.
จากหนังสือประกายส่องใจ
โดย…พระคันธสาราภิวงศ์
ใครว่าขณิกสมาธิเกิดเพียงชั่วขณะไม่ตั้งมั่น
https://tananglaenang.wordpress.com/2014/07/24/105/
สมาธิในวิปัสสนานี้มีกำลังเทียบเท่า อุปจารสมาธิ
คือ สมาธิใกล้จะแนบแน่นของสมถภาวนา จึงสามารถข่มนิวรณ์ทั้ง ๕ ได้
แต่สมาธิดังกล่าวเรียกว่า ขณิกสมาธิ หรือ สมาธิชั่วขณะ
เพราะหมายถึง มีอารมณ์กรรมฐานที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ในแต่ละปัจจุบันขณะ
กล่าวคือรูปนามที่ผู้ปฏิบัติกำหนดรู้อยู่เป็นสภาวะใหม่ อยู่เสมอ
ดังข้อความในคัมภีร์อรรถกถา (วิสุทธิ. ๒.๓๐๔, ปฏิสํ. อ. ๑.๒๗๕) ว่า
นิจฺจนวาว หุตฺวา สงฺขารา อุปฏฺฐหนฺติ.
สังขารทั้งหลายเป็นของใหม่อยู่เสมอย่อมปรากฏ
.
ดังนั้น แม้ขณิกสมาธิจะมีกำลังเทียบเท่าอุปจารสมาธิ
เพราะสามารถข่มนิวรณ์ได้เหมือนอุปจารสมาธิ
ก็มีชื่อเฉพาะว่า
“ขณิกสมาธิ” ด้วยเหตุ
ที่กล่าวมา
นี้ หาใช่เพราะเป็นสมาธิที่เกิดเพียงชั่วขณะไม่ แต่เป็นสมาธิ
ที่มีอารมณ์เพียงชั่วขณะดังที่กล่าวมาแล้ว
.
.
วิปัสสนาภาวนาที่ประกอบด้วยขณิกสมาธิ
ย่อมสามารถละกิเลสได้ชั่วขณะ เรียกว่า ตทังคปหาน
คือการละได้ชั่วขณะในเวลาที่กำหนดรู้อยู่
และสมาธิที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้ทำหน้าที่ข่มกิเลสเป็น วิกขัมภนปหาน คือ
การละด้วยการข่มไว้ การละกิเลสทั้งสองอย่างนั้น
เหมือนการตัดกิ่งก้านและลำต้นของต้นไม้ทำให้ต้นไม้อ่อนกำลังไม่มั่นคง
ส่วนขณะที่เกิดมรรคปัญญาที่ละกิเลสโดยเด็ดขาดซึ่งเรียกว่า สมุจเฉทปหาน เหมือนการตัดรากเหง้าของต้นไม้
ดังนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมจึงต้องเจริญวิปัสสนาภาวนาอยู่เสมอเพื่อสั่งสมอุปนิสัยปัจจัยอันจะทำให้เกิดมรรคปัญญาในโอกาสต่อไป
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
จากหนังสือประกายส่องใจ
โดย…พระคันธสาราภิวงศ์
ใครว่าขณิกสมาธิเกิดเพียงชั่วขณะไม่ตั้งมั่น
https://tananglaenang.wordpress.com/2014/07/24/105/
.
2๖๖๖๖ ขณิกสมาธิ ต้องดูติดต่อกัน จึงเป็นวิปัสสนา เพราะดูสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ๖๖๖๖2
จากหนังสือประกายส่องใจ
โดย…พระคันธสาราภิวงศ์
ใครว่าขณิกสมาธิเกิดเพียงชั่วขณะไม่ตั้งมั่น
https://tananglaenang.wordpress.com/2014/07/24/105/
สมาธิในวิปัสสนานี้มีกำลังเทียบเท่า อุปจารสมาธิ
คือ สมาธิใกล้จะแนบแน่นของสมถภาวนา จึงสามารถข่มนิวรณ์ทั้ง ๕ ได้
แต่สมาธิดังกล่าวเรียกว่า ขณิกสมาธิ หรือ สมาธิชั่วขณะ
เพราะหมายถึง มีอารมณ์กรรมฐานที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ในแต่ละปัจจุบันขณะ
กล่าวคือรูปนามที่ผู้ปฏิบัติกำหนดรู้อยู่เป็นสภาวะใหม่ อยู่เสมอ
ดังข้อความในคัมภีร์อรรถกถา (วิสุทธิ. ๒.๓๐๔, ปฏิสํ. อ. ๑.๒๗๕) ว่า
นิจฺจนวาว หุตฺวา สงฺขารา อุปฏฺฐหนฺติ.
สังขารทั้งหลายเป็นของใหม่อยู่เสมอย่อมปรากฏ
.
ดังนั้น แม้ขณิกสมาธิจะมีกำลังเทียบเท่าอุปจารสมาธิ
เพราะสามารถข่มนิวรณ์ได้เหมือนอุปจารสมาธิ
ก็มีชื่อเฉพาะว่า “ขณิกสมาธิ” ด้วยเหตุที่กล่าวมานี้ หาใช่เพราะเป็นสมาธิที่เกิดเพียงชั่วขณะไม่ แต่เป็นสมาธิที่มีอารมณ์เพียงชั่วขณะดังที่กล่าวมาแล้ว
.
.
วิปัสสนาภาวนาที่ประกอบด้วยขณิกสมาธิ
ย่อมสามารถละกิเลสได้ชั่วขณะ เรียกว่า ตทังคปหาน
คือการละได้ชั่วขณะในเวลาที่กำหนดรู้อยู่
และสมาธิที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้ทำหน้าที่ข่มกิเลสเป็น วิกขัมภนปหาน คือ
การละด้วยการข่มไว้ การละกิเลสทั้งสองอย่างนั้น
เหมือนการตัดกิ่งก้านและลำต้นของต้นไม้ทำให้ต้นไม้อ่อนกำลังไม่มั่นคง
ส่วนขณะที่เกิดมรรคปัญญาที่ละกิเลสโดยเด็ดขาดซึ่งเรียกว่า สมุจเฉทปหาน เหมือนการตัดรากเหง้าของต้นไม้
ดังนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมจึงต้องเจริญวิปัสสนาภาวนาอยู่เสมอเพื่อสั่งสมอุปนิสัยปัจจัยอันจะทำให้เกิดมรรคปัญญาในโอกาสต่อไป
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
จากหนังสือประกายส่องใจ
โดย…พระคันธสาราภิวงศ์
ใครว่าขณิกสมาธิเกิดเพียงชั่วขณะไม่ตั้งมั่น
https://tananglaenang.wordpress.com/2014/07/24/105/
.