดีอักเสบมาก หรือมีภาวะเป็นหนอง โดยการเปิดช่องท้องบริเวณใต้ชายโครงด้านขวายาวประมาณ 6 –7 เซนติเมตรโดยเฉลี่ย การผ่าตัดวิธีนี้ผู้ป่วยจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 4 วัน และต้องพักฟื้นหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์
ผ่าตัดแบบผ่านกล้อง
- จะเป็นการผ่าตัดที่เจาะเป็นแผลเล็ก ๆ ขนาด 0.5-1 เซนติเมตร ไม่เกิน 4 จุด เพื่อสอดอุปกรณ์ และกล้องเข้าไป ซึ่งการผ่าตัดวิธีนี้จะให้ผลเทียบเท่ากับการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง แต่จะใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า เพราะแผลจะหายไวกว่า
ความแตกต่างในการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี แบบเปิดแผลกับแบบผ่านกล้อง
ผ่าตัดแบบเปิดแผล
- ปัจจุบันใช้ในกรณีการผ่าตัดถุงน้ำดีที่มีอาการอักเสบมาก หรือแตกทะลุในช่องท้อง
- พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลประมาณ 7-10 วัน
- พักฟื้นหลังผ่าตัดประมาณ 1 เดือน
ผ่าตัดแบบผ่านกล้อง
- เจาะรูเล็ก ๆ บริเวณหน้าท้อง 4 แห่ง
- ขนาดของรูประมาณ 0.5 เซนติเมตร 3 ตำแหน่ง และขนาด 1 เซนติเมตรที่สะดือ 1 ตำแหน่ง
- อาการปวดแผลหลังผ่าตัดน้อยกว่า
- พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลประมาณ 1-2 วัน
- พักฟื้นหลังผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์
- แผลเล็ก ดูแลง่าย และมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่า
เมื่อไหร่ที่ควรเข้ารับการผ่าตัด
- เมื่อพบว่าผู้ป่วยมีอาการอักเสบ โดยพิจารณาตามเงื่อนไข ดังนี้
- มีอาการภายใน 72 ชั่วโมง ผู้ป่วยเข้ามาพบแพทย์ และไม่มีข้อห้าม หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้เลย
- ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง หรือมีโรคประจำตัว แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะก่อน และจะพิจารณาผ่าตัดทีหลัง
- ผู้ป่วยที่มีอาการมากกว่า 27 ชั่วโมง แพทย์อาจจะให้ยาปฏิชีวนะก่อน หากไม่ดีขึ้นจึงจะนัดหมายเพื่อผ่าตัดทีหลัง
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดถุงน้ำดี
- งดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- งดการดื่มแอลกอฮอล์
- งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำควรนำตัวยามาที่โรงพยาบาลด้วย เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่าจะต้องงดยานั้นหรือไม่
ข้อควรปฏิบัติหลังการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
- ระมัดระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำ
- พยายามหลีกเลี่ยงการยกของหนัก เพราะอาจจะทำให้แผลเกิดฉีก หรือปริได้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องอืด ย่อยยาก
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมัน และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
ทานยาสลายนิ่วแทนการผ่าตัดได้หรือไม่
- แม้ในเบื้องต้น หากพบว่าผู้ป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดีในระยะเริ่มแรก และยังไม่มีอาการ แพทย์จะให้ทานยาเพื่อสลายนิ่วได้ แต่เนื่องจากโรคนิ่วที่คนไทยเป็นส่วนใหญ่นั้นมักจะเกิดจากก้อนคอเลสเตอรอล จึงส่งผลให้การรักษาด้วยการทานยาอาจไม่ได้ผล และการรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน เมื่อหยุดยาอาจจะทำให้เกิดนิ่วซ้ำได้อีกนั่นเอง
ผ่าตัดถุงน้ำดีที่โรงพยาบาลเพชรเวช
- โรคนิ่วในถุงน้ำดีหากเกิดอาการจะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลเพชรเวชได้มีบริการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้องด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อตรวจวินิจฉัย และรักษาผู้ป่วยให้มีความปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น