เคยเจอ "เพื่อน" แบบนี้ไหม


ผมจะเล่าเรื่องของผมให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ตอนสมัยม.ปลาย ซึ่งผมพึ่งจบมัธยม ช่วงเวลาตอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมนั้นผมเป็นคนที่เงียบมาก และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จนตอนนี้ผมอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยการเป็นคนที่เฮฮา และเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นใหม่จากโรงเรียน ม.ปลาย 
นี้นั่นเอง 

ช่วงนั้นผมมีความฝันอยู่ว่า ผมอยากจะหาเพื่อนสัก 1-2 คน เพื่อที่จะวาดการ์ตูนด้วยกัน
จนกระทั่งผมได้เจอกับเพื่อนทั้ง 2 คน ขอสมมุติชื่อว่านาย A และนาย B 

นาย A ….เป็นคนที่ค่อนข้างพูดจาสุภาพ เป็นกันเอง และเป็นคนที่วาดรูปเก่งมาก ซึ่งทำให้ผมอยากจะเรียนรู้การวาดรูปจากเพื่อนคนนี้ แต่อาจจะชอบว่ารูปเพียงลำพังอยู่คนเดียว

นาย B….เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะเฮฮา บวกกับทางที่พูดมากพูดไปเรื่อย แต่ก็เฮฮาดี เป็นคนที่วาดรูปไม่ค่อยเก่ง เอาง่ายๆคือไม่ค่อยได้เลยประมาณนั้น

ซึ่งนาย B ได้รู้จักกับนาย A ตอนวันปฐมนิเทศก่อนผม ซึ่งทำให้พวกสองคนนี้สนิทกันค่อนข้างมาก
และผมอยากจะเป็นเพื่อนด้วย

แล้วพวกเราก็เรียนด้วยกัน ทำอะไรต่างๆด้วยกัน จนเวลาผ่านไป 
ผมก็เริ่มที่จะสนิทกับนาย A และนาย B มากขึ้น แล้วผมก็สนิทกับเพื่อนทุกคนเกือบหมด 

จนวันหนึ่ง ผมได้นัดคุยกับ 2 คนนี้ แล้วได้ชักชวนที่จะสร้างอนิเมะเรื่องหนึ่งด้วยกัน เป็นมังงะนะครับประมาณนั้น

นาย A ได้บอกกับผมว่า “น่าสนใจนะ” แล้วก็ได้วาดรูปตัวละครที่นาย A ชอบมาให้ผมดู ผมจึงตั้งชื่อตัวละครตัวนั้นให้ และได้สร้างตัวละครพระเอกก็คือตัวละครของพวกเราทั้ง 3 คน และตัวละครที่นาย A วาดก็คือนางเอกทั้ง 3 คนของพวกเราในเรื่อง ซึ่งผมก็เป็นคนคิดเนื้อเรื่องและช่วยวาด นาย A เป็นคนวาด และ นาย B ให้เป็นคนวาดฉาก

ซึ่งพวกเรา 3 คนสัญญาว่าจะทำอนิเมะหรือมังงะเรื่องนี้ด้วยกัน จนกระทั่งวันเวลาผ่านไป
ช่วงแรกพวกเราก็ตั้งใจทำกัน แต่หลังๆมาต่างคนต่างเลิกที่จะทำ ซึ่งผมก็พยายามที่จะบอกทั้งสองคนว่า จะไม่ทำต่อแล้วเหรอ ในสัญญากันไว้แล้วไง ซึ่งนาย A ก็บอกว่าช่วงนั้นงานเยอะประมาณนั้น
แต่นาย B กลับไม่สนใจเลย กับกันผมมีความรู้สึกว่าเหมือนนาย B จะ 2 มาตรฐานกับผมมากกว่านาย A  เหมือนว่านาย B พยายามที่จะคุยกับนาย A คนเดียว และทำท่ากวนและเมินผม

จนวันเวลาผ่านไป จนถึงวันที่เริ่มฝึกงาน การฝึกงานของพวกผมก็คือการวาดกำแพงให้กับลูกค้าเจ้าหนึ่ง
ซึ่งพวกเราทั้ง 3 คนก็ช่วยกันวาด 

จนผมอัดอั้นมานาน เพราะว่าเรื่องวาดอนิเมะยังไม่คืบหน้าสักที ผมจึงเข้าไปคุยกับ นาย A แล้วพูดคุย ด้วยเหตุผลว่า “เนี่ยมันก็นานแล้วนะทำไมนายถึงไม่ยอมคุยกับเราสักที แล้วเรื่องการ์ตูนของพวกเราจะว่ายังไง” ผมก็จำได้ไม่หมดนะว่าผมพูดอะไรไปบ้าง แต่เหมือนว่าผมพยายามที่จะพูดให้ นาย A เข้าใจผมบ้าง
ซึ่งนาย A ก็เก็บอุปกรณ์วาดกำแพง และขับรถหนีหายกลับบ้านไปเลย ซึ่งผมก็ตกใจและ นาย B ก็ตกใจ  
นาย B บอกกับผมว่า “เรื่องของ A บอกกับนายจ้างนะว่า A ไม่สบายจึงขอกลับบ้านก่อน และพรุ่งนี้อย่าลืมไปขอโทษนาย A ด้วย” 
ผมก็คิดในใจว่าผมทำอะไรผิดหรือเปล่าและก็รู้สึกผิดกับตัวเอง หรือนาย A จะมีปัญหาที่บ้านหรือยังไงผมก็ไม่แน่ใจ จนคิดมาก
จนทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน และได้พูดอะไรกับเพื่อนที่ทำให้เข้าใจผิด 

ทุกๆครั้งก่อนนอนผมจะคิดมากอยู่เสมอ และ เป็นเกือบทุกครั้งที่ต้องร้องไห้ตลอดเมื่อทำอะไร ผิดหรือเปล่า 
(อันนี้ไม่รวมเพื่อนในห้องนะ ผมยกตัวอย่างมาแค่เพื่อนทั้ง 3 คนแค่นั้น ซึ่งผมจะเป็นแบบนี้กับเพื่อนในห้องทุกคนเป็นประจำ เมื่อทำอะไรผิดแล้วจะต้องกลับมาตอนเย็น จะต้องนอนคิดมากและร้องไห้อยู่เสมอ คิดดูแล้วกันว่าเรียนมา 2 ปีแล้วต้องมาร้องไห้ให้กับคนพวกนั้น) 
….ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน
ผมจึงได้กลับมาคุยกับ นาย A และได้ขอโทษและปรับความเข้าใจกัน ซึ่งนาย A ก็ให้อภัย 
แต่ผมกับรู้สึกได้เลยว่านาย A ไม่ได้ให้อภัยผมจริงๆ เหมือนกับว่ามีอะไรอยู่ในใจ 
(เอาง่ายๆผมเป็นคนเดาใจเพื่อนเก่ง)

จนกระทั่งผ่านไป ผมรู้สึกได้ว่าทั้ง 2 คน พยายามที่จะคุยอยู่กันแค่สองคน ซึ่งเมินผมและพยายามที่จะออกห่างจากผม 
จนกระทั่ง ผมได้ลองพิสูจน์อะไรสักอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการไม่คุยกับใครเลย แล้วมาดูสิว่าจะมีใครทักผมและคุยกับผมไหม 
(ซึ่งบอกไว้ก่อนว่าผมเป็นคนที่เฮฮาและเข้ากับคนอื่นในห้องเกือบหมดเอาง่ายๆคือหมดเลยแหละ)
ผ่านไป มันก็ได้เป็นอย่างที่ผมคาดเดาจริงๆ นั่นก็คือทั้ง 2 คนไม่คุยกับผมเลย ( อากาศชัดๆ)
ซึ่งช่วงฝึกงานตอนพักเที่ยงพวกเราทั้ง 3 คนจะมานั่งกินน้ำปั่นที่ร้านๆหนึ่งเป็นประจำ
ซึ่งวันนั้นผมได้เข้าไปนั่งรอก่อนที่ทั้ง 2 คนจะเข้ามา และได้สั่งน้ำปั่นกินก่อน
จนกระทั่ง 2 คนนั้นยืนอยู่หน้าร้านเหมือนคุยอะไรกันบางอย่าง แล้วกลับไม่เดินเข้ามาในร้าน กับเมินและเดินหนีจากผมไป
ซึ่งผมไม่รู้ว่า นาย B ก่อนหน้านี้ยังให้ผมเงียบเรื่อง นาย A กลับกันไม่บอกให้นาย A ให้มาคุยปรับความเข้าใจกับผม ผมจึงรู้ได้เลยว่าไอ้หมอนี่มันสองมาตรฐาน
หลังจากนั้น ผมก็รู้สึกเศร้าและโกรธมากในเวลาเดียวกัน ต่อมาตอนพักเที่ยงผมก็ไม่ไปเข้าร้านน้ำปั่นนั้นเลย จะเดินตรงไปว่ากำแพงต่อเลย และสองคนนั้นก็ไปกินน้ำปั่นตอนพักเที่ยงอย่างสบายใจเป็นประจำ

เวลาผ่านไป หลังจบจากฝึกงาน
ผมก็ได้พิสูจน์อีกครั้งกับเพื่อนในห้องทุกคน ตั้งแต่เช้าตอนมาโรงเรียน ผมจะนั่งอยู่หน้าห้องเรียนและดูปฏิกิริยาแต่ละคนและไม่พูดกับใครดู 
เวลาเลยผ่านล่วงเลยไป……. จนเกือบจะจบการศึกษา ก็ไม่มีใครเห็นหัวผมเลย 

จนกระทั่งหัวหน้าห้องและรองหัวหน้า ได้เข้ามาคุยกับผมว่า “เอ็ง เป็นอะไรไหม เพื่อนในห้องเขากังวล”
ในตอนนั้น ในใจของผมได้คิดไว้ว่า (จะมาอะไรเอาป่านนี้)
แล้วผมได้วิ่งหนีพวกนั้นมา และไปเข้าห้องน้ำแล้วไปนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
พร้อมกับคิดในใจว่า “มันสายไปแล้วไหม” จะจบอยู่แล้ว “พวกจะมารู้สึกอะไรเอาป่านนี้”
ขนาดเพื่อนสนิททั้ง 2 คน ก็ยังไม่เห็นหัวผม

ผ่านไป ช่วงวันจัดงานต้อนรับนักเรียนที่จะจบ
ผมก็ได้เสแสร้งเข้าไปร่วมงาน และทำตัวเฮฮา ยิ้ม และถ่ายรูปกับเพื่อน เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจบ
ผมได้ไปต่อโรงเรียนอื่น แต่เพื่อนทั้ง 2 คน ยังอยู่โรงเรียนเดิม
ผมจึงพิมพ์ทัก ไปถาม นาย B ว่า “ให้นาย A มาคุยกันหน่อยได้ไหม” ซึ่งก็ได้นัดวันเวลาและสถานที่ไว้ให้
ซึ่งนาย B ก็ตอบตกลง
(อันนี้ถ้าใครสงสัยว่า ทำไมผมถึงไม่พิมพ์ทักไปถาม นาย A เพราะว่านาย A บล็อกผมนะครับ)

จนถึงวันนัดหมาย
ผมก็มายังสถานที่ที่ผมได้นัดกับ นาย B ไว้
ซึ่ง นาย B ก็มาตามนัด แต่พาเพื่อนใครที่ไหนมาไม่รู้ และยังทำท่ากวนประสาทใส่ผม
ซึ่งผมก็ถามกลับไปดีๆว่า “อ้าวแล้วทำไมนาย A ไม่มาเหรอ”
คำตอบที่ได้คือ นาย B ทำสีน่ากวนประสาท และตอบกลับมาว่า “ไม่เห็นหรอ ก็มันไม่มาไง”
วินาทีนั้นผมโกรธมาก และเดินหันหลังไป จับหมัดของตนเองไว้ เพื่อไม่ให้หมัดของผมสตั๊นหน้าไอ้หมอนั้น
(ซึ่งตอนนั้นผมคิดในใจว่า แล้วทำไม นาย B ถึงไม่พิมพ์มาบอกผมว่า นาย A ไม่ว่าง และพาใครที่ไหนมาก็ไม่รู้)
หลังจากนั้นผมเดินกลับมา และไม่เห็น นาย B อยู่แล้ว ผมได้โทรไปหา นาย B ว่าอยู่ไหน
ซึ่ง นาย B ก็ไปยังสถานที่อีกที่หนึ่ง และพิมพ์ให้ผมตามมันไป
(ผมก็โทรเรียกเพื่อนที่อยู่คนละห้องกับผม ที่เจอประสบการณ์เดียวกันกับผมเหมือนกัน ให้มาเป็นเพื่อนหน่อย)
ซึ่งผมก็ไปยังสถานที่นั้น แต่กลับไม่เจอมัน
ผมเลยพิมพ์บอกกับไปว่า 
“นี่เล่นตลกอะไรเนี่ย ถ้าครั้งหน้าเจอกัน ขอตันหน้าทีนะ” 
(ซึ่งผมไม่ได้จะทำจริงๆ)
ซึ่งหลังจากนั้นผมก็บล็อกมันไป แต่ก่อนบล็อกเหมือนผมเห็นข้อความลางๆ เหมือนมันพยายามเยาะเย้ยและกวนประสาทใส่ผม 
ซึ่งเพื่อนที่มาด้วยกับผมก็บอกว่าอย่าไปสนใจมันเลย และพวกผมก็เดินกลับไป
(แล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกแคร์อะไรในตัวของ นาย B เลย สิ่งที่ผมแคร์จริงๆก็คือ นาย A)

หลังจากนั้นผ่านไป ผมได้ขอวานให้อาจารย์ ช่วยเกลี้ยกล่อมพูดกับ นาย A ให้หน่อย
จนนานๆเข้า มันก็ไปถึงหู นาย A จนปลดบล็อกผม
คำแรกที่ นาย A พิมพ์มาคือ “เนี่ยเป็นไงบ้างเห็นอาจารย์เขาคุยกับเราอ่ะ”
ซึ่งผมก็ตอบกลับไปอย่างดีใจ ที่ได้เจอเพื่อนอีกครั้ง ว่า “เอ้ยเป็นไงบ้างวะเพื่อน ไม่ได้คุยกันนานเลย” 
คุยเล่นกันเหมือนประสาเพื่อน
จนผมนัดเวลาและสถานที่ ให้กับ นาย A ว่าให้มาตามนี้หน่อยนะ 
ซึ่ง นาย A ก็ตกลง

พอมาวันรุ่งขึ้น ยังไม่ถึงวันนัดหมาย
ผมจึงได้พิมพ์ ในเชิง “แซวเล่น” ไปว่า “เนี่ยทำไมก่อนหน้านี้ นายถึงไม่พยายามที่จะมาสนใจเราเลยอ่ะ นายชอบหนีทุกครั้งเลยนะ”
ซึ่งหลังจากนั้น ผมก็วางมือถือและไปอาบน้ำ
และพออาบน้ำเสร็จ ผมกลับมาดูมือถือ และพบว่า มีข้อความเด้งหลายข้อความมาก
“ทำไมวะ”
“เป็นพ่อกูหรือ”เป็นเห*้ยอะไร 
“บลาๆๆๆ”
“อันนี้ผมจำไม่ได้ทุกคำนะครับ”
และก็บล็อกผมไป

ผมเลยปวดหัว “เอ้า นี้ตูผิดอะไรวะเนี่ย อีกแล้วเหรอ พิมพ์นิดพิมพ์หน่อยน้อยใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
เกือบจะคุยกัน ปรับความเข้าใจกันได้แล้วแท้ๆแต่กับหนีความจริงไปอีกแล้ว

ซึ่งผมก็โทรไปทางโทรศัพท์
แต่ นาย A กลับตอบมาว่า “นี่คุณรับจ้างวาดรูปไหมครับ ถ้าไม่รับจ้างผมจะวางสายแล้วนะครับ”
ผมคุยดีๆว่า “เนี่ยเป็นอะไรทำไมอย่างนู้นอย่างนี้—”
แต่ นาย A ก็วางสายผมไป

ผมจึงไปที่โรงเรียนเก่า และได้ให้รุ่นน้องไปเรียก นาย A ลงมาคุยกันให้หน่อย
ซึ่ง นาย A ก็ลงมาคุย
ผมเลยถามไปว่า “เนี่ยอยู่ดีๆนายเป็นอะไรเนี่ย”
นาย A พยายาม ให้ผมรีบพูดแล้วจะได้รีบกลับ
ผมก็เลยคุยกันไปว่า “เนี่ยตอนสถานที่ที่นัดกันเนี่ยไม่ไปแล้วเหรอ”
นาย A ตอบ “ไม่”
ซึ่งผมก็เริ่มพูดเข้าเรื่องเลย “แล้วตั้งแต่ตอนนั้นทำไมนายถึงไม่เห็นหัวเรา ทำไมนายถึงไม่แคร์เรา นายถึงไม่ช่วยเรา ทั้งๆที่เราก็อยู่คนเดียวอ่ะ ทำไมนายถึงไม่เข้ามาทักเราบ้าง”
นาย A เริ่มพูดเบาๆ ว่า “ก็เรากลัวนายไง”

(ตอนนั้นผมได้คิดย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ผมเพิ่งเข้ามาเรียน จนถึงจบการศึกษา ผมเป็นคนที่เฮฮากับเพื่อนมาก และแคร์เพื่อนมาก และไม่เคยที่จะเป็นคนที่น่ากลัวกับใครเลย ออกจะเป็นคนที่เฮฮาปาร์ตี้ด้วยซ้ำ แต่กลับกันเพื่อนที่สนิทที่สุด ก็ยังไม่เข้าใจและไม่รู้ความรู้สึกในใจ กับเพื่อนที่คบกันมาตั้ง 3 ปีเลย และหนีจากความเป็นจริง เพื่อตัวเอง มันคือความเห็นแก่ตัวใช่ไหม)

วินาทีนั้นผมโกรธมาก ผมเลยคว้าคอเสื้อ นาย A และง้างหมัดที่จะต่อย (แต่อันนี้ไม่ได้ต่อยจริงนะครับ และผมต่อยใครไม่เป็นด้วย) 

และผมหันหน้าหลบ นาย A ไปคู่นึง และกลั้นน้ำตาเอาไว้ และกลับหันมาหา นาย A ต่อ
นาย A จึงพูดว่า “จะต่อยก็ต่อยเลย”
ผมจึงปล่อยคอเสื้อ นาย A ลงแล้วพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “คำว่าเพื่อนของเรามันตายไปแล้วสินะ”
(อันนี้ออกจากเบียวๆหน่อยนะ55)
และเดินถอยออกมา 
จากนั้น ผมก็เจอ นาย B ซึ่งพาใครที่ไหนมาไม่รู้ หลายคน มานั่งล้อมรอบ เพื่อเตรียมที่จะรุมผม
ผมจึงพาเพื่อนที่มากับผม 1 คนกอดคอเพื่อนคนนั้น ไม่สนใจ นาย B แล้วกลับบ้านกัน

(ผมจึงคิดหวนไปตอนที่อาจารย์ เขาได้ไปคุยกับ นาย A ให้ ซึ่งตอนนั้น มันคือคำสั่งของอาจารย์ใช่ไหม ไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของ นาย A จริงๆ)

…..ยังมีเรื่องราวของเพื่อนในห้องอีกหลายคน ที่ไม่ใช่ตัวหลัก 2 คนนี้ แต่ผมไม่ได้เอามาเล่าทั้งหมดเล่า

ทิ้งท้าย
หลังจากนั้น เหมือนกับว่า ผมเกือบที่จะกลายเป็นคนที่ซึมเศร้า และต้องใช้ชีวิตเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา
จนถึงทุกวันนี้การจับดินสอเพื่อที่จะวาดรูป มันก็ทำให้นึกถึงเรื่องเดิมๆซ้ำๆ จนเราไม่อยากจะวาดรูปอีกต่อไปแล้ว ผมพยายามที่จะปล่อยวางทุกครั้ง แต่มันเหมือนกับ “การที่เราได้เจอเพื่อนที่ใช่แล้ว สำคัญกับเราแล้ว หวังว่าสักวันจะได้เจอกับเพื่อนที่แท้จริงแล้ว แต่กลับถูกหักหลังแบบนี้ มันทำให้อดีตของผมนั้น ลืมมันไม่ลงจริงๆ

ปล. จากตรงนี้ใครมีความคิดเห็นตรงไหน หรือผมทำผิดพลาดอะไรตรงไหนหรือเปล่า และผมไม่ได้อยากจะประจานหรือวิพากษ์วิจารณ์ใคร แต่มันคือความรู้สึก และความในใจ ที่ผมได้ระบายออกมา แค่นั้น 
ขอให้ผู้ที่อ่านให้ความคิดเห็น และขอบคุณผู้คนที่อ่าน มาจนถึงตรงนี้ ผมอยากจะบอกว่า ผมขอบคุณพวกคุณจริงๆ 

….อยากจะขอความคิดเห็นจากผู้อ่านหน่อยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่