JJNY : ทุนจีนเหิม!ตัดไม้หวงห้ามส.ป.ก.│คาใจปม"สว.แบงค์"ถูกยิงดับ│ท้ารบ.เศรษฐา รื้อโครงสร้าง│“ไบเดน”กระชับสัมพันธ์เวียดนาม

ทุนจีนเหิม! มีใบสั่งตัดไม้หวงห้ามในที่ดิน ส.ป.ก. เย้ยกฎหมายเจอเจ้าหน้าที่จู่โจมจับเรียบ
https://www.matichon.co.th/region/news_4172715

ทุนจีนเหิม! มีใบสั่งตัดไม้หวงห้ามในที่ดิน ส.ป.ก. เย้ยกฎหมายเจอเจ้าหน้าที่จู่โจมจับเรียบ
 
เจ้าหน้าที่สายตรวจสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 (ขอนแก่น) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ป่าไม้กาฬสินธุ์ และชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ บุกจับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมของกลางไม้ประดู่ 50 ท่อน หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีมีการตัดไม้หวงห้ามในที่ ส.ปก.
 
เมื่อวันที่ 9 กันยายน เวลา 18.00 น. นายวิทยา ปัญจมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ผอ.ทสจ.) ได้รับแจ้งเหตุตัดไม้ประดู่ ในพื้นที่ ส.ปก. บ้านนาขาม หมู่ 5 ต นาขาม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ จึงได้รายงานนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ทราบเบื้องต้น จากนั้นประสานนายดนัย โคตรุชัย ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้กาฬสินธุ์ นายอดิสร คงสมกัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่สายตรวจสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 (ขอนแก่น) ลงพื้นที่ตรวจสอบ
 
จากการตรวจสอบ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 6 คน พร้อมของกลางไม้ประดู่ท่อน ประมาณ 50 ท่อน ที่ตัดจากที่ดิน สปก. ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันขนไม้ของกลางขึ้นรถยนต์ เพื่อบันทึกการตรวจยึด ที่ สภ.กุฉินารายณ์ ก่อนนำไปเก็บรักษาที่ศูนย์ป่าไม้ฯ และแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
นายอดิสร คงสมกัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าการตัดไม้ประดู่ในที่ ส.ป.ก.ครั้งนี้ มีใบสั่งจากนายทุนจีนรายหนึ่ง ซึ่งเข้ามากว้านซื้อไม้หวงห้ามในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่าน มาอาจะถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจตรา ป้องกันรักษาไม้พะยูง จึงได้หันมาสั่งซื้อไม้ประดู่ ซึ่งมีราคาใกล้เคียงกับไม้พะยูง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สอบปากคำผู้ต้องหา เพื่อติดตามตัวขบวนการค้าไม้ข้ามชาติต่อไป เพราะเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ และเป็นการเย้ยกฎหมาย
 
ด้านนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ทางจังหวัดได้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจติดตามปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงจังหวัดกาฬสินธุ์ และดำเนินการป้องกัน ติดตามการกระทำผิด ควบคู่กับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับส่วนราชการ ประชาชน สถานศึกษาอย่างเข้มข้นตลอดมา แต่ก็ยังมีขบวนการลักลอบตัดไม้ก่อเหตุขึ้นอีก และถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งจะได้ดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกันทางจังหวัดยังประชาสัมพันธ์ให้ส่วนราชการ ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น ท้องที่ พี่น้องประชาชนได้ทราบและถือปฏิบัติว่า สำหรับไม้หวงห้ามทุกประเภท เช่น ไม้พะยูง ไม้ประดู่ ในสถานที่ราชการ หรือที่ดินนั้น หากจะดำเนินการใดจะต้องมีเหตุผลเพียงพอ ห้ามมีการจำหน่ายซื้อขายโดยเด็ดขาด



"รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์" โพสต์คำถามคาใจปม "สารวัตรแบงค์" ถูกยิงดับ
https://siamrath.co.th/n/476200

วันที่ 10 ก.ย.66 รองศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า  
 
#สารวัตรศิวกร
 
ขอร่วมไว้อาลัยแด่สารวัตรศิวกร ผู้ซึ่งเป็นทั้งรุ่นน้องนายตำรวจจาก รร.นรต. และในฐานะลูกศิษย์ มหาบัณฑิตของคณะอาชญาวิทยาฯ ม.รังสิต ซึ่งเสียชีวิตจากการยืนหยัดที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ดำรงคงไว้ซึ่งหลักธรรมภิบาลและแนวทางปฏิบัติที่ดี หลายคนคงตั้งคำถามซึ่งอาจจะยังไม่ได้คำตอบนะครับ เช่น

1. เหตุใดนายตำรวจหลายนายจึงไปสังสรรค์ที่บ้านกำนันคนนี้บ่อยครั้ง
 
2. การโยกย้ายแค่ระดับชั้นประทวนจากการทำหน้าที่หนึ่งมาทำอีกหน้าที่หนึ่ง หากยังย้ายไม่ได้ ถึงกับต้องฆ่านายตำรวจเลยหรือ
 
3. ทำไมการทำหน้าที่ของตำรวจแต่ละตำแหน่งจึงมีความสำคัญต่อชีวิตมาก แล้วเหตุใดเรื่องเหล่านี้จึงไม่ได้รับการแก้ไข
 
4. ขณะที่ผู้ก่อเหตุ กำลังใช้อาวุธปืนยิง นายตำรวจในที่เกิดเหตุหลายนาย ไม่มีใครมีอาวุธปืนติดตัวไปบ้างเพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์เพราะจะได้ช่วยชีวิตรุ่นน้อง หรือไม่คิดจะจับกุมผู้ต้องหาที่กำลังจะหลบหนีบ้างหรือ
  
5. ทำไมจึงไม่รีบปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ ให้คงสภาพเดิมให้มากที่สุดทั้งคราบเลือด หยดเลือด ปลอกกระสุนปืน เขม่าดินปืน server จากกล้องวงจรปิด ฯลฯ รวมทั้งรีบเรียกกำลังตำรวจในพื้นที่มาสนับสนุนการทำงาน (หรืออาจจะทำ แต่ไม่ทราบข้อมูลทั้งหมด)
 
6. คดีนี้จะจบลงเพียงแค่ความตายของมือปืนที่ก่อเหตุหรือไม่ กฎหมายฟอกเงินจะถูกนำมาใช้เพื่อหยุดยั้งเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ได้บ้างหรือไม่
 
7. เหตุใดกำนันคนนี้จึงมีอิทธิพลในพื้นที่ได้มากขนาดนี้ มีหน่วยงานราชการใดกำกับดูแลบาทบาท หน้าที่ การทำงานของกำนันบ้าง และได้ดำเนินการอย่างไรเพื่อให้การทำหน้าที่เป็นไปเพื่อความสงบสุขของชุมชน ไม่ใช่เพื่อการสร้างบารมี และอิทธิพล
 
8. กำนันที่ดีๆ มีอีกมาก แต่คงมีไม่มากที่จะมีนายตำรวจหลายนายในตำแหน่งหน้าที่ต่างกันมาร่วมรับประทานอาหารด้วยกันบ่อยครั้ง เหตุใดนายตำรวจเหล่านี้จึงเลือกไปสังสรรค์ที่บ้านกำนันคนนี้มากกว่าไปบ้านกำนันคนอื่น

9. ทำไมอาวุธปืนจึงไปอยู่ในมือบุคคลเหล่านี้ เพียงเพราะเป็นลูกน้องกำนันหรือ แล้วทำไมจึงมาใช้ก่อเหตุได้

10. รัฐบาลใหม่จะแก้ไขปัญหาเรื่องเหล่านี้อย่างไรที่มิให้เป็นแค่เพียงไฟไหม้ฟาง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลากหลายหน่วยงาน
 
11. นโยบายการขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล ถ้าพรรคพวกตน ฐานเสียง จะถูกขึ้นบัญชีด้วยหรือไม่ มีหลักเกณฑ์ใดที่จะมาบอกว่าคนนี้คือผู้มีอิทธิพล และผู้ที่จะถูกขึ้นบัญชีจะมีเฉพาะพลเรือนเท่านั้นหรือไม่
 
12. ปัญหาที่สะสมทั้งหัวคะแนน นักการเมืองท้องถิ่น เกี่ยวข้องกับนักการเมืองระดับชาติด้วยหรือไม่ ใครอยู่เบื้องหลัง
 
13. สังคมไทยเรายังคงต้องยอมรับเหตุร้ายแรงเช่นนี้โดยไม่มีมาตรการใดมาควบคุม ป้องกันได้เลยหรือ หรือต้องยอมรับกับสภาพที่เป็นอยู่ในลักษณะแบบนี้ไปอีกตราบนานเท่านาน
 
และอีกหลากหลายคำถามครับ ฯลฯ

ขอให้วิญญาณน้องไปสู่สุขคติในภพภูมิที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป หากอยู่เมืองไทยช่วงนี้ คงไปร่วมงานไว้อาลัยด้วยนะครับ ขอให้เรื่องของน้องนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในทางที่ดีขึ้นเพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงลักษณะแบบนี้ขึ้นอีก
 
ด้วยรักจากใจ
พี่โต้ง51

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=809040091223952&id=100063539053619&ref=embed_post


 
"รสนา" ท้ารัฐบาลเศรษฐา รื้อโครงสร้าง ลดค่าไฟฟ้า ไม่ใช่แค่โปรโมชั่น
https://www.thansettakij.com/business/575592

"รสนา โตสิตระกูล" ท้ารัฐบาลเศรษฐา รื้อโครงสร้าง ลดค่าไฟฟ้า ไม่ใช่แค่โปรโมชั่นเพิ่มภาระประชาชน แนะปรับเกณฑ์การใช้ก๊าซในอ่าวไทย ทำได้ทันที 2ปี ปลดหนี้ กฟผ. พร้อมเจรจาโรงไฟฟ้า งดเซ็นสัญญาใหม่
 
หลังจากที่ ครม.เศรษฐา 1 นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศในหลากหลายวาระถึงภารกิจรัฐบาลที่จะทำทันทีว่า คือการลดค่าไฟฟ้า ตรงราคาน้ำมันดีเซล  

ฐานเศรษฐกิจได้สัมภาษณ์พิเศษ นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว กทม. ,อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค ถึงการดำเนินนโยบายเพื่อลดราคาพลังงานของรัฐบาลเศรษฐา 1 

รสนา มองการลดราคาไฟฟ้าด้วยการยืดหนี้ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ว่าเป็นเพียงโปรโมชั่น เนื่องจากพรรคเพื่อไทยสามารถทำให้มีความยั่งยืนได้มากกว่านี้ ไม่ควรแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีหนี้เพิ่มขึ้น เพราะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากการยืดหนี้
 
พร้อมทั้งเสนอวิธีการ ในการแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน ซึ่งจะต้องมีความร่วมมือกัน ระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งจะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 
 
รสนาแสดงความเห็นว่า ในการประชุมครม.นัดแรก รวมถึงการประชุม กพช. นัดแรกนั้น ควรต้องมีมติให้บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ซึ่งเป็นบริษัทลูกของปตท. ใช้โพรเพน และบิวเทน ที่ได้จากอ่าวไทย ในราคา Poll gas 
 
ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเอฟทีปรับลดลงได้ ปีละ 40,000 ล้านบาท เท่ากับลดค่าไฟฟ้าได้ 20 สตางค์ต่อหน่วย แต่หากให้ GC ใช้ก๊าซในราคาตลาดโลก เหมือนกับบริษัทปิโตรเคมีอื่นๆ จะทำให้เราได้ 80,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะสามารถปลดหนี้ กฟผ.ได้ภายใน 2 ปี
 
เนื่องจากการที่ GC ได้ใช้ก๊าซในอ่าวไทยด้วยราคาในประเทศซึ่งมีราคาถูก ส่งผลให้ปริมาณ Pool gas ที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าถูกดึงออกไป และเหลือปริมาณน้อยลง โดย Pool gas ประกอบไปด้วย แหล่งก๊าซ 3 แหล่ง คือ จากอ่าวไทย , พม่า และ LNG นำเข้าซึ่งมีราคาสูง ดังนั้น จึงทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซมีราคาแพง
 
รสนากล่าวว่า รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่การประชุมครม.นัดแรก และการประชุมกพช. นัดแรก เว้นเสียแต่ว่ารัฐบาลจะไม่ทำ 
 
นอกจากนี้ยังควรปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้งประเทศให้เกิดความเป็นธรรม ที่ทุกคนได้ประโยชน์เหมือนกัน แต่ไม่เห็นด้วยกับการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้ในระยะยาวรัฐบาลควรส่งเสริมให้ประชาชนติดโซล่ารูฟ โดยมีวิธีการคิดค่าไฟแบบหักลบกลบหน่วย จะทำให้ประชาชนมีแรงจูงใจในการติดโซล่ารูฟมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเจรจากับโรงไฟฟ้าเอกชน เพื่อขอลดค่าเอฟทีลง และไม่ทำสัญญาซื้อไฟกับเอกชนรายใหม่ตลอดระยะเวลา 4ปีนี้
 
รสนา กล่าวทิ้งท้ายว่า หากสามารถลดราคาพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนของการผลิตได้ จะเป็นคุณูปการสำคัญยิ่งกว่าการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท  เนื่องจากเมื่อต้นทุนการผลิตต่ำลง จะมีพื้นที่ให้ผู้ประกอบการสามารถขึ้นค่าแรงให้กับลูกจ้างพนักงานได้ ลองตั้งคำถามถึงรัฐบาลในอดีตว่าไม่สามารถลดราคาพลังงานได้เนื่องจากมีกลุ่มทุน พลังงานเป็นผู้สนับสนุนใช่หรือไม่ และนี่จะเป็นโจทย์ในการวัดฝีมือของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่าแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้วอย่างไร

ทั้งนี้ รัฐบาลในอดีต ตั้งแต่ยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้ส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซแอลพีจี เป็นก๊าซหุงต้มแทนถ่าน และกำหนดราคาควบคุมให้กับประชาชน โดยในช่วงแรกกลุ่มผู้ใช้ก๊าซประกอบด้วย ก๊าซหุงต้มในครัวเรือน , ใช้เป็นพลังงานใน ภาคอุตสาหกรรม และ ยานยนต์
 
ซึ่งกลุ่มครัวเรือนจะได้ใช้ก๊าซในอ่าวไทยก่อน หากเหลือแล้ว กลุ่มอื่นจึงมีสิทธิ์ได้ใช้ สำหรับปิโตรเคมีนั้น เป็นกลุ่มหลังสุด ที่เข้ามาใช้ก๊าซอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา
  
ต่อมาในปี 2551 ยุครัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ มีมติ เปลี่ยนให้ ภาคครัวเรือนและภาคปิโตรเคมีสามารถใช้ก๊าซในอ่าวไทยได้พร้อมกัน เหลือแล้วจึงให้กลุ่มอื่นใช้ นี่จึงเป็นสาเหตุให้ก๊าซในอ่าวไทยซึ่งมีราคาถูก เหลือปริมาณน้อยลงในการนำ ไปใช้ผลิตไฟฟ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่