ประเทศอินเดียนับว่าเป็นประเทศที่หลายคนคงไม่เคยคิดอยากจะไปเที่ยวเลย แต่จริงๆ แล้วอินเดียนั้นเป็นประเทศที่มีวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมผู้คนก็น่ารักมากๆ วันนี้เราเลยจะมาแบ่งปันประสบการณ์การแบกเป้ไปอินเดียของเราในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่ทำให้เราหลงรักอินเดียจนไม่อยากกลับไทยเลย
เกริ่นก่อนเลยค่ะว่าทริปนี้เราไปกัน 2 คนกับพี่สาวที่เรารู้จักจากกลุ่มเที่ยวอินเดียในเฟส โดยแทนว่าพี่พี (นามสมมุติ) นะคะ
ระยะเวลาทั้งหมด 6 วัน 5 คืน
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
- New Delhi Railway Station
วันที่ 2
- Agra Fort
วันที่ 3
- Taj Mahal
วันที่ 4
- Jaigarh Fort
- Amber Fort
- Jal Mahal
- Panna Meena Ka Kund
วันที่ 5
- Hawa Mahal
- Sisodia Rani Bagh
- Albert Hall Museum
วันที่ 6
- Delhi
ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลยยย!
วันที่ 1 - มิตรภาพ ณ ชานชาลา
เรากับพี่พีบินมาถึงสนามบินเดลีประมาณ 2 ทุ่ม หลังทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ เราก็มุ่งหน้าไปที่สถานีรถไฟเดลี เพื่อรอนั่งรถไฟไปยังเมืองอักรารอบ 6 โมงเช้า
พวกเรามาถึงสถานีรถไฟประมาณเที่ยงคืน จากการอ่านรีวิวมาเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้ว่าที่สถานีมีห้องรับรองหญิงอยู่แถวชานชาลา เราจึงตกลงกันว่าจะเดินหาห้องรับรองเพื่อนอนในคืนนี้ แต่ทันทีที่เราเดินเข้าไปด้านในสถานีก็พบกับคนอินเดียนับร้อยปูเสื่อนอนรอขบวนรถไฟอยู่เต็มพื้น (คิดในใจว่า แล้วที่ห้องรับรองจะมีที่พอสำหรับพวกเราไหมเนี่ย)
บรรยากาศหน้าสถานีรถไฟยามค่ำคืน
พวกเราเดินมาด้านในชานชาลาเพื่อหาห้องรับรองต่อ เดินหาอยู่นานก็ไม่เจอสักที ท้ายที่สุดพวกเราจึงตัดสินใจรับบทเป็นคนพื้นเมือง 1 คืน นอนตรงพื้นโล่งหน้าชานชาลาที่ว่างอยู่ (เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามอะเนอะ)
แม้ว่าอากาศด้านในชานชาลาจะค่อนข้างอบอ้าว พื้นก็ไม่สะอาดอะไรมากมาย แต่จังหวะนี้คือไม่ไหวแล้วขอนอนก่อน นอนไปไม่ทันเคลิ้มก็ต้องตื่น เพราะสองยายหลานที่นอนอยู่ข้างๆ มาสะกิดชวนกินข้าวตอนเที่ยงคืนกว่า! โดยแกมีข้าวสวยร้อนๆ แกงเหลือง (ซึ่งคล้ายแกงฟักทองบ้านเรา) และแป้งโรตีหนานุ่มใส่อยู่รวมกันในถุงที่แกพกมาด้วย ในตอนแรกพวกเราจะปฏิเสธ แต่นั่นก็สายเกินไป เพราะคุณยายแกะถุงเทใส่จานยื่นให้เราเรียบร้อยแล้ว บวกกับแววตาของแกที่อยากแบ่งข้าวให้พวกเรามาก (อาจเพราะกลัวพวกเราหิว) เราจึงตอบรับน้ำใจของแกด้วยการเอามือเปิบข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย เพราะวัฒนธรรมของที่นี่ไม่ใช้ช้อนส้อมกินข้าว
*** เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรลอกเลียนแบบนะคะ เอาจริงจังหวะนั้นเราไม่ทันคิดให้ดีก่อน ไว้ใจคนอื่นมากเกินไป ตอนนั้นเราประเมินเบื้องต้น ดูแกเป็นเพียงผู้โดยสารที่มานอนรอเฉยๆ ไม่มีพิษภัยอะไร แต่เราจะเก็บไว้เตือนตัวเองในทริปต่อๆ ไปนะคะ 🙏
ล้างมือก่อนกินเรียบร้อย อ้ำ อาโหร่ยยยย
พวกเราสื่อสารกันผ่าน google translate อยู่สักพัก คุณยายเตือนให้พวกเราระวังกระเป๋าก่อนจะแยกย้ายกันนอน พวกเราก็ขอบคุณแกไป เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เราผล็อยหลับไปพร้อมกอดกระเป๋าแน่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คุณยายเตือนเลยแคปรูปเก็บไว้ น่ารักมากเลยยยย
แต่หลับยังไม่ทันฝันก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้งตอนตี 3 เมื่อเจ้าหน้าที่สถานีมาฉีดน้ำไล่ หันไปมองคุณยาย คุณยายบอกว่าเค้ามีการทำความสะอาดชานชาลาเวลานี้ทุกวัน (อะอ้าว คุณยายทำไมไม่บอกก่อนจะได้ไม่นอนแต่แรก) หลังจากนั้นทุกคนก็กระเจิดกระเจิงไปคนละทาง พวกเราเดินเลียบชานชาลาไปเรื่อยๆ จนเจอกับห้องรับรองหญิงที่เราตามหากันมาตลอด แต่พวกเราก็ไม่ง่วงแล้ว
วันที่ 2 - ปวดท้องที่อักรา
พวกเรานั่งรถไฟใช้ระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมงก็ถึงเมืองอักรา เนื่องจากเราอดนอนเลยไม่ได้ถ่ายรูปรถไฟไว้ รู้ตัวอีกทีก็ถึงที่หมายแล้ว เราออกมาจากสถานีรถไฟและเรียกตุ๊กตุ๊ก ทักษะที่ควรมีติดตัวไว้เมื่อมาอินเดียคือการต่อราคา เราต่อราคาตุ๊กตุ๊กจาก 200 รูปี เหลือ 60 รูปี (ซึ่งเป็นราคาที่พวกเรารับได้) เพื่อไปยังที่พัก โดยพวกเราพักกันที่ Joey's Hostel ซึ่งเป็นโฮสเทลที่ห่างจากทางเข้าทัชมาฮาลเพียง 200 เมตร
เดิมทีตอนแรกเราจะไปทัชมาฮาลหลังจากเช็คอิน แต่ความยมจากการอดนอนบวกกับเราเริ่มมีอาการปวดท้องนิดๆ ทำให้หลังจากเช็คอินเสร็จ เราก็สลบไปทันที ตื่นขึ้นมาอีกที 4 โมงเย็น พวกเราเลยเปลี่ยนแผน นั่งตุ๊กตุ๊กไปป้อมอักรา (Agra Fort) แทน ค่าเข้าสำหรับคนไทยอยู่ที่ 50 รูปี
ที่นี่ไม่สามารถนำกระเป๋าเข้าไปได้ แต่สำหรับใครที่หวงกระเป๋า กลัวน้องเลอะ เราไม่แนะนำให้พกมาด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ใช้ชอล์กเขียนเบอร์ไว้ที่กระเป๋าเราอย่างใหญ่ กว่าจะจางก็หลายวันอยู่
เจ้าหน้าที่ไม่อ่อนโยนต่อน้องเลยยยย
ป้อมอักราในตอนเย็นคนไม่ค่อยหนาแน่น ด้านในใหญ่มากจนพวกเราเดินดูไม่หมด แม้ว่าเราจะอยู่จนป้อมปิดก็ตาม (ตอนเราไป 5 โมงครึ่งยามก็เริ่มไล่ให้กลับแล้ว) อาจเป็นเพราะว่าเราปวดท้องด้วยเลยต้องเดินไปพักไป ส่วนในใจก็เริ่มโทษคุณยายไปก่อนแล้วว่าเอาอะไรให้หนูกินคะเนี่ยยยย
หน้าประตูก่อนจะออก ยามเย็นคนเริ่มน้อยแล้วววว
วันที่ 3 - ทัชมาฮาลจ๋ามาแล้วจ้า
เราตื่นตี 5 เตรียมตัวไปทัชมาฮาลแต่เช้าเพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น อาการปวดท้องของเราก็เริ่มดีขึ้น การซื้อตั๋วเข้าทัชมาฮาลเราแนะนำว่าซื้อออนไลน์มาก่อนจะดีกว่า (ซื้อผ่านเว็บไซต์ล่วงหน้า 1 วันก่อนไป ราคาประมาณ 550 รูปี) เนื่องจากจะถูกกว่าการซื้อหน้างาน ซึ่งราคาตั๋วหน้างานอยู่ที่ 750 รูปี ก่อนเข้าจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าของเราแบบละเอียดมาก สิ่งของที่ห้ามนำเข้าไปหลักๆ เลยคือขาตั้งกล้องและอาหาร แต่สามารถฝากไว้ข้างนอกได้
รูปนี้ถ่ายได้ตอนที่ไม่มีคนเดินพอดีโชคดีมาก
แม้ว่าพวกเราจะมาถึงเช้าแค่ไหน จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชมทัชมาฮาลก็ยังเยอะมากเหลือเกิน เยอะจนไม่มีมุมสำหรับถ่ายภาพสวยๆ คู่กับทัชมาฮาลเลย แต่ถ้าเดินมาด้านข้างทัชมาฮาลจะคนน้อยกว่าด้านหน้ามาก เรากระโดดเพื่อถ่ายบูมเมอแรงไป 1 ทีเบาๆ นักท่องเที่ยวอเมริกันเห็นก็เลยทำตาม แต่นางกระโดดไปประมาณ 10 ที จนคุณเจ้าหน้าที่เดินมาทำเสียงดุ เตือนว่าห้ามกระโดดโลดเต้นนะยู พร้อมบอกให้ลบรูปที่ถ่ายไปทั้งหมด
อันนี้คือมุมด้านข้างของทัชมาฮาล
การที่เราจะเข้าไปด้านในทัชมาฮาล ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 250 รูปี โดยด้านในทัชมาฮาลนั้นเป็นทางเดินวน ซึ่งตรงกลางมีหีบศพภรรยาอันเป็นที่รักวางอยู่ ส่วนด้านข้างเป็นหีบศพของกษัตริย์ผู้สร้างทัชมาฮาลแห่งนี้ขึ้น แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปได้
หลังจากที่เราเพลิดเพลินกับความใหญ่โตของทัชมาฮาลแล้ว ก็ถึงเวลาโบกมือลาเมืองอักรา มุ่งหน้าไปยังชัยปุระ ซึ่งเป็นที่หมายถัดไป...
**************************
รถไฟของเราออกตอนประมาณบ่าย 3 ครั้งนี้พวกเราจองเป็นรถไฟนอน ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง
รถไฟนอนชั้นที่เราจองสบายระดับนึง แอร์เย็นฉ่ำ มีผ้าปูที่นอนให้แต่กลิ่นจะมีความนัวนิดๆ เตียงมีทั้งหมด 3 ชั้น เรานอนชั้นที่ 2 ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเบียดหรืออึดอัดแต่อย่างใด (อาจจะเป็นเพราะเราไม่ค่อยอะไรกับเรื่องที่นอนด้วย) นอกจากนั้นยังมีเต้ารับสำหรับชาร์จแบตอีกด้วย โดยรวมแล้วประทับใจ
นอนกันแบบนี้เลยยย
วิวจากชั้น 2 ที่เรานอน มีเต้ารับอยู่บนทุกหัวนอนเลย ปังมาก
เมื่อเรามาถึง ท้องฟ้ายามเย็นของที่นี่ก็เป็นสีชมพูราวกับว่ารอต้อนรับพวกเราสมชื่อ ‘นครแห่งสีชมพู’
สวัสดี ชัยปุระ...
รถไฟยามเย็น ณ ชัยปุระ (คนด้านในเยอะมากกกกก)
**********
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
[CR] อินเดีย ไปแล้วไม่อยากกลับ - อักรา ชัยปุระ ฉบับผู้หญิงแบกเป้เที่ยว
วันที่ 1
- New Delhi Railway Station
วันที่ 2
- Agra Fort
วันที่ 3
- Taj Mahal
วันที่ 4
- Jaigarh Fort
- Amber Fort
- Jal Mahal
- Panna Meena Ka Kund
วันที่ 5
- Hawa Mahal
- Sisodia Rani Bagh
- Albert Hall Museum
วันที่ 6
- Delhi
แม้ว่าอากาศด้านในชานชาลาจะค่อนข้างอบอ้าว พื้นก็ไม่สะอาดอะไรมากมาย แต่จังหวะนี้คือไม่ไหวแล้วขอนอนก่อน นอนไปไม่ทันเคลิ้มก็ต้องตื่น เพราะสองยายหลานที่นอนอยู่ข้างๆ มาสะกิดชวนกินข้าวตอนเที่ยงคืนกว่า! โดยแกมีข้าวสวยร้อนๆ แกงเหลือง (ซึ่งคล้ายแกงฟักทองบ้านเรา) และแป้งโรตีหนานุ่มใส่อยู่รวมกันในถุงที่แกพกมาด้วย ในตอนแรกพวกเราจะปฏิเสธ แต่นั่นก็สายเกินไป เพราะคุณยายแกะถุงเทใส่จานยื่นให้เราเรียบร้อยแล้ว บวกกับแววตาของแกที่อยากแบ่งข้าวให้พวกเรามาก (อาจเพราะกลัวพวกเราหิว) เราจึงตอบรับน้ำใจของแกด้วยการเอามือเปิบข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย เพราะวัฒนธรรมของที่นี่ไม่ใช้ช้อนส้อมกินข้าว
*** เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรลอกเลียนแบบนะคะ เอาจริงจังหวะนั้นเราไม่ทันคิดให้ดีก่อน ไว้ใจคนอื่นมากเกินไป ตอนนั้นเราประเมินเบื้องต้น ดูแกเป็นเพียงผู้โดยสารที่มานอนรอเฉยๆ ไม่มีพิษภัยอะไร แต่เราจะเก็บไว้เตือนตัวเองในทริปต่อๆ ไปนะคะ 🙏
สวัสดี ชัยปุระ...
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้