ไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์จุดยืนในฐานะฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ซักนโยบายรัฐบาลเพื่อ ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4172973
ไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์จุดยืนในฐานะฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ซักนโยบายรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ ปชช.-ประเทศชาติ
เมื่อวันที่ 9 กันยายน พรรคไทยสร้างไทย ได้ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กันยายนนี้ ถึงจุดยืนในฐานะฝ่ายค้านว่า พรรคไทยสร้างไทยจะทำหน้าที่ในการอภิปรายและซักถามแนวนโยบายของรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และพร้อมสนับสนุนและผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด โดยยึดถือหลักการว่าประชาชนคือศูนย์กลางของการปกครอง และว่า แม้จะมี ส.ส. เพียง 6 คน แต่ทุกคนจะเป็นผู้แทนประชาชนที่มีคุณภาพ ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง
โดยแถลงการณ์ ฉบับเต็ม มีดังนี้
แถลงการณ์พรรคไทยสร้างไทย
การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2566 นี้ พรรคไทยสร้างไทยจะทำหน้าที่ในการอภิปรายและซักถามแนวนโยบาย รายละเอียด ตลอดจนกระบวนการดำเนินงานในระยะเวลา 4 ปีของรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติให้ดีที่สุด อย่างตรงไปตรงมา โดยมีคณะทำงานตรวจสอบทั้งภาพรวมและตามรายกระทรวง
เราจะไม่เป็นฝ่ายค้านที่ค้านทุกเรื่อง หรือใช้วาทกรรมที่สร้างความแตกแยกเกลียดชังในหมู่ประชาชน ถ้ารัฐบาลตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจ ตามที่ได้แถลงไว้ในวันรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เราพร้อมให้ความร่วมมือและร่วมเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนวาระเหล่านั้นให้สำเร็จ แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง มีการทุจริต หรือทำให้ผลประโยชน์ของประชาชนต้องเสียหาย เราจะทำหน้าที่ของเราอย่างไม่หวั่นเกรงต่อการใช้อำนาจและหน้าที่นั้นแต่อย่างใด
สำหรับวาระการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามีจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า เราสนับสนุนการแก้ไข โดยยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 ผ่านสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน เพื่อมาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ในหมวดที่เหลือทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อขจัดกับดักเผด็จการสืบทอดอำนาจ และเพื่อสร้างประชาธิปไตย ในเรื่องนี้พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้น ได้ปรากฏถึงการผลักดันการจัดทำประชามติ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญด้วย เพียงแต่ยังไม่มีการลงรายละเอียดถึงแนวทางการดำเนินการ และกรอบเวลาที่ชัดเจน
พรรคไทยสร้างไทยขอยืนยันว่าเราพร้อมสนับสนุนและผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อแก้ไขวิกฤตการเมืองและสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง นำพาบ้านเมืองออกจากความขัดแย้ง ความเหลื่อมล้ำ และความตกต่ำในทุกๆ ด้าน
เรายึดถือหลักการว่าประชาชน คือ ศูนย์กลางของการปกครอง และทุกฝ่ายต้องเคารพการตัดสินใจ รวมถึงเจตนารมณ์ของประชาชน ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อประชาชน
พรรคไทยสร้างไทยจะรักษาสัญญา ที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งว่า เราไม่สนับสนุนพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ จะไม่เป็นนั่งร้านและที่เหยียบยืนให้กับเผด็จการ ดังนั้น เราจึงไม่ร่วมสังฆกรรมในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากรัฐบาลแบบข้ามขั้วด้วยการงดออกเสียง และไม่เข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ
ถึงแม้เราจะเป็นพรรคการเมืองที่เพิ่งก่อตั้ง และมี ส.ส. เพียง 6 คน แต่ ส.ส.ของเราทุกคนจะเป็นผู้แทนประชาชนที่มีคุณภาพ ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง
พรรคไทยสร้างไทย
9 กันยายน 2566
นิด้าเผยปชช.มองก้าวไกลควรเลือกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_610635/
นิด้าโพลเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง“พรรคก้าวไกล ควรเลือกอะไร” ส่วนใหญ่ชี้ควรเลือกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน มองร่วมงานกับประชาธิปัตย์ได้ค่อนข้างดี
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “พรรคก้าวไกล ควรเลือกอะไร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ควรเลือกอะไร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
เมื่อถามประชาชนเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลในเรื่องตำแหน่งที่คิดว่าสำคัญระหว่างรองประธานสภาผู้แทนราษฎรกับผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 38.40 ระบุว่า สำคัญพอ ๆ กัน รองลงมา ร้อยละ 29.85 ระบุว่า ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สำคัญกว่า ร้อยละ 28.55 ระบุว่า รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สำคัญกว่า ร้อยละ 1.68 ระบุว่า ไม่สำคัญทั้งสองตำแหน่ง และร้อยละ 1.52 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อตำแหน่งที่พรรคก้าวไกลควรเลือกระหว่างรองประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 56.11 ระบุว่า ควรเลือกตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร รองลงมา ร้อยละ 39.08 ระบุว่า ควรเลือกตำแหน่ง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และร้อยละ 4.81 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำงานร่วมกันของพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ในการเป็นฝ่ายค้าน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.25 ระบุว่า ทั้งสองพรรคจะทำงานร่วมกันได้ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.55 ระบุว่า ทั้งสองพรรคจะทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ร้อยละ 17.79 ระบุว่า ทั้งสองพรรคจะทำงานร่วมกันได้ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.82 ระบุว่า ทั้งสองพรรคจะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้เลย และร้อยละ 3.59 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ทุเรียนตะวันออกผวาหนอนใต้ ส่งออกมึนด่านนครพนม ตีกลับตู้อีกเพียบ
ผู้ส่งออกทุเรียนเดี้ยง ด่านตรวจพืชนครพนมสั่งตีกลับตู้คอนเทนเนอร์อีกเพียบ สกัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนก่อนส่งออกไปจีน ขณะที่สมาคมทุเรียนไทย-ชาวสวนผวาทุเรียนยะลาที่มีหนอน ถูกส่งขายราคาถูก มาเข้าโรงงานแปรรูปทำทุเรียนแช่แข็งที่ภาคตะวันออกจำนวนมาก จี้หน่วยงานรัฐเร่งควบคุมหวั่น “หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน” ลามเข้าสวนทุเรียนภาคตะวันออกฤดูกาลหน้า
รายงานจากผู้สื่อข่าว “
ประชาชาติธุรกิจ” จากการที่หน่วยงานภาครัฐของไทยและด่านตรวจพืชชายแดนจังหวัดต่าง ๆ มีมาตรการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนก่อนส่งออกไปในตลาดจีน ปรากฏว่าเปิดตู้คอนเทนเนอร์มาพบหนอนในเมล็ดทุเรียน และถูกตีกลับตู้คอนเทนเนอร์บรรจุทุเรียนจำนวนมาก
โดยเฉพาะด่านตรวจพืชนครพนม พร้อมระงับการส่งออกของผู้ประกอบการ ทำให้ทุเรียนยะลาลอตสุดท้ายประมาณ 40,000-50,000 ตัน ซึ่งจะหมดฤดูกาลประมาณวันที่ 15 กันยายน 2566 ถูกคัดออกส่งตลาดบริโภคภายในประเทศ หรือแกะเนื้อเป็นทุเรียนแช่แข็งส่งเข้าไปที่โรงงานแกะเนื้อแช่แข็งในจังหวัดจันทบุรีและตราด
นาย
กฤติเดช อยู่รอด เลขาธิการสมาคมทุเรียนไทยและเกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนจังหวัดจันทบุรี เปิดเผย “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้มีความกังวลกรณีที่มีการนำผลผลิตทุเรียนจากจังหวัดยะลาหรือจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้จำนวนมากขนส่งขึ้นมาแกะเนื้อ
เพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูปทุเรียนแช่แข็ง (ห้องเย็น) ต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรี เพราะอาจจะมีหนอนติดในเมล็ดทุเรียนมา และส่งผลกระทบให้เกิดการแพร่ระบาดของทุเรียนภาคตะวันออกในฤดูกาลหน้า ถ้าร้ายแรงมากอาจจะถูกแบน บล็อกไม่ให้นำเข้าทุเรียนไทย
ดังนั้น ความจำเป็นเร่งด่วน หน่วยงานภาครัฐต้องออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดหนอนในพื้นที่ และขอความร่วมมือผู้ประกอบการบริหารจัดการหลังแกะเนื้อ ต้องมีวิธีการทำลายอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้หนอนเติบโตแพร่พันธุ์ได้ ทั้งนี้สมาคมทุเรียนไทย (TDA)
ได้สะท้อนปัญหาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี (สวพ.6) สำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงงานแช่แข็งกำจัดการแพร่ระบาดของหนอนในเมล็ดทุเรียนแล้ว
“
ตอนนี้เจ้าหน้าที่ สวพ.6 ได้ดำเนินการตรวจสอบ ให้คำแนะนำ และเฝ้าระวัง เพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน แต่ สวพ.6 ไม่มีอำนาจควบคุมโรงงานแปรรูปทุเรียนแช่แข็ง (ห้องเย็น) โรงเพาะชำโดยตรง ปัญหาสำคัญ คือ การป้องกันการแพร่ระบาดหนอนในเมล็ดทุเรียน ซึ่งไม่ทราบชัดเจนว่าหน่วยงานใดมีอำนาจดำเนินการแก้ปัญหา หรือควบคุม คุณภาพและแมลงศัตรูพืชโดยตรง” นายกฤติเดชกล่าว
นาย
ธิติ เอกบุญยืน ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.จันทบุรี ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรจะหาทางกำจัดหนอนที่ติดมาไม่ให้โตกลายเป็นผีเสื้อและเข้าไปแพร่พันธุ์ในสวนทุเรียนต่อไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดหนอนทุเรียนในจังหวัดจันทบุรีและอาจแพร่ไปยังจังหวัดตราดได้ หากไม่ตระหนักในเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นปัญหาในฤดูหน้า ทำให้ต้องใช้สารเคมีเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันจะทำให้ต้นทุนของชาวสวนเพิ่มขึ้น
นาย
ชลธี นุ่มหนู ผู้ประสานงานเครือข่ายพิทักษ์ทุเรียนไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หนอนเจาะเมล็ดทุเรียนควรเป็นวาระสำคัญในพื้นที่ การดูจากภายนอกจะไม่เห็นว่ามีหนอนอยู่ภายในจนกว่าทุเรียนผลผลิตแก่ใกล้เก็บเกี่ยว หนอนจะเจาะรูออกมาแล้วทิ้งตัวลงดิน เอาก้อนดินหุ้มตัวเป็นดักแด้
ทั้งนี้ การจะลดการระบาดในพื้นที่ ต้องคัดแยกสวนที่มีความเสี่ยง สวนปลอดหนอนและร่วมมือกันตัดทุเรียนแก่ เพื่อให้หนอนออกจากผล ก่อนคัดแยกส่งออก และทุเรียนที่ไม่ได้คุณภาพส่งออก ส่งโรงงานแกะเนื้อ แช่แข็งผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบฝังกลบเมล็ดทำลายหนอน
นาย
พิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี (สวพ.6) เปิดเผยว่า กรณีการนำทุเรียนใต้ที่แพร่ระบาดของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน มาแกะเนื้อที่จันทบุรี เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างเคร่งครัด สวพ.6 ทีมเล็บเหยี่ยว ประสานเกษตรจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจสอบผู้ประกอบการที่ทำโรงงานแปรรูปทุเรียนแช่แข็ง (ห้องเย็น) ใน จ.จันทบุรี 10 ราย พบหนอนเฉลี่ยประมาณ 20-30% บางแห่งซื้อทุเรียน เกรด AB ไม่พบเลย
ซึ่งอาคารประกอบการโรงงานทั้งหมดได้มาตรฐาน มีการเทปูนที่พื้น หากนำทุเรียนที่หนอนเจาะมากองจะพบตัวหนอนร่วงออกมา สามารถนำไปทำลายได้ และมีสถานที่จัดเก็บซากทุเรียน ทั้งเปลือก และอื่น ๆ การทำลายใช้วิธีฝังกลบและมีรับซื้อไปทำปุ๋ย ทั้งนี้ใน จ.จันทบุรีตอนนี้หมดฤดูกาลทำผลสดส่งตลาดต่างประเทศ มีเฉพาะโรงงานแปรรูปทุเรียนแช่แข็ง (ห้องเย็น) แต่ต้องเฝ้าระวังก่อนฤดูกาลหน้าของภาคตะวันออก
JJNY : ไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์│นิด้าเผยปชช.มองก้าวไกล│ทุเรียนตะวันออกผวาหนอนใต้│ยูเครนโวย“จี20”ไม่ประณามรัสเซียโดยตรง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4172973
ไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์จุดยืนในฐานะฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ซักนโยบายรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ ปชช.-ประเทศชาติ
เมื่อวันที่ 9 กันยายน พรรคไทยสร้างไทย ได้ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กันยายนนี้ ถึงจุดยืนในฐานะฝ่ายค้านว่า พรรคไทยสร้างไทยจะทำหน้าที่ในการอภิปรายและซักถามแนวนโยบายของรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และพร้อมสนับสนุนและผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด โดยยึดถือหลักการว่าประชาชนคือศูนย์กลางของการปกครอง และว่า แม้จะมี ส.ส. เพียง 6 คน แต่ทุกคนจะเป็นผู้แทนประชาชนที่มีคุณภาพ ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง
โดยแถลงการณ์ ฉบับเต็ม มีดังนี้
แถลงการณ์พรรคไทยสร้างไทย
การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2566 นี้ พรรคไทยสร้างไทยจะทำหน้าที่ในการอภิปรายและซักถามแนวนโยบาย รายละเอียด ตลอดจนกระบวนการดำเนินงานในระยะเวลา 4 ปีของรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติให้ดีที่สุด อย่างตรงไปตรงมา โดยมีคณะทำงานตรวจสอบทั้งภาพรวมและตามรายกระทรวง
เราจะไม่เป็นฝ่ายค้านที่ค้านทุกเรื่อง หรือใช้วาทกรรมที่สร้างความแตกแยกเกลียดชังในหมู่ประชาชน ถ้ารัฐบาลตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจ ตามที่ได้แถลงไว้ในวันรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เราพร้อมให้ความร่วมมือและร่วมเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนวาระเหล่านั้นให้สำเร็จ แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง มีการทุจริต หรือทำให้ผลประโยชน์ของประชาชนต้องเสียหาย เราจะทำหน้าที่ของเราอย่างไม่หวั่นเกรงต่อการใช้อำนาจและหน้าที่นั้นแต่อย่างใด
สำหรับวาระการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามีจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า เราสนับสนุนการแก้ไข โดยยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 ผ่านสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน เพื่อมาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ในหมวดที่เหลือทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อขจัดกับดักเผด็จการสืบทอดอำนาจ และเพื่อสร้างประชาธิปไตย ในเรื่องนี้พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้น ได้ปรากฏถึงการผลักดันการจัดทำประชามติ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญด้วย เพียงแต่ยังไม่มีการลงรายละเอียดถึงแนวทางการดำเนินการ และกรอบเวลาที่ชัดเจน
พรรคไทยสร้างไทยขอยืนยันว่าเราพร้อมสนับสนุนและผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อแก้ไขวิกฤตการเมืองและสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง นำพาบ้านเมืองออกจากความขัดแย้ง ความเหลื่อมล้ำ และความตกต่ำในทุกๆ ด้าน
เรายึดถือหลักการว่าประชาชน คือ ศูนย์กลางของการปกครอง และทุกฝ่ายต้องเคารพการตัดสินใจ รวมถึงเจตนารมณ์ของประชาชน ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อประชาชน
พรรคไทยสร้างไทยจะรักษาสัญญา ที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งว่า เราไม่สนับสนุนพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ จะไม่เป็นนั่งร้านและที่เหยียบยืนให้กับเผด็จการ ดังนั้น เราจึงไม่ร่วมสังฆกรรมในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากรัฐบาลแบบข้ามขั้วด้วยการงดออกเสียง และไม่เข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ
ถึงแม้เราจะเป็นพรรคการเมืองที่เพิ่งก่อตั้ง และมี ส.ส. เพียง 6 คน แต่ ส.ส.ของเราทุกคนจะเป็นผู้แทนประชาชนที่มีคุณภาพ ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง
พรรคไทยสร้างไทย
9 กันยายน 2566
นิด้าเผยปชช.มองก้าวไกลควรเลือกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_610635/
นิด้าโพลเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง“พรรคก้าวไกล ควรเลือกอะไร” ส่วนใหญ่ชี้ควรเลือกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน มองร่วมงานกับประชาธิปัตย์ได้ค่อนข้างดี
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “พรรคก้าวไกล ควรเลือกอะไร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ควรเลือกอะไร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
เมื่อถามประชาชนเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลในเรื่องตำแหน่งที่คิดว่าสำคัญระหว่างรองประธานสภาผู้แทนราษฎรกับผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 38.40 ระบุว่า สำคัญพอ ๆ กัน รองลงมา ร้อยละ 29.85 ระบุว่า ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สำคัญกว่า ร้อยละ 28.55 ระบุว่า รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สำคัญกว่า ร้อยละ 1.68 ระบุว่า ไม่สำคัญทั้งสองตำแหน่ง และร้อยละ 1.52 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อตำแหน่งที่พรรคก้าวไกลควรเลือกระหว่างรองประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 56.11 ระบุว่า ควรเลือกตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร รองลงมา ร้อยละ 39.08 ระบุว่า ควรเลือกตำแหน่ง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และร้อยละ 4.81 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำงานร่วมกันของพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ในการเป็นฝ่ายค้าน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.25 ระบุว่า ทั้งสองพรรคจะทำงานร่วมกันได้ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.55 ระบุว่า ทั้งสองพรรคจะทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ร้อยละ 17.79 ระบุว่า ทั้งสองพรรคจะทำงานร่วมกันได้ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.82 ระบุว่า ทั้งสองพรรคจะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้เลย และร้อยละ 3.59 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ผู้ส่งออกทุเรียนเดี้ยง ด่านตรวจพืชนครพนมสั่งตีกลับตู้คอนเทนเนอร์อีกเพียบ สกัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนก่อนส่งออกไปจีน ขณะที่สมาคมทุเรียนไทย-ชาวสวนผวาทุเรียนยะลาที่มีหนอน ถูกส่งขายราคาถูก มาเข้าโรงงานแปรรูปทำทุเรียนแช่แข็งที่ภาคตะวันออกจำนวนมาก จี้หน่วยงานรัฐเร่งควบคุมหวั่น “หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน” ลามเข้าสวนทุเรียนภาคตะวันออกฤดูกาลหน้า
รายงานจากผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” จากการที่หน่วยงานภาครัฐของไทยและด่านตรวจพืชชายแดนจังหวัดต่าง ๆ มีมาตรการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนก่อนส่งออกไปในตลาดจีน ปรากฏว่าเปิดตู้คอนเทนเนอร์มาพบหนอนในเมล็ดทุเรียน และถูกตีกลับตู้คอนเทนเนอร์บรรจุทุเรียนจำนวนมาก
โดยเฉพาะด่านตรวจพืชนครพนม พร้อมระงับการส่งออกของผู้ประกอบการ ทำให้ทุเรียนยะลาลอตสุดท้ายประมาณ 40,000-50,000 ตัน ซึ่งจะหมดฤดูกาลประมาณวันที่ 15 กันยายน 2566 ถูกคัดออกส่งตลาดบริโภคภายในประเทศ หรือแกะเนื้อเป็นทุเรียนแช่แข็งส่งเข้าไปที่โรงงานแกะเนื้อแช่แข็งในจังหวัดจันทบุรีและตราด
นายกฤติเดช อยู่รอด เลขาธิการสมาคมทุเรียนไทยและเกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนจังหวัดจันทบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้มีความกังวลกรณีที่มีการนำผลผลิตทุเรียนจากจังหวัดยะลาหรือจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้จำนวนมากขนส่งขึ้นมาแกะเนื้อ
เพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูปทุเรียนแช่แข็ง (ห้องเย็น) ต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรี เพราะอาจจะมีหนอนติดในเมล็ดทุเรียนมา และส่งผลกระทบให้เกิดการแพร่ระบาดของทุเรียนภาคตะวันออกในฤดูกาลหน้า ถ้าร้ายแรงมากอาจจะถูกแบน บล็อกไม่ให้นำเข้าทุเรียนไทย
ดังนั้น ความจำเป็นเร่งด่วน หน่วยงานภาครัฐต้องออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดหนอนในพื้นที่ และขอความร่วมมือผู้ประกอบการบริหารจัดการหลังแกะเนื้อ ต้องมีวิธีการทำลายอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้หนอนเติบโตแพร่พันธุ์ได้ ทั้งนี้สมาคมทุเรียนไทย (TDA)
ได้สะท้อนปัญหาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี (สวพ.6) สำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงงานแช่แข็งกำจัดการแพร่ระบาดของหนอนในเมล็ดทุเรียนแล้ว
“ตอนนี้เจ้าหน้าที่ สวพ.6 ได้ดำเนินการตรวจสอบ ให้คำแนะนำ และเฝ้าระวัง เพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน แต่ สวพ.6 ไม่มีอำนาจควบคุมโรงงานแปรรูปทุเรียนแช่แข็ง (ห้องเย็น) โรงเพาะชำโดยตรง ปัญหาสำคัญ คือ การป้องกันการแพร่ระบาดหนอนในเมล็ดทุเรียน ซึ่งไม่ทราบชัดเจนว่าหน่วยงานใดมีอำนาจดำเนินการแก้ปัญหา หรือควบคุม คุณภาพและแมลงศัตรูพืชโดยตรง” นายกฤติเดชกล่าว
นายธิติ เอกบุญยืน ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.จันทบุรี ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรจะหาทางกำจัดหนอนที่ติดมาไม่ให้โตกลายเป็นผีเสื้อและเข้าไปแพร่พันธุ์ในสวนทุเรียนต่อไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดหนอนทุเรียนในจังหวัดจันทบุรีและอาจแพร่ไปยังจังหวัดตราดได้ หากไม่ตระหนักในเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นปัญหาในฤดูหน้า ทำให้ต้องใช้สารเคมีเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันจะทำให้ต้นทุนของชาวสวนเพิ่มขึ้น
นายชลธี นุ่มหนู ผู้ประสานงานเครือข่ายพิทักษ์ทุเรียนไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หนอนเจาะเมล็ดทุเรียนควรเป็นวาระสำคัญในพื้นที่ การดูจากภายนอกจะไม่เห็นว่ามีหนอนอยู่ภายในจนกว่าทุเรียนผลผลิตแก่ใกล้เก็บเกี่ยว หนอนจะเจาะรูออกมาแล้วทิ้งตัวลงดิน เอาก้อนดินหุ้มตัวเป็นดักแด้
ทั้งนี้ การจะลดการระบาดในพื้นที่ ต้องคัดแยกสวนที่มีความเสี่ยง สวนปลอดหนอนและร่วมมือกันตัดทุเรียนแก่ เพื่อให้หนอนออกจากผล ก่อนคัดแยกส่งออก และทุเรียนที่ไม่ได้คุณภาพส่งออก ส่งโรงงานแกะเนื้อ แช่แข็งผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบฝังกลบเมล็ดทำลายหนอน
นายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี (สวพ.6) เปิดเผยว่า กรณีการนำทุเรียนใต้ที่แพร่ระบาดของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน มาแกะเนื้อที่จันทบุรี เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างเคร่งครัด สวพ.6 ทีมเล็บเหยี่ยว ประสานเกษตรจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจสอบผู้ประกอบการที่ทำโรงงานแปรรูปทุเรียนแช่แข็ง (ห้องเย็น) ใน จ.จันทบุรี 10 ราย พบหนอนเฉลี่ยประมาณ 20-30% บางแห่งซื้อทุเรียน เกรด AB ไม่พบเลย
ซึ่งอาคารประกอบการโรงงานทั้งหมดได้มาตรฐาน มีการเทปูนที่พื้น หากนำทุเรียนที่หนอนเจาะมากองจะพบตัวหนอนร่วงออกมา สามารถนำไปทำลายได้ และมีสถานที่จัดเก็บซากทุเรียน ทั้งเปลือก และอื่น ๆ การทำลายใช้วิธีฝังกลบและมีรับซื้อไปทำปุ๋ย ทั้งนี้ใน จ.จันทบุรีตอนนี้หมดฤดูกาลทำผลสดส่งตลาดต่างประเทศ มีเฉพาะโรงงานแปรรูปทุเรียนแช่แข็ง (ห้องเย็น) แต่ต้องเฝ้าระวังก่อนฤดูกาลหน้าของภาคตะวันออก