ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัทเกี่ยวกับ It ยักษ์ใหญ่ของประเทศ ผมใช้เวลากว่า 5 ปีเต็มในการไต่เต้าขึ้นมาจนได้นั่งเก้าอี้หัวหน้าแผนก It ผมมีบ้านที่หรูหราและมีภรรยาที่สวยและน่ารักคอยต้อนรับเวลากลับบ้านในทุกๆวัน เราสองคนคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยหน้าตาที่สวยของเธอจึงเป็นที่ดึงดูดของผู้ชายหลายๆคนในมหาวิทยาลัย แต่หารู้ไม่ว่าผมคือคนเดียวที่ได้หัวใจของเธอ เรามีแพลนที่จะแต่งงานกันในอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง ผมได้แจกจ่ายบัตรเชิญและกระจายข่าวไปให้เหล่าญาติๆที่จะมาร่วมงานแล้วและผมกำลังตั้งตารอวันสุดแสนพิเศษนั้น อีกหนึ่งวันที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือวันนี้ ผมเดินออกจากบริษัทด้วยสูทตัวเก่งสีน้ำเงินพร้อมกับเนคไทสีแดง ผมแวะร้านเค้กและสั่งเค้กก้อนใหญ่เตรียมไว้ให้กับเธอในวันนี้และไม่ลืมที่จะซื้อของขวัญเตรียมเซอร์ไพรส์ให้เธอ ผมได้บอกพนักงานในร้านให้ห่อของขวัญเตรียมไว้อย่างดีเพื่อใช้มอบมันให้เธอในวันนี้ เมื่อสองวันก่อนผมได้เชิญเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นชาวต่างชาติคนหนึ่งมาในงานวันเกิดวันนี้ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มและเป็นคนขยันขันแข็งในหน้าที่การงานเราทั้งสองคนจึงเข้ากันได้ดีมากๆ เขาบอกผมว่าจะพาแขกอีกคนไปด้วยได้มั้ย ผมจึงตอบตกลงไม่มีปัญหาไป ผมเดินหิ้วของขวัญและเค้กก้อนใหญ่ไว้ที่แขนทั้งสองข้าง ผมเดินจนมาถึงหน้าบ้านของเรา ผมเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับของขวัญที่จะเซอร์ไพรส์แก่เธอ ทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกปากออกรส ภรรยาผม เพื่อนร่วมงานที่เป็นชาวต่างชาติและอีกคนหนึ่งคือแขกอีกคนหนึ่งที่เขาพูดถึง ผมได้เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นแฟนสาวหรือไม่ก็ภรรยาของเขา เวลาล่วงเลยมาจนถึงสี่ทุ่มแขกทั้งสองคนจึงขอตัวแยกย้ายกันกลับ เธอเดินออกไปส่งแขกทั้งคู่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นวันที่อากาศเย็นและคำพยากรณ์ทางโทรทัศน์บอกเอาไว้ว่าช่วงเวลาเที่ยงถึงสี่โมงเย็นจะมีฝนตกหนัก ภรรยาผมเลยเสนอให้พกร่มไปด้วย วันนี้ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยชุดสูทสีดำพร้อมกับเนคไทสีแดงเหมือนเช่นเคย ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านไปทำงาน เธอบอกกับผมว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายช่วงนี้อาเจียนอยู่บ่อยครั้งเธอจึงบอกว่าวันนี้จะไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อย ผมจึงตอบกลับเธอไปว่า “ ดีแล้วล่ะที่เธอใส่ใจสุขภาพ หากเธอไม่สบายในวันงานขึ้นมาคงจะแย่ ”
วันนี้ผมทำงานกะดึกจนเกือบเที่ยงคืน ผมลืมไปเลยว่าไม่ได้บอกเธอเอาไว้ก่อน เธออาจจะทำกับข้าวไว้รอผม พอคิดเช่นนั้นผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ผมค่อยๆขึ้นมายังเตียงโดยที่เธอน่าจะสังเกตถึงความเคลื่อนไหวของผม ผมกล่าวขอโทษกับเธอที่ไม่ได้บอกว่าวันนี้จะกลับดึก ผมรู้สึกได้ว่าเธอดูจะโกรธอยู่ไม่น้อยเธอหันลำตัวให้กับผมหันหน้าไปอีกฝั่งของเตียง ผมพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอหายโกรธ แต่ยิ่งพูดเธอยิ่งหงุดหงิดผมเข้าไปอีก จึงจบลงโดยที่คืนนั้นพวกเราทั้งสองต่างมีปากเสียงและทะเลาะกันยาวหลายชั่วโมง
วันต่อมาผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน เธอทั้งเก็บกระเป๋าและของใช้และลากมันใส่ไว้ในรถ เธอขับรถออกจากประตูบ้านไป ปล่อยให้ผมมึนงงอยู่ตรงนี้คนเดียว หลังจากเธอขับรถออกไปกว่า 5 นาทีผมตัดสินใจที่ส่งข้อความและโทรไปหาเธอ แต่มันกลับไม่เป็นผลดูเหมือนเธอจะบล็อคผมในทุกทางเสียแล้ว
หลังจากภรรยาของผมกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้เธอก็มีท่าทีที่ดูแปลกไป ผมสงสัยใคร่ครวญถึงท่าทีของเธอผมจึงนัดหมอคนที่ทำการตรวจให้เธอ ผมถามกับหมอว่าเธอป่วยหนักงั้นเหรอครับหมอ แต่สิ่งที่หมอพูดกลับมาทำผมตกใจ “ เธอไม่ได้ป่วยหรอกครับ เธอท้องต่างหาก ” เมื่อผมได้ยินคำนั้นออกจากปากหมอทำเอาตกใจและเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่รีมฝีปากกระตุกรัวๆอย่างเป็นจังหวะ แค่คิดว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้วก็ทำเอาอารมณ์เศร้าหมองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผมคิดว่าที่เธอตั้งใจจะไม่บอกผมเรื่องที่เธอท้อง เธออาจจะเก็บเอาไว้เซอร์ไพรส์ผมเหมือนกันสินะ
เวลาผ่านไป 5 ปี หลังจากที่รู้คร่าวคราวว่าเธอท้องในวันนั้นผมพยายามตามหาเธอแทบจะพลิกแผ่นดิน ทั้งส่งข้อความและโทรไปกว่าร้อยสายแต่เหมือนเธอจะเปลี่ยนมือถือไปแล้ว ผมเลยไปที่บ้านแม่ของเธอเผื่อว่าเธอจะกลับมายังที่บ้านแต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะขนาดแม่ของเธอเองก็ยังไม่ได้รับข่าวจากเธอเลย เธอคงคิดว่าลูกสาวของตนกำลังจะแต่งงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเธอจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก
ระหว่างที่ผมกำลังทบทวนความคิดและคิดที่จะล้มเลิกในการตามหาเธอ ผมกับต้องชะงักอีกครั้ง เมื่อผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีรูปร่างและหน้าตาคล้ายกับเธอถึงแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 5 ปีแล้วแต่เธอยังคงไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอกำลังจับมือเด็กคนหนึ่งข้ามถนน เด็กคนนั้นสวมเสื้อฮู้ดสีน้ำเงินคลุมตัวและศีรษะเอาไว้คล้ายกับชุดกันฝน ผมลงจากรถด้วยใจที่เต้นรัวและคาดหวังว่านั่นจะเป็นเธอ ผมตามเธอไปโดยมีความคิดที่อยากจะพูดคุยกับเธออีกครั้ง ทั้งคู่หยุดอยู่ที่หน้าห้องของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ป้ายหน้าห้องเขียนเอาไว้ว่าหมายเลข 324 ผมคิดถึงเธอมากจนทนไม่ไหวจึงเปล่งเสียงเรียกเธอจากด้านหลัง
“ นะ นั่นเธอใช่มั้ย ! ” เธอค่อยๆหันกลับมามองต้นเสียง เมื่อเธอเห็นว่าเป็นผมเธอก็มีท่าทีที่ตกใจและเผลอทำกุญแจห้องหล่นที่พื้น พอผมได้มาเห็นหน้าเธอชัดๆตอนนี้แล้วก็ทำให้ผมรู้ได้เลยว่านี่คือภรรยาที่ผมกำลังตามหาอย่างแน่นอน
“ แม่ เป็นอะไรเหรอ คนรู้จักของแม่เหรอคะ ? ” เด็กที่เธอกำลังจับมือถามด้วยความสงสัย เด็กคนนั้นดึงฮู้ดสีน้ำเงินออกเผยให้เห็นเส้นผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีน้ำเงินและใบหน้าที่เหมือนชาวต่างชาติ
เรื่องสั้น Good Wife
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นวันที่อากาศเย็นและคำพยากรณ์ทางโทรทัศน์บอกเอาไว้ว่าช่วงเวลาเที่ยงถึงสี่โมงเย็นจะมีฝนตกหนัก ภรรยาผมเลยเสนอให้พกร่มไปด้วย วันนี้ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยชุดสูทสีดำพร้อมกับเนคไทสีแดงเหมือนเช่นเคย ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านไปทำงาน เธอบอกกับผมว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายช่วงนี้อาเจียนอยู่บ่อยครั้งเธอจึงบอกว่าวันนี้จะไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อย ผมจึงตอบกลับเธอไปว่า “ ดีแล้วล่ะที่เธอใส่ใจสุขภาพ หากเธอไม่สบายในวันงานขึ้นมาคงจะแย่ ”
วันนี้ผมทำงานกะดึกจนเกือบเที่ยงคืน ผมลืมไปเลยว่าไม่ได้บอกเธอเอาไว้ก่อน เธออาจจะทำกับข้าวไว้รอผม พอคิดเช่นนั้นผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ผมค่อยๆขึ้นมายังเตียงโดยที่เธอน่าจะสังเกตถึงความเคลื่อนไหวของผม ผมกล่าวขอโทษกับเธอที่ไม่ได้บอกว่าวันนี้จะกลับดึก ผมรู้สึกได้ว่าเธอดูจะโกรธอยู่ไม่น้อยเธอหันลำตัวให้กับผมหันหน้าไปอีกฝั่งของเตียง ผมพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอหายโกรธ แต่ยิ่งพูดเธอยิ่งหงุดหงิดผมเข้าไปอีก จึงจบลงโดยที่คืนนั้นพวกเราทั้งสองต่างมีปากเสียงและทะเลาะกันยาวหลายชั่วโมง
วันต่อมาผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน เธอทั้งเก็บกระเป๋าและของใช้และลากมันใส่ไว้ในรถ เธอขับรถออกจากประตูบ้านไป ปล่อยให้ผมมึนงงอยู่ตรงนี้คนเดียว หลังจากเธอขับรถออกไปกว่า 5 นาทีผมตัดสินใจที่ส่งข้อความและโทรไปหาเธอ แต่มันกลับไม่เป็นผลดูเหมือนเธอจะบล็อคผมในทุกทางเสียแล้ว
หลังจากภรรยาของผมกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้เธอก็มีท่าทีที่ดูแปลกไป ผมสงสัยใคร่ครวญถึงท่าทีของเธอผมจึงนัดหมอคนที่ทำการตรวจให้เธอ ผมถามกับหมอว่าเธอป่วยหนักงั้นเหรอครับหมอ แต่สิ่งที่หมอพูดกลับมาทำผมตกใจ “ เธอไม่ได้ป่วยหรอกครับ เธอท้องต่างหาก ” เมื่อผมได้ยินคำนั้นออกจากปากหมอทำเอาตกใจและเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่รีมฝีปากกระตุกรัวๆอย่างเป็นจังหวะ แค่คิดว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้วก็ทำเอาอารมณ์เศร้าหมองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผมคิดว่าที่เธอตั้งใจจะไม่บอกผมเรื่องที่เธอท้อง เธออาจจะเก็บเอาไว้เซอร์ไพรส์ผมเหมือนกันสินะ
เวลาผ่านไป 5 ปี หลังจากที่รู้คร่าวคราวว่าเธอท้องในวันนั้นผมพยายามตามหาเธอแทบจะพลิกแผ่นดิน ทั้งส่งข้อความและโทรไปกว่าร้อยสายแต่เหมือนเธอจะเปลี่ยนมือถือไปแล้ว ผมเลยไปที่บ้านแม่ของเธอเผื่อว่าเธอจะกลับมายังที่บ้านแต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะขนาดแม่ของเธอเองก็ยังไม่ได้รับข่าวจากเธอเลย เธอคงคิดว่าลูกสาวของตนกำลังจะแต่งงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเธอจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก
ระหว่างที่ผมกำลังทบทวนความคิดและคิดที่จะล้มเลิกในการตามหาเธอ ผมกับต้องชะงักอีกครั้ง เมื่อผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีรูปร่างและหน้าตาคล้ายกับเธอถึงแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 5 ปีแล้วแต่เธอยังคงไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอกำลังจับมือเด็กคนหนึ่งข้ามถนน เด็กคนนั้นสวมเสื้อฮู้ดสีน้ำเงินคลุมตัวและศีรษะเอาไว้คล้ายกับชุดกันฝน ผมลงจากรถด้วยใจที่เต้นรัวและคาดหวังว่านั่นจะเป็นเธอ ผมตามเธอไปโดยมีความคิดที่อยากจะพูดคุยกับเธออีกครั้ง ทั้งคู่หยุดอยู่ที่หน้าห้องของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ป้ายหน้าห้องเขียนเอาไว้ว่าหมายเลข 324 ผมคิดถึงเธอมากจนทนไม่ไหวจึงเปล่งเสียงเรียกเธอจากด้านหลัง
“ นะ นั่นเธอใช่มั้ย ! ” เธอค่อยๆหันกลับมามองต้นเสียง เมื่อเธอเห็นว่าเป็นผมเธอก็มีท่าทีที่ตกใจและเผลอทำกุญแจห้องหล่นที่พื้น พอผมได้มาเห็นหน้าเธอชัดๆตอนนี้แล้วก็ทำให้ผมรู้ได้เลยว่านี่คือภรรยาที่ผมกำลังตามหาอย่างแน่นอน
“ แม่ เป็นอะไรเหรอ คนรู้จักของแม่เหรอคะ ? ” เด็กที่เธอกำลังจับมือถามด้วยความสงสัย เด็กคนนั้นดึงฮู้ดสีน้ำเงินออกเผยให้เห็นเส้นผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีน้ำเงินและใบหน้าที่เหมือนชาวต่างชาติ