‘พิธา’ปวารณาตนเป็นคนของ ปชช. อวยพร ครม.ใหม่ ทำงานตามที่หาเสียงไว้ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4165203
แฟนคลับเสื้อส้ม แห่เบิร์ธเดย์ ‘พิธา’ ครบ 43 ปี แน่นก้าวไกล ตะโกนลั่น นายกฯพิธา แนะ ครม.ใหม่ ทำตามที่หาเสียงไว้ ปวารณาตน ขอทำงานเพื่อ ปชช. ปัดตอบปม ผู้นำฝ่ายค้าน เล็งเก็งข้อสอบนโยบายรัฐบาล
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่อาคารอนาคตใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า แฟนคลับพรรค ก.ก. หรือด้อมส้ม ต่างทยอยเดินทางมาอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ครบ 43 ปี กันเป็นจำนวนมาก พร้อมกับชูป้ายให้กำลังใจนาย
พิธา ระบุข้อความว่า เรารักก้าวไกล พร้อมสนับสนุนตลอดไป, Respect my vote นายก
พิธาคือนายกในดวงใจ
จากนั้น นาย
พิธาลงมาจากชั้น 2 บริเวณร้านโซลบาร์ โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างหนาแน่น ก่อนที่นาย
กรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล จะประกาศว่าให้ลงมารวมตัวกันที่ลานจอดรถ เพื่อถ่ายรูปหมู่ โดยมีประชาชนตะโกน
“นายกฯพิธา” เป็นระยะๆ
โดยนาย
พิธาขอความร่วมมือไม่ให้จัดงานรื่นเริง ห้ามร้องเพลง เนื่องจากอยู่ช่วงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ระยอง เขต 3
เมื่อถามว่าวันเกิดปีนี้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ นาย
พิธากล่าวว่า วันเกิดปีนี้อายุครบ 43 ปี การที่ได้มาอยู่ท่ามกลางประชาชน ที่รักในประชาธิปไตย ที่พยายามยืนหยัดในความเป็นพลเมืองของเขา แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่หาจากที่อื่นไม่ได้ และอยากให้ความทุกข์ร้อนของประชาชน ความไม่เท่าเทียมในประเทศนี้ ผ่านไปโดยเร็ววัน
“
ก็ปวารณาตนในวันเกิดตัวเองว่าจะตั้งใจทำงานให้กับประชาชน แม้ว่าจะอยู่ในทำเนียบหรือนอกทำเนียบ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาหรือนอกสภา ก็จะยังคงเป็นคนของพี่น้องประชาชนเหมือนเดิม” นาย
พิธากล่าว
เมื่อถามว่าเส้นทางการเมืองต่อไปจะเป็นอย่างไร นาย
พิธากล่าวว่า อยู่เคียงข้างประชาชนพวกเขาเลือกผมมาให้ทำงานให้ ไม่ใช่ให้มากังวล หรือรู้สึกสิ้นหวังในความท้าทายที่จะถาโถมเข้ามา
เมื่อถามว่าจากหน้าตา ครม.จะฝากความหวังไว้ได้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า คงไม่ได้วิเคราะห์จากหน้าตาบุคคลใดบุลคลหนึ่ง วิเคราะห์ในเรื่องของหลักการ นั้นคือสาเหตุตอนนี้ตนพยายามฟอร์มรัฐบาล ได้มีเอ็มโอยูเป็นตัวตั้ง ว่าหลักการในการทำงานจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และขออวยพรให้ ครม.ชุดนี้ สามารถที่จะทำงานได้ตามที่หาเสียงไว้ เพราะเห็นว่าหาเสียงคล้ายๆ กัน เวลาขึ้นดีเบต เมื่อถามเรื่องปฏิรูปกองทัพ ทลายทุนผูกขาด ก็ตอบเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องฟังคำวิจารณ์ฝั่งตน แค่จำให้ได้ว่า ดิจิทัลฟุตพรินต์ มีอย่างไร และจำให้ได้ว่าตอนดีเบตพูดไว้อย่างไร
ส่วนจะให้เวลาแค่นี้ ที่จะเริ่มตรวจสอบ นาย
พิธาระบุว่า ถ้าตามคำสัมภาษณ์ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย บอกว่าไม่มีเวลารอฮันนีมูนต่อไป เพราะความเดือดร้อนของประชาชนรอมานาน จึงอยากให้รีบทำงานให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมีคนเรียกว่าเป็นนายกฯ สะท้อนให้เห็นอะไร นาย
พิธากล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าสะท้อนอะไร ก็ทำหน้าที่ให้เต็มที่ และยังมีเวลาเหลืออีกเยอะในการทำงาน อย่างที่เคยบอกเราจะทำงานแบบฝ่ายค้านเชิงรุกคือ การเตรียมตัวที่จะสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งถัดไป รวมถึงการทำงานทางความคิดกับคนที่เห็นต่างกับเรา ให้เห็นภาพว่าการเมืองที่เป็นไปได้พวกเขาจะมีส่วนร่วมและจะมีโอกาสที่จะอยู่อย่างไร รวมถึงผู้ที่ต่อต้านในครั้งนี้ว่าวิธีคิดของเรามีแต่ได้กับได้ ไม่ได้มีใครต้องเสียอย่างที่คิด หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีพวกเขาอยู่ การเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไปจนพวกเขารับไม่ได้ เป็นการที่มีพื้นที่ให้สำหรับทุกคน เพราะจะทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่ยืนอยู่บนเวทีโลก ไม่ใช่ต้องการมาต่อสู้กันเอง
ส่วนเรื่องแถลงนโยบาย มองว่าในส่วนของฝ่ายค้านต้องรอเอกสารนโยบายที่เป็นรูปเล่ม จำได้ครั้งที่อภิปรายเรื่องกระดุม 5 เม็ด ได้อ่านเอกสารนโยบายที่จังหวัดสกลนครเป็นเวลา 5 วันก่อนอภิปรายจริง
“
ปีศาจอยู่ในรายละเอียด จะให้อ่านเอกสารก่อนอภิปราย 2 วันคงเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องสื่อสารให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าตอนนี้ เราได้เก็งข้อสอบไว้บ้างแล้วในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา และถ้าไม่อยู่ในนโยบายนี้ คงต้องตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เกิดขึ้น” นายพิธากล่าว
สำหรับประเด็นการรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายพิธาย้ำว่า ต้องรอความชัดเจนในเรื่องคดีของตน ประกอบกับมาตรา 106 วรรคสุดท้ายของรัฐธรรมนูญ เขียนไว้ชัดเจนว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่ควรไหลไปพรรคอื่น หรือถ้าตนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็ต้องไหลกลับมาที่พรรคก้าวไกล
นาย
พิธากล่าวเน้นย้ำว่า กรณีที่จะรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ ต้องแบ่งเป็นหลายมิติ คือ มิติตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่าต้องมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่ในเชิงส่วนตัว ตนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง โดยเฉพาะที่หลายคนพยายามกดดันให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่งลาออก ส่วนในมุมมองของพรรคเห็นว่ายังต้องรอความชัดเจนเรื่องคดี ซึ่งจะตรงกับที่นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาเคยพูดไว้ พร้อมยืนยันว่าตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีการเรียกชี้แจงแต่อย่างใด แต่ทางพรรคก้าวไกลได้เตรียมข้อกฎหมายไว้สำหรับชี้แจงเรียบร้อยแล้ว
จากนั้น นาย
พิธาได้ทำความเข้าใจกับแฟนคลับโดยใช้ไมโครโฟนในการจัดระเบียบขี้แจงกับแฟนคลับแล้ว ก็ได้ถ่ายวิดีโอเซลฟี่กับแฟนคลับร่วมกัน พร้อมขอบคุณทุกคนที่มาร่วมอวยพรวันเกิดในวันนี้ และขออภัยที่ไม่สามารถเฉลิมฉลองได้ หลังจากถ่ายรูปจบนาย
พิธา ก็กลับขึ้นไปห้องประชุมกับ ส.ส.พรรคก้าวไกลต่อ
สำหรับแฟนคลับที่เดินทางมาในวันนี้ บางส่วนก็นำเค้ก ผลไม้ ดอกไม้ มามอบให้กับนายพิธา รวมถึงแฟนคลับยังทำรูปวาด เป็นไวนิล และให้แฟนคลับได้ร่วมเขียนคำอวยพรหลังไวนิล เพื่อมอบให้กับนายพิธา เป็นที่ระลึกด้วย ทำให้บรรยากาศที่อาคารอนาคตใหม่ช่วงเย็นวันนี้เป็นไปด้วยความคึกคัก
ขณะนายกรุณพล ส.ส.บัญชีชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง และนายพิธาถือเป็นทีมช่วยหาเสียง จึงจะไม่มีการร้องเพลงหรือการละเล่นใดๆ ที่ส่อไปทางงานรื่นเริง เพราะกังวลข้อกฎหมายในการจัดมหรสพ และไม่สามารถรับของขวัญจากมือได้เพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง
กัณวีร์ เล่ายิบวันแบ่งปธ.กมธ. ทำก้าวไกลถูกโดดเดี่ยว ยกหลักฝ่ายค้าน ควรได้ตรวจสอบรบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4164555
กัณวีร์ เป็นธรรม เล่ายิบวันแบ่ง ปธ.กมธ. ตามสัดส่วน ส.ส. ทำก้าวไกลถูกโดดเดี่ยว ชี้ขั้ว รบ.มีถึง 23 ใน 35 คณะ ควรให้ฝ่ายค้านได้ตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 5 กันยายน
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้โพสต์ข้อเขียนเผยบรรยากาศการประชุมพรรคการเมืองเพื่อจัดสรรตำแหน่งประธาน กมธ.สามัญ ทั้ง 35 คณะ โดยระบุว่า
“ครั้งแรกที่ซึมซาบบรรยากาศการประชุมพรรคการเมืองเพื่อแบ่งสรรตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ สภาผู้แทนราษฏร ทั้ง 35 กมธ. น่าสนใจดีครับ ลองทายกันครับ แต่ละพรรคต้องการ กมธ.ไหน และเมิน กมธ.ไหนบ้าง…
จากสูตรคำนวณจำนวนตำแหน่ง “ประธาน” กมธ.ทั้ง 35 คณะนั้น ชัดเจนว่าผู้ได้รับผลกระทบอยู่ 2 พรรค คือ ก้าวไกล (10 กมธ.) กับรวมไทยสร้างชาติ (3 กมธ.) เพราะการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง หากก้าวไกลเจ้าของพื้นที่ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 10 กันยายนนี้ ก้าวไกลจะได้เพิ่มเป็น 11 ตำแหน่งและ รทสช.จะลดลงเหลือ 2 กมธ.
“เราควรคิดถึง (คำนวณสัดส่วน) จำนวน ส.ส. ณ เวลาปัจจุบัน คือ 499 เราไม่ควรคิดถึงจำนวน ส.ส. ที่จะมีในอนาคต” นี่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจมีมติการประชุมเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา และให้พรรคก้าวไกลคงไว้เหลือตำแหน่ง “ประธาน” แค่ 10 กมธ. และรวมไทยสร้างชาติ ที่ ณ ปัจจุบันมีตำแหน่ง “ประธาน” 3 กมธ.
คือจริงๆ ดูแล้วมันน่าจะง่าย แต่หากพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่าตัวแปรผกผันเพียงเล็กน้อย ก็อาจเป็นผลให้กระทบต่อเศษส่วนของสิทธิในการเป็นประธานกรรมาธิการ แถมหากในอนาคตมี ส.ส. ท่านใดจากพรรคใดโดนใบเหลืองใบแดงอีก ที่คาดว่ามีจากการจ่อมาแล้วของ กกต. เกือบ 70 คน อาจมีผลต่อไม่ว่าตำแหน่ง “ประธาน” และ “กรรมาธิการ” ด้วยซ้ำ
แต่วันนี้ได้ข้อสรุปที่ดีขึ้นครับว่า “หากในอนาคต มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญในการคำนวณตำแหน่งประธานและรวมถึงกรรมาธิการ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งประจำตัว ส.ส.ด้วย เราจะสามารถมาหารือกันได้อีกในความเหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานและกรรมาธิการ หากจำนวน ส.ส.ได้มีการเปลี่ยนแปลงและกระทบต่อสัดส่วนต่างๆ ได้”
พรรคเล็กที่มีที่นั่งไม่ถึง 9 ที่นั่งใน ส.ส. ก็ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะยังไงเราไม่ได้ตำแหน่ง “ประธาน” กมธ. อยู่แล้วตามสูตรคำนวณด้วยจำนวน ส.ส. ของแต่ละพรรค คูณด้วยจำนวน กมธ.ทั้งหมด (35) และหารด้วย จำนวน 499 (จำนวน ส.ส.ทั้งหมดในสภา ณ ปัจจุบัน เพราะ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลลาออก และจะมีการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 10 กันยายนนี้)
แม้ว่าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเขา แต่ที่นั่งฟังมา 2 วัน ขอบอกครับเห็นใจทุกพรรคจริงๆ ทุกคนอยากให้ กมธ.เดินหน้าโดยเร็ว ทุกพรรคอยากทำงานแล้ว แถมยังมีตัวล็อกเรื่องงบประมาณที่ กมธ.จำเป็นต้องเร่งเสนอแผนงานโครงการต่างๆ ที่ยังมีงบประมาณเหลืออยู่อีกประมาณครึ่งหนึ่งของ กมธ.ชุดก่อนหน้านี้ หากไม่สามารถเสนอโครงการแผนงานได้ทันภายในอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนกันยายนนี้ จำเป็นต้องคืนงบไป ซึ่งผมได้มีโอกาสคุยกับท่านที่ปรึกษากฎหมายสภาผู้แทนราษฏรที่บังเอิญเจอกันครับ
นี่จึงเป็นที่มาของความพยายามของทุกพรรคที่จะเร่งแบ่งสรรปันส่วนตำแหน่งประธาน กมธ.กันให้เหมาะและเร็ว ไม่งั้นต้องคืนเงิน แต่ท่านที่ปรึกษาฯที่ผมได้พบ ท่านให้คำแนะนำว่าถึงแม้ต้องคืนเงินแต่สามารถร้องของบล่วงหน้ามาใช้ก่อนได้ ไม่ได้มีปัญหาใดๆ หากมันเป็น worst case scenario เสียแล้วก็คงจำเป็นต้องทำไป
แต่เข้าใจทุกคนคงไม่อยากคืนเงินที่มีอยู่แล้วหรอก ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันครับ อีกเรื่องคือ ผมมองด้วยใจเป็นกลางนะครับ ผมเชื่อมั่นว่าทุกพรรคการเมืองเวลามาทำ กมธ.แล้วก็จะทำงานเต็มที่ครับ ไม่แบ่งพรรคไหนและฝ่ายใด อันนี้เป็นที่ประจักษ์อยู่
สิ่งที่ผมเห็น สิ่งที่ผมสังเกตคือตำแหน่งประธาน กมธ.ทั้ง 35 คณะนี้ หากแบ่งเป็นว่าที่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านแล้ว รัฐบาลมีถึง 23 กมธ. (พท. 10 ภท. 5 พปชร. 3 รทสช. 3 ชทพ. 1 และ ปชช. 1)
และฝ่ายค้าน 12 กมธ. (กก. 10 และ ปชป. 2) ผมดูอย่างไม่มีอคตินะครับ ก้าวไกล ดูเหมือนถูกโดดเดี่ยว เพราะ 7 กมธ.มีซ้ำกับพรรคอื่นๆ แต่พรรคอื่นๆ ไม่มีซ้ำอะไรใดๆ กันเลย ผมไม่แน่ใจว่า มีการพูดคุยประสานอะไรใดๆ กันหรือไม่ แต่เท่าที่สังเกตทุกพรรคคงคุยกัน ยกเว้นกับก้าวไกลและ/หรือก้าวไกลไม่ได้คุยก่อน
อย่างไรก็ตาม การสร้างรากฐานระบอบประชาธิปไตยที่มีประสิทธิภาพ กมธ.ควรทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุล การทำงานของรัฐบาล ดังนั้น ฝ่ายค้านควรเป็นประธาน กมธ.ที่ดูแลการทำหน้าที่ของกระทรวงหลักๆ อาทิ งบประมาณ กฎหมาย ยุติธรรม สิทธิมนุษยชน แรงงาน ฯลฯ
ก็ได้แต่หวังครับว่า ทั้ง 7 กมธ.ที่มีความประสงค์ทับซ้อนกันระหว่างพรรคก้าวไกลกับอื่นๆ อีก 4 พรรคจะสามารถลุล่วงไปด้วยดี และอีก 7 กมธ.ที่ไม่มีผู้ใดประสงค์จะเป็นประธาน กมธ.จะสามารถลงเอยกันอย่างไร
พรรคเล็กๆ คงได้แต่ชะเง้อมองพรรคที่มีความชอบธรรมในการตกลงตำแหน่งประธานคณะกรรมธิการให้ลงตัวครับ เราพร้อมสนับสนุนตามศักยภาพที่พวกเรามีอย่างเต็มที่ โดยไม่แบ่งพรรคและแบ่งฝั่งในการทำงานครับ
น่าสนใจการเมืองไทยทำไมดูออกง่ายขนาดนี้ว่ามันจะเดินไปทางใด…”
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid0BWcDTh3Z
JJNY : ‘พิธา’ปวารณาตนเป็นคนของปชช.│กัณวีร์ เล่ายิบวันแบ่งปธ.กมธ.│ชาวไร่จ่อขอเงินอ้อยสด 120 บ./ตัน│สหรัฐเตือนเกาหลีเหนือ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4165203
แฟนคลับเสื้อส้ม แห่เบิร์ธเดย์ ‘พิธา’ ครบ 43 ปี แน่นก้าวไกล ตะโกนลั่น นายกฯพิธา แนะ ครม.ใหม่ ทำตามที่หาเสียงไว้ ปวารณาตน ขอทำงานเพื่อ ปชช. ปัดตอบปม ผู้นำฝ่ายค้าน เล็งเก็งข้อสอบนโยบายรัฐบาล
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่อาคารอนาคตใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า แฟนคลับพรรค ก.ก. หรือด้อมส้ม ต่างทยอยเดินทางมาอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ครบ 43 ปี กันเป็นจำนวนมาก พร้อมกับชูป้ายให้กำลังใจนายพิธา ระบุข้อความว่า เรารักก้าวไกล พร้อมสนับสนุนตลอดไป, Respect my vote นายกพิธาคือนายกในดวงใจ
จากนั้น นายพิธาลงมาจากชั้น 2 บริเวณร้านโซลบาร์ โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างหนาแน่น ก่อนที่นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล จะประกาศว่าให้ลงมารวมตัวกันที่ลานจอดรถ เพื่อถ่ายรูปหมู่ โดยมีประชาชนตะโกน “นายกฯพิธา” เป็นระยะๆ
โดยนายพิธาขอความร่วมมือไม่ให้จัดงานรื่นเริง ห้ามร้องเพลง เนื่องจากอยู่ช่วงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ระยอง เขต 3
เมื่อถามว่าวันเกิดปีนี้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ นายพิธากล่าวว่า วันเกิดปีนี้อายุครบ 43 ปี การที่ได้มาอยู่ท่ามกลางประชาชน ที่รักในประชาธิปไตย ที่พยายามยืนหยัดในความเป็นพลเมืองของเขา แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่หาจากที่อื่นไม่ได้ และอยากให้ความทุกข์ร้อนของประชาชน ความไม่เท่าเทียมในประเทศนี้ ผ่านไปโดยเร็ววัน
“ก็ปวารณาตนในวันเกิดตัวเองว่าจะตั้งใจทำงานให้กับประชาชน แม้ว่าจะอยู่ในทำเนียบหรือนอกทำเนียบ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาหรือนอกสภา ก็จะยังคงเป็นคนของพี่น้องประชาชนเหมือนเดิม” นายพิธากล่าว
เมื่อถามว่าเส้นทางการเมืองต่อไปจะเป็นอย่างไร นายพิธากล่าวว่า อยู่เคียงข้างประชาชนพวกเขาเลือกผมมาให้ทำงานให้ ไม่ใช่ให้มากังวล หรือรู้สึกสิ้นหวังในความท้าทายที่จะถาโถมเข้ามา
เมื่อถามว่าจากหน้าตา ครม.จะฝากความหวังไว้ได้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า คงไม่ได้วิเคราะห์จากหน้าตาบุคคลใดบุลคลหนึ่ง วิเคราะห์ในเรื่องของหลักการ นั้นคือสาเหตุตอนนี้ตนพยายามฟอร์มรัฐบาล ได้มีเอ็มโอยูเป็นตัวตั้ง ว่าหลักการในการทำงานจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และขออวยพรให้ ครม.ชุดนี้ สามารถที่จะทำงานได้ตามที่หาเสียงไว้ เพราะเห็นว่าหาเสียงคล้ายๆ กัน เวลาขึ้นดีเบต เมื่อถามเรื่องปฏิรูปกองทัพ ทลายทุนผูกขาด ก็ตอบเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องฟังคำวิจารณ์ฝั่งตน แค่จำให้ได้ว่า ดิจิทัลฟุตพรินต์ มีอย่างไร และจำให้ได้ว่าตอนดีเบตพูดไว้อย่างไร
ส่วนจะให้เวลาแค่นี้ ที่จะเริ่มตรวจสอบ นายพิธาระบุว่า ถ้าตามคำสัมภาษณ์ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย บอกว่าไม่มีเวลารอฮันนีมูนต่อไป เพราะความเดือดร้อนของประชาชนรอมานาน จึงอยากให้รีบทำงานให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมีคนเรียกว่าเป็นนายกฯ สะท้อนให้เห็นอะไร นายพิธากล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าสะท้อนอะไร ก็ทำหน้าที่ให้เต็มที่ และยังมีเวลาเหลืออีกเยอะในการทำงาน อย่างที่เคยบอกเราจะทำงานแบบฝ่ายค้านเชิงรุกคือ การเตรียมตัวที่จะสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งถัดไป รวมถึงการทำงานทางความคิดกับคนที่เห็นต่างกับเรา ให้เห็นภาพว่าการเมืองที่เป็นไปได้พวกเขาจะมีส่วนร่วมและจะมีโอกาสที่จะอยู่อย่างไร รวมถึงผู้ที่ต่อต้านในครั้งนี้ว่าวิธีคิดของเรามีแต่ได้กับได้ ไม่ได้มีใครต้องเสียอย่างที่คิด หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีพวกเขาอยู่ การเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไปจนพวกเขารับไม่ได้ เป็นการที่มีพื้นที่ให้สำหรับทุกคน เพราะจะทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่ยืนอยู่บนเวทีโลก ไม่ใช่ต้องการมาต่อสู้กันเอง
ส่วนเรื่องแถลงนโยบาย มองว่าในส่วนของฝ่ายค้านต้องรอเอกสารนโยบายที่เป็นรูปเล่ม จำได้ครั้งที่อภิปรายเรื่องกระดุม 5 เม็ด ได้อ่านเอกสารนโยบายที่จังหวัดสกลนครเป็นเวลา 5 วันก่อนอภิปรายจริง
“ปีศาจอยู่ในรายละเอียด จะให้อ่านเอกสารก่อนอภิปราย 2 วันคงเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องสื่อสารให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าตอนนี้ เราได้เก็งข้อสอบไว้บ้างแล้วในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา และถ้าไม่อยู่ในนโยบายนี้ คงต้องตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เกิดขึ้น” นายพิธากล่าว
สำหรับประเด็นการรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายพิธาย้ำว่า ต้องรอความชัดเจนในเรื่องคดีของตน ประกอบกับมาตรา 106 วรรคสุดท้ายของรัฐธรรมนูญ เขียนไว้ชัดเจนว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่ควรไหลไปพรรคอื่น หรือถ้าตนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็ต้องไหลกลับมาที่พรรคก้าวไกล
นายพิธากล่าวเน้นย้ำว่า กรณีที่จะรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ ต้องแบ่งเป็นหลายมิติ คือ มิติตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่าต้องมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่ในเชิงส่วนตัว ตนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง โดยเฉพาะที่หลายคนพยายามกดดันให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่งลาออก ส่วนในมุมมองของพรรคเห็นว่ายังต้องรอความชัดเจนเรื่องคดี ซึ่งจะตรงกับที่นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาเคยพูดไว้ พร้อมยืนยันว่าตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีการเรียกชี้แจงแต่อย่างใด แต่ทางพรรคก้าวไกลได้เตรียมข้อกฎหมายไว้สำหรับชี้แจงเรียบร้อยแล้ว
จากนั้น นายพิธาได้ทำความเข้าใจกับแฟนคลับโดยใช้ไมโครโฟนในการจัดระเบียบขี้แจงกับแฟนคลับแล้ว ก็ได้ถ่ายวิดีโอเซลฟี่กับแฟนคลับร่วมกัน พร้อมขอบคุณทุกคนที่มาร่วมอวยพรวันเกิดในวันนี้ และขออภัยที่ไม่สามารถเฉลิมฉลองได้ หลังจากถ่ายรูปจบนายพิธา ก็กลับขึ้นไปห้องประชุมกับ ส.ส.พรรคก้าวไกลต่อ
สำหรับแฟนคลับที่เดินทางมาในวันนี้ บางส่วนก็นำเค้ก ผลไม้ ดอกไม้ มามอบให้กับนายพิธา รวมถึงแฟนคลับยังทำรูปวาด เป็นไวนิล และให้แฟนคลับได้ร่วมเขียนคำอวยพรหลังไวนิล เพื่อมอบให้กับนายพิธา เป็นที่ระลึกด้วย ทำให้บรรยากาศที่อาคารอนาคตใหม่ช่วงเย็นวันนี้เป็นไปด้วยความคึกคัก
ขณะนายกรุณพล ส.ส.บัญชีชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง และนายพิธาถือเป็นทีมช่วยหาเสียง จึงจะไม่มีการร้องเพลงหรือการละเล่นใดๆ ที่ส่อไปทางงานรื่นเริง เพราะกังวลข้อกฎหมายในการจัดมหรสพ และไม่สามารถรับของขวัญจากมือได้เพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง
กัณวีร์ เล่ายิบวันแบ่งปธ.กมธ. ทำก้าวไกลถูกโดดเดี่ยว ยกหลักฝ่ายค้าน ควรได้ตรวจสอบรบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4164555
กัณวีร์ เป็นธรรม เล่ายิบวันแบ่ง ปธ.กมธ. ตามสัดส่วน ส.ส. ทำก้าวไกลถูกโดดเดี่ยว ชี้ขั้ว รบ.มีถึง 23 ใน 35 คณะ ควรให้ฝ่ายค้านได้ตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 5 กันยายน กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้โพสต์ข้อเขียนเผยบรรยากาศการประชุมพรรคการเมืองเพื่อจัดสรรตำแหน่งประธาน กมธ.สามัญ ทั้ง 35 คณะ โดยระบุว่า
“ครั้งแรกที่ซึมซาบบรรยากาศการประชุมพรรคการเมืองเพื่อแบ่งสรรตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ สภาผู้แทนราษฏร ทั้ง 35 กมธ. น่าสนใจดีครับ ลองทายกันครับ แต่ละพรรคต้องการ กมธ.ไหน และเมิน กมธ.ไหนบ้าง…
จากสูตรคำนวณจำนวนตำแหน่ง “ประธาน” กมธ.ทั้ง 35 คณะนั้น ชัดเจนว่าผู้ได้รับผลกระทบอยู่ 2 พรรค คือ ก้าวไกล (10 กมธ.) กับรวมไทยสร้างชาติ (3 กมธ.) เพราะการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง หากก้าวไกลเจ้าของพื้นที่ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 10 กันยายนนี้ ก้าวไกลจะได้เพิ่มเป็น 11 ตำแหน่งและ รทสช.จะลดลงเหลือ 2 กมธ.
“เราควรคิดถึง (คำนวณสัดส่วน) จำนวน ส.ส. ณ เวลาปัจจุบัน คือ 499 เราไม่ควรคิดถึงจำนวน ส.ส. ที่จะมีในอนาคต” นี่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจมีมติการประชุมเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา และให้พรรคก้าวไกลคงไว้เหลือตำแหน่ง “ประธาน” แค่ 10 กมธ. และรวมไทยสร้างชาติ ที่ ณ ปัจจุบันมีตำแหน่ง “ประธาน” 3 กมธ.
คือจริงๆ ดูแล้วมันน่าจะง่าย แต่หากพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่าตัวแปรผกผันเพียงเล็กน้อย ก็อาจเป็นผลให้กระทบต่อเศษส่วนของสิทธิในการเป็นประธานกรรมาธิการ แถมหากในอนาคตมี ส.ส. ท่านใดจากพรรคใดโดนใบเหลืองใบแดงอีก ที่คาดว่ามีจากการจ่อมาแล้วของ กกต. เกือบ 70 คน อาจมีผลต่อไม่ว่าตำแหน่ง “ประธาน” และ “กรรมาธิการ” ด้วยซ้ำ
แต่วันนี้ได้ข้อสรุปที่ดีขึ้นครับว่า “หากในอนาคต มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญในการคำนวณตำแหน่งประธานและรวมถึงกรรมาธิการ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งประจำตัว ส.ส.ด้วย เราจะสามารถมาหารือกันได้อีกในความเหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานและกรรมาธิการ หากจำนวน ส.ส.ได้มีการเปลี่ยนแปลงและกระทบต่อสัดส่วนต่างๆ ได้”
พรรคเล็กที่มีที่นั่งไม่ถึง 9 ที่นั่งใน ส.ส. ก็ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะยังไงเราไม่ได้ตำแหน่ง “ประธาน” กมธ. อยู่แล้วตามสูตรคำนวณด้วยจำนวน ส.ส. ของแต่ละพรรค คูณด้วยจำนวน กมธ.ทั้งหมด (35) และหารด้วย จำนวน 499 (จำนวน ส.ส.ทั้งหมดในสภา ณ ปัจจุบัน เพราะ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลลาออก และจะมีการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 10 กันยายนนี้)
แม้ว่าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเขา แต่ที่นั่งฟังมา 2 วัน ขอบอกครับเห็นใจทุกพรรคจริงๆ ทุกคนอยากให้ กมธ.เดินหน้าโดยเร็ว ทุกพรรคอยากทำงานแล้ว แถมยังมีตัวล็อกเรื่องงบประมาณที่ กมธ.จำเป็นต้องเร่งเสนอแผนงานโครงการต่างๆ ที่ยังมีงบประมาณเหลืออยู่อีกประมาณครึ่งหนึ่งของ กมธ.ชุดก่อนหน้านี้ หากไม่สามารถเสนอโครงการแผนงานได้ทันภายในอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนกันยายนนี้ จำเป็นต้องคืนงบไป ซึ่งผมได้มีโอกาสคุยกับท่านที่ปรึกษากฎหมายสภาผู้แทนราษฏรที่บังเอิญเจอกันครับ
นี่จึงเป็นที่มาของความพยายามของทุกพรรคที่จะเร่งแบ่งสรรปันส่วนตำแหน่งประธาน กมธ.กันให้เหมาะและเร็ว ไม่งั้นต้องคืนเงิน แต่ท่านที่ปรึกษาฯที่ผมได้พบ ท่านให้คำแนะนำว่าถึงแม้ต้องคืนเงินแต่สามารถร้องของบล่วงหน้ามาใช้ก่อนได้ ไม่ได้มีปัญหาใดๆ หากมันเป็น worst case scenario เสียแล้วก็คงจำเป็นต้องทำไป
แต่เข้าใจทุกคนคงไม่อยากคืนเงินที่มีอยู่แล้วหรอก ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันครับ อีกเรื่องคือ ผมมองด้วยใจเป็นกลางนะครับ ผมเชื่อมั่นว่าทุกพรรคการเมืองเวลามาทำ กมธ.แล้วก็จะทำงานเต็มที่ครับ ไม่แบ่งพรรคไหนและฝ่ายใด อันนี้เป็นที่ประจักษ์อยู่
สิ่งที่ผมเห็น สิ่งที่ผมสังเกตคือตำแหน่งประธาน กมธ.ทั้ง 35 คณะนี้ หากแบ่งเป็นว่าที่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านแล้ว รัฐบาลมีถึง 23 กมธ. (พท. 10 ภท. 5 พปชร. 3 รทสช. 3 ชทพ. 1 และ ปชช. 1)
และฝ่ายค้าน 12 กมธ. (กก. 10 และ ปชป. 2) ผมดูอย่างไม่มีอคตินะครับ ก้าวไกล ดูเหมือนถูกโดดเดี่ยว เพราะ 7 กมธ.มีซ้ำกับพรรคอื่นๆ แต่พรรคอื่นๆ ไม่มีซ้ำอะไรใดๆ กันเลย ผมไม่แน่ใจว่า มีการพูดคุยประสานอะไรใดๆ กันหรือไม่ แต่เท่าที่สังเกตทุกพรรคคงคุยกัน ยกเว้นกับก้าวไกลและ/หรือก้าวไกลไม่ได้คุยก่อน
อย่างไรก็ตาม การสร้างรากฐานระบอบประชาธิปไตยที่มีประสิทธิภาพ กมธ.ควรทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุล การทำงานของรัฐบาล ดังนั้น ฝ่ายค้านควรเป็นประธาน กมธ.ที่ดูแลการทำหน้าที่ของกระทรวงหลักๆ อาทิ งบประมาณ กฎหมาย ยุติธรรม สิทธิมนุษยชน แรงงาน ฯลฯ
ก็ได้แต่หวังครับว่า ทั้ง 7 กมธ.ที่มีความประสงค์ทับซ้อนกันระหว่างพรรคก้าวไกลกับอื่นๆ อีก 4 พรรคจะสามารถลุล่วงไปด้วยดี และอีก 7 กมธ.ที่ไม่มีผู้ใดประสงค์จะเป็นประธาน กมธ.จะสามารถลงเอยกันอย่างไร
พรรคเล็กๆ คงได้แต่ชะเง้อมองพรรคที่มีความชอบธรรมในการตกลงตำแหน่งประธานคณะกรรมธิการให้ลงตัวครับ เราพร้อมสนับสนุนตามศักยภาพที่พวกเรามีอย่างเต็มที่ โดยไม่แบ่งพรรคและแบ่งฝั่งในการทำงานครับ
น่าสนใจการเมืองไทยทำไมดูออกง่ายขนาดนี้ว่ามันจะเดินไปทางใด…”
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid0BWcDTh3Z