สวัสดีค่ะ เราอายุ 29 ปีเข้ามาอยู่บ้านแฟน แฟนเราอายุ 31 โดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ได้ประมาณปีกว่า ซึ่งแฟนเราตอนแรกก็ไม่ได้ทำงานอยู่บ้านอ่านหนังสือรอสอบเข้าราชการ ส่วนเราเองทำงานเป็นลูกจ้างอยู่หน่วยงานหน่วยงานหนึ่ง ที่ผ่านพ่อแม่ของแฟนก็แวะมาเที่ยวหาเราสองคนบ่อยๆ ที่บ้าน ซึ่งเรากับแม่สามีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่ก็มีบ้างที่แม่สามีพูดไม่ถูกใจเรา แต่เราก็เก็บไว้ เลือกที่จะปล่อยผ่านเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร ละพอมันเกิดเรื่องขึ้นคือว่าตอนนี้แฟนเราได้บรรจุเข้ารับราชการแล้วที่ต่างจังหวัด ซึ่งต้องย้ายออกจากบ้านไปอยู่บ้านพักที่ส่วนราชการจัดไว้ให้โดยที่ต้องทิ้งเราอยู่บ้านของแฟนที่ต่างจังหวัดโดยเราก็ดูแลบ้านดูแลสุนัขที่แฟนเลี้ยงไว้ต่อให้ แต่แม่ของแฟนเราก็เรียกเราไปถามว่ารักแฟนเราขนาดไหน พร้อมจะแต่งงานกันหรือยัง ซึ่งเราก็ตอบไปว่าก็พร้อม แต่แม่เขามีเงื่อนไขว่าถ้าแต่งงานก็ต้องลาออกไปอยู่กับแฟนที่ต่างจังหวัดไปดูแลแฟน โดยที่เราไม่รู้เลยว่าเราจะไปทำงานอะไรที่นั่น เราก็ชี้แจงเหตุผลไปว่า เรายังลาออกตอนนี้ไม่ได้เพราะว่าเรายังต้องส่งเงินให้ทางบ้านเราทุกเดือนซึ่งเราจะตกงานไม่ได้ แล้วแกก็ต่อว่าเราว่าแบบนี้ก็หมายความว่าเธอจะไม่เสียสละอะไรเพื่อคนอื่นเลยหรอ ถ้าแต่งงานแล้วไม่ดูแลกันจะแต่งกันไปทำไม แสดงว่าเธอไม่ได้รักลูกแม่จริงพอเธอเจอผู้ชายที่ดีกว่าเธอก็จะทิ้งลูกชายแม่ไป ซึ่งเราก็อธิบายแล้วว่าไม่ใช่แบบนั้นเราก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และอีกอย่างเรื่องการแต่งงานมันก็เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเราจะให้ตัดสินใจทันทีทันใดมันไม่ได้ ซึ่งแกก็บอกว่าถ้างั้นชีวิตเธอก็ไม่ได้ไปไหนละมัวแต่ห่วงนั้นนี่ คิดจะเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิตแบบนี้ไม่ไหวนะ แล้วก็ถามถึงเรื่องเงินเดือนเราได้เงินเดือนนเท่าไหร่ ส่งกลับบ้านเท่าไหร่ ซึ่งเราคิดในใจว่ามันมากไปมั้ย แล้วแกก็บอกอีกว่าถ้าอย่างงั้นถ้าลูกแม่อยู่ที่อื่นแล้วเจอคนใหม่ที่พร้อมจะแต่งงานแม่ก็พร้อมให้เขาไปนะ ศึ่งวันนั้นเข้าห้องมาร้องไห้กับแฟนหนักมากค่ะ ถึงเรื่องที่แม่แกคุยซึ่งแฟนก็ได้แต่บอกว่าอย่าคิดมาก มันมีรายละเอียดยิบย่อยมากกว่านี้นะคะ คือมันหนักมากสำหรับเรา
ซึ่งพอมันเป็นแบบนี้แม่แฟนก็พูดกระแทกเราหลายอย่างค่ะ ซึ่งเรามีความคิดที่จะย้ายออกมาอยู่หอพักค่ะ เราอึดอัดมาก แต่เราก็ห่วงน้องหมาที่ต้องทิ้งไว้ไม่มีใครดูแล เราก็บอกแฟนเอาน้องหมาไปอยู่ด้วยได้มั้ยเราจะย้ายออก แฟนเราก็บอกแค่ว่าให้ใจเย็นๆ แม่ก็เป็นแบบนี้แหละแกรักพีมากเกินไปเลยอยากให้น้องไปอยู่ด้วย แกเป็นคนพูดจาแรงๆแบบนี้อยู่แล้ว เราก็ได้แต่ทนไปบนความอึดอัดใจ ตอนนี้เรากับแม่แฟนไม่พูดกันนะคะ เวลาแม่แฟนจะไปที่ไหนหรือมีแพงนจะทำอะไรจะชวนหรือเอ่ยื่อแค่ พ่อกับแฟนเท่านั้นโดยที่เราก็เหมือนอากาศไป เพื่อนๆพี่ว่าเราควรย้ายออกดีมั้ยคะ หรืออยู่แบบนี้ต่อไปและอีกคำถามหนึ่งคือเราบ้างานเกินไปหรอ และอีกอย่างถ้าเราตัดสินใจย้ายออก เราอาจจะต้องเลือกกับแฟน เรากับแฟนรักกันนะคะรักกันมาก ไม่เคยทะเลาะหรือมีปัญหากัน เราเลยคิดหนักอยู่ค่ะว่าจะให้มันแตกหักไปเลย หรือเราต้องทนแบบนี้ต่อไป
เราผิดมั้ย?
ซึ่งพอมันเป็นแบบนี้แม่แฟนก็พูดกระแทกเราหลายอย่างค่ะ ซึ่งเรามีความคิดที่จะย้ายออกมาอยู่หอพักค่ะ เราอึดอัดมาก แต่เราก็ห่วงน้องหมาที่ต้องทิ้งไว้ไม่มีใครดูแล เราก็บอกแฟนเอาน้องหมาไปอยู่ด้วยได้มั้ยเราจะย้ายออก แฟนเราก็บอกแค่ว่าให้ใจเย็นๆ แม่ก็เป็นแบบนี้แหละแกรักพีมากเกินไปเลยอยากให้น้องไปอยู่ด้วย แกเป็นคนพูดจาแรงๆแบบนี้อยู่แล้ว เราก็ได้แต่ทนไปบนความอึดอัดใจ ตอนนี้เรากับแม่แฟนไม่พูดกันนะคะ เวลาแม่แฟนจะไปที่ไหนหรือมีแพงนจะทำอะไรจะชวนหรือเอ่ยื่อแค่ พ่อกับแฟนเท่านั้นโดยที่เราก็เหมือนอากาศไป เพื่อนๆพี่ว่าเราควรย้ายออกดีมั้ยคะ หรืออยู่แบบนี้ต่อไปและอีกคำถามหนึ่งคือเราบ้างานเกินไปหรอ และอีกอย่างถ้าเราตัดสินใจย้ายออก เราอาจจะต้องเลือกกับแฟน เรากับแฟนรักกันนะคะรักกันมาก ไม่เคยทะเลาะหรือมีปัญหากัน เราเลยคิดหนักอยู่ค่ะว่าจะให้มันแตกหักไปเลย หรือเราต้องทนแบบนี้ต่อไป