ผมแต่งงานกันมาก็ รวมๆ 3 ปีแล้วมั่งครับ เราอายุ 29 ทั้งคู่ จริงๆกอนหน้านี้ ที่จะแต่งงานก็คบกันแบบแฟนปกติทั่วไป แต่เมื่อวันนึงเธอมัปัญหา ต้องลาออกจากงานเพราะไม่สามารถทำงานร่วมกับหัวหน้าได้ และต้องอยู่บ้า่นเมื่ออยู่บ้านก็มีปัญหากับแม่ตัวเอง แม่เลยส่งไปอยู่กับบ้านของคุณยายเธอ ผมก็ได้ไปๆมาหาเธอปกติ จนวันนึง ยายของเธอ ขอให้ผมแต่งงานกัลเธอเพราะสงสาร ผมก็มีสองคำถามในหัว ว่าจะแต่งดีไหม เพราะพึ่งจะกลับเรียนรู้กันได้แค่ 6 เดือน หรือจะแต่งไปเพื่อเรียนรู้กันไประหว่างทาง แต่ตอนที่จะตัดสินใจ ก็มีปัญหากับแม่เขาเพราะเขาไม่อยากให้แต่งเพราะมันเร็วไปแต่ยายก็ไม่ยอมก็คุยไปคุยมาก็แต่ง ผมมีเงินเก็บ 100k พอไหม เขาก็พอ ก็แต่งกันไป
พอแต่งแล้วก็ย้ายมาอยู้บ้านผม ก็เหมือนจะดีนะ แต่ก็มีปัญหากับแม่เธอเองตลอดเพราะ ตอนที่แต่งงานเธอก็ยังไม่ได้ทำงาน แม่เธอก็ไม่พูดคุย ไม่โทรหาไม่ ให้ปรึกษา ผมก็ไม่ลองหัดหาของออนไลน์ไป ระหว่างนี้ก็เดียวเลี้ยงดูเธอเอง ก็เป็นแบบนี้เรื่อยๆ เธอก็ร้องให้ทุกวันผมก็ได้แต่ปลอบ จนวันนึงเธอเป็นซึมเศร้า ต้องเข้ารับการรักษา ผมก็โทรบอกให้แม่เธอมาดูอาการ สุดท้ายก็พาไป โรงบาลจนผลสรุปเธอเป็น ไบโพล่า แม่ของเธอก็บอกให้เธอกลับมาอยู่กับแม่ ผมก็ยินดียอม วันนึงผมก็ไปๆหาเธอปกติ แม่เธอก็บอกกับผมว่า ยังจะหย่ากันไหม แม่เองก็ไม่ได้ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้ผมก็บอกว่าไม่หย่าครับดูกันๆไปก่อน ข่วงเวลาที่เธอรักษาตัว ผมดูแลเธออย่างเต็มที่ อยากได้อะไรซื้อให้ อยากไปไหนผมก็พาไปกินอะไรก็หาให้อย่างดีเพราะได้แต่หวังว่าเธอจะกลับมาปกติโดยไว ไม่เคยยอมแพ้เลย
พอเธอรักษาตัวเองเองได้ก็กลับมาอยู่บ้านผม กลับบ้านเธอก็เล่านั้นเล่านี้ให้ผมฟังว่ากืทะเลาะกับแม่บ้าง ตอนยังป่วย ก็รับฟังได้ปกติ พอมาอยู่บ้านผม ก็อยากให้เธอหางานแต่เธอก็ยังไม่หาเพราะยังไม่กล้ากลับไปทำงานผมก็เข้าใจ แต่เมื่อเธอมาอยู่บ้านผมอีกรอบก็มีปัญหากับบ้านผมเพราะเทอ ไม่ทำกับข้าว บางครั้งก็งานบ้าน ทำแต่ในห้องตัวเ้อง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ทางบ้านผทก็ไม่โอเครไปอีกก็มีปัญหากัน กับทางพ่อผม จนผมบอกให้เธอกลับไปอยู่บ้านกับแม่ จะได้ไม่ต้องเจออะไร ถึงเจอปัญหาก็คือคนในครอบครัวเธอ
พอวันนึงเริ่มรายได้ไม่พอผมก็ขอให้เธอหางาน แต่กว่าเธอจะยอมก็หลายเดือน ผ่านไปเกือบปี พอเธอหางานได้ก็บอกว่าขอให้ไปอยู่ด้านกันที่บ้านเธอ แต่ตอนนั้นแม่เธอก็จะมาอยู่ข้างนอก ผมก็รับปาก
พอมาอยู่ด้วยกัน ก็เหมือนจะเป็นการใช้ชีวิตู่กันจริงๆ แต่นึกว่ามันจะสวยงาม กับแต่มีทะเลาะกัน ความคิดไม่ตรงกัน พยายามปรับจูนก็เหมือนจะดีขึ้นบ้างไม่ดีขึ้นบ้าง ก็จะมีทั้งสุขและทุก แต่เหมือนอันหลังจะมากกว่า เพราะเธอไม่กล้าตัดสินใจใดๆ เลย บอกให้ทำก็จะไม่ทำ จะทะเลาะกัน
ผ่านไป 2-3 เดือน แม่เขากลับมาอยู่ ทีนี้แม่เขาก็ให้ผมกับแฟนขึ้นไปนอนบนบ้าน ผมก็ทำเหมือนจะไม่ยอม บอกให้แฟนคุย แฟนก็ไม่คุย ตามใจแม่ไปอีก ทั้งๆที่บ้านมีสองหลังติดกันและหลังที่ผมนอน มีแค่สองคนกับแฟน ที่ไม่อยากไปเพราะมันร้อนมากๆๆๆ ไม่มีแอร์ เธอก็ตามใจแม่ ก็ต้องย้ายไปข้างบน
ย้ายเสร็จมันต้องซื้อแอร์ เพิ่มค่าใช้จ่ายก็เพิ่มผมก็จ่ายเองคนเดียวทั้งหมด ค่าไฟค่าน้ำ ค่าอะไรต่างๆ มีเธอออกบเ้างในบางครั้ง
จนอยู่ไปผมก็เริ่มอึดอัด เพราะทำอะไรม่ได้เลย ทำกับข้าวก็โดนบ่น แชร์ของในตู้เย็นก็โดนเอาออก ปลุกผักก็โดนดึงทิ้ง ผมก็เลยให้แฟนคุย แฟนก็ไม่คุย เพราะแกกลัวแม่ ผมเริ่มอึดอัดมากๆ จนไม่มีความสุขกับชีวิจแต่งงาน จนวันนึงผมอยากจะขอย้ายออก แต่แฟนไม่ยอม เพราะไม่อยากให้เป็นหนี้ ให้ทนอยู่ๆๆไป ผมบอกทนไม่ได้หรอก ถ้างั้นขอซื้อรถ พอะุดเรื่องรถจะซื้อแม่ก็ไม่ยอมให้จอดในบ้านให้จอดข้างนอก ก็ทนไม่ไหว ก็เลยออกมาซื้อบ้านเอง
คือผมยอมเป็นหนี้คนเดียวจ่ายคนเดียว ก็ตามนั้นจะออกมาก็มีปัญหากับแฟนและแม่แฟนเพราะเขาตัดสินใจในแบบเขา ผมบอกที่ห้องเรา เราควรเลือกเองอะไรเอง ก็มีปัญหากันก่อนจะย้ายมา
พอย้ายมาอยู่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่บ้านแม่เขา เพราะตัวแฟนผมก็เป็นเหมือนเดิม ทำอะไรไม่ได้ต้องคอยบอกคอยสั่ง ทำอะไรก็มีแต่เรียกเราตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จนวันนึงผมต้องเปิดใจคุย ว่า เราแต่งงานกันเราต้องช่วยเหลือกัน เธอต้องมีภรรยาทีดีของเรา และลุก ต้องทำอะไรเป็นต้องการตัดสินใจ สุดท้ายผมได้คำตอบว่า จะมาคาดหวังทำไม ไปหาเมียใหม่ (ประชดใส่ผม) ผมก็ได้แต่เงียบๆ จนมันสะสม เป็นอารมที่นิ่งเฉย ไม่รู้สึกอะไรเลยตอนนี้ (ปกติผมไม่เคยปรึกษาใคร มีอะไรดก็เก็บไว้)
หากพุดความสุขหรือกิจกรรม เราเองก็มีไปเที่ยวนั้นเที่ยวนี้ ปกติแต่มันก็จะมีปัญหาตามมาเวลาอยากให้ช่วยเหลืออะไร ผมมักจะต้องทำเองหมดทุกอย่าง
ผมควรทำอย่างไรดีครับกับปํญหานี้ หรือควรสู้และยอมรับมัน ตอนนี้หัวใจผมนิ่งมาก เฉยชาสุดๆ
ตอนนี้ความรู้สึก อยากอยุ่คนเดียว อย่าปล่อยเธอไป อยากอะไรไม่รู้สับสนไปหมด
เกิดคำถามกับความรักหลังแต่งงาน ไปต่อหรือพอแค่นี้ ขอคำปรึกษาทุกๆท่านได้ไหมครับ
พอแต่งแล้วก็ย้ายมาอยู้บ้านผม ก็เหมือนจะดีนะ แต่ก็มีปัญหากับแม่เธอเองตลอดเพราะ ตอนที่แต่งงานเธอก็ยังไม่ได้ทำงาน แม่เธอก็ไม่พูดคุย ไม่โทรหาไม่ ให้ปรึกษา ผมก็ไม่ลองหัดหาของออนไลน์ไป ระหว่างนี้ก็เดียวเลี้ยงดูเธอเอง ก็เป็นแบบนี้เรื่อยๆ เธอก็ร้องให้ทุกวันผมก็ได้แต่ปลอบ จนวันนึงเธอเป็นซึมเศร้า ต้องเข้ารับการรักษา ผมก็โทรบอกให้แม่เธอมาดูอาการ สุดท้ายก็พาไป โรงบาลจนผลสรุปเธอเป็น ไบโพล่า แม่ของเธอก็บอกให้เธอกลับมาอยู่กับแม่ ผมก็ยินดียอม วันนึงผมก็ไปๆหาเธอปกติ แม่เธอก็บอกกับผมว่า ยังจะหย่ากันไหม แม่เองก็ไม่ได้ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้ผมก็บอกว่าไม่หย่าครับดูกันๆไปก่อน ข่วงเวลาที่เธอรักษาตัว ผมดูแลเธออย่างเต็มที่ อยากได้อะไรซื้อให้ อยากไปไหนผมก็พาไปกินอะไรก็หาให้อย่างดีเพราะได้แต่หวังว่าเธอจะกลับมาปกติโดยไว ไม่เคยยอมแพ้เลย
พอเธอรักษาตัวเองเองได้ก็กลับมาอยู่บ้านผม กลับบ้านเธอก็เล่านั้นเล่านี้ให้ผมฟังว่ากืทะเลาะกับแม่บ้าง ตอนยังป่วย ก็รับฟังได้ปกติ พอมาอยู่บ้านผม ก็อยากให้เธอหางานแต่เธอก็ยังไม่หาเพราะยังไม่กล้ากลับไปทำงานผมก็เข้าใจ แต่เมื่อเธอมาอยู่บ้านผมอีกรอบก็มีปัญหากับบ้านผมเพราะเทอ ไม่ทำกับข้าว บางครั้งก็งานบ้าน ทำแต่ในห้องตัวเ้อง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ทางบ้านผทก็ไม่โอเครไปอีกก็มีปัญหากัน กับทางพ่อผม จนผมบอกให้เธอกลับไปอยู่บ้านกับแม่ จะได้ไม่ต้องเจออะไร ถึงเจอปัญหาก็คือคนในครอบครัวเธอ
พอวันนึงเริ่มรายได้ไม่พอผมก็ขอให้เธอหางาน แต่กว่าเธอจะยอมก็หลายเดือน ผ่านไปเกือบปี พอเธอหางานได้ก็บอกว่าขอให้ไปอยู่ด้านกันที่บ้านเธอ แต่ตอนนั้นแม่เธอก็จะมาอยู่ข้างนอก ผมก็รับปาก
พอมาอยู่ด้วยกัน ก็เหมือนจะเป็นการใช้ชีวิตู่กันจริงๆ แต่นึกว่ามันจะสวยงาม กับแต่มีทะเลาะกัน ความคิดไม่ตรงกัน พยายามปรับจูนก็เหมือนจะดีขึ้นบ้างไม่ดีขึ้นบ้าง ก็จะมีทั้งสุขและทุก แต่เหมือนอันหลังจะมากกว่า เพราะเธอไม่กล้าตัดสินใจใดๆ เลย บอกให้ทำก็จะไม่ทำ จะทะเลาะกัน
ผ่านไป 2-3 เดือน แม่เขากลับมาอยู่ ทีนี้แม่เขาก็ให้ผมกับแฟนขึ้นไปนอนบนบ้าน ผมก็ทำเหมือนจะไม่ยอม บอกให้แฟนคุย แฟนก็ไม่คุย ตามใจแม่ไปอีก ทั้งๆที่บ้านมีสองหลังติดกันและหลังที่ผมนอน มีแค่สองคนกับแฟน ที่ไม่อยากไปเพราะมันร้อนมากๆๆๆ ไม่มีแอร์ เธอก็ตามใจแม่ ก็ต้องย้ายไปข้างบน
ย้ายเสร็จมันต้องซื้อแอร์ เพิ่มค่าใช้จ่ายก็เพิ่มผมก็จ่ายเองคนเดียวทั้งหมด ค่าไฟค่าน้ำ ค่าอะไรต่างๆ มีเธอออกบเ้างในบางครั้ง
จนอยู่ไปผมก็เริ่มอึดอัด เพราะทำอะไรม่ได้เลย ทำกับข้าวก็โดนบ่น แชร์ของในตู้เย็นก็โดนเอาออก ปลุกผักก็โดนดึงทิ้ง ผมก็เลยให้แฟนคุย แฟนก็ไม่คุย เพราะแกกลัวแม่ ผมเริ่มอึดอัดมากๆ จนไม่มีความสุขกับชีวิจแต่งงาน จนวันนึงผมอยากจะขอย้ายออก แต่แฟนไม่ยอม เพราะไม่อยากให้เป็นหนี้ ให้ทนอยู่ๆๆไป ผมบอกทนไม่ได้หรอก ถ้างั้นขอซื้อรถ พอะุดเรื่องรถจะซื้อแม่ก็ไม่ยอมให้จอดในบ้านให้จอดข้างนอก ก็ทนไม่ไหว ก็เลยออกมาซื้อบ้านเอง
คือผมยอมเป็นหนี้คนเดียวจ่ายคนเดียว ก็ตามนั้นจะออกมาก็มีปัญหากับแฟนและแม่แฟนเพราะเขาตัดสินใจในแบบเขา ผมบอกที่ห้องเรา เราควรเลือกเองอะไรเอง ก็มีปัญหากันก่อนจะย้ายมา
พอย้ายมาอยู่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่บ้านแม่เขา เพราะตัวแฟนผมก็เป็นเหมือนเดิม ทำอะไรไม่ได้ต้องคอยบอกคอยสั่ง ทำอะไรก็มีแต่เรียกเราตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จนวันนึงผมต้องเปิดใจคุย ว่า เราแต่งงานกันเราต้องช่วยเหลือกัน เธอต้องมีภรรยาทีดีของเรา และลุก ต้องทำอะไรเป็นต้องการตัดสินใจ สุดท้ายผมได้คำตอบว่า จะมาคาดหวังทำไม ไปหาเมียใหม่ (ประชดใส่ผม) ผมก็ได้แต่เงียบๆ จนมันสะสม เป็นอารมที่นิ่งเฉย ไม่รู้สึกอะไรเลยตอนนี้ (ปกติผมไม่เคยปรึกษาใคร มีอะไรดก็เก็บไว้)
หากพุดความสุขหรือกิจกรรม เราเองก็มีไปเที่ยวนั้นเที่ยวนี้ ปกติแต่มันก็จะมีปัญหาตามมาเวลาอยากให้ช่วยเหลืออะไร ผมมักจะต้องทำเองหมดทุกอย่าง
ผมควรทำอย่างไรดีครับกับปํญหานี้ หรือควรสู้และยอมรับมัน ตอนนี้หัวใจผมนิ่งมาก เฉยชาสุดๆ
ตอนนี้ความรู้สึก อยากอยุ่คนเดียว อย่าปล่อยเธอไป อยากอะไรไม่รู้สับสนไปหมด