การฉันอาหารวันละมื้อ เหตุใดถึงตีความออกมาได้ว่า ฉันกี่ครั้งก็ได้ก่อนเที่ยง มันมีเหตุผลรองรับการตีความแบบนี้ไหม ถ้าเป็นผมตีความตามสามัญสำนึกจะตีความว่ากินได้ครั้งเดียวเวลาไหนก็ได้ในเวลาที่มีแสงอาทิตย์ เพราะในความเป็นจริง การหาอาหารในสมัยสองพันกว่าปีที่แล้วด้วยการตระเวนขอ มันจะกำหนดเวลาได้หรือว่าจะมีคนให้ทานในช่วงเช้าเท่านั้น ถ้าทั้งเช้าไม่มีล่ะ หรือเดินมาไกล กว่าจะได้เป็นช่วงบ่ายล่ะ ถ้าบอกกินกี่ครั้งก็ได้จากเช้าถึงเที่ยง
กินสิบครั้งก็ได้แบบนี้ มันฟังแปลกน่ะ
“ภิกษุทั้งหลาย เราฉันอาหารมื้อเดียว เราเมื่อฉันอาหารมื้อเดียว ย่อมรู้สึก ว่าสุขภาพมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญ
ภิกษุทั้งหลาย มาเถิด แม้เธอทั้งหลายก็จงฉันอาหารมื้อเดียวเถิด เธอทั้งหลาย เมื่อฉันอาหารมื้อเดียว จักรู้สึกว่าสุขภาพมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพลานามัย สมบูรณ์ อยู่สำราญ”
ภควา เอตทโวจ อหํ โข ภิกฺขเว เอกาสนโภชนํ ภุญฺชามิ เอกาสนโภชนํ โข อหํ ภิกฺขเว ภุญฺชมาโน อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานามิ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฏฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจ เอถ ตุเมฺหปิ ภิกฺขเว เอกาสนโภชนํ ภุญฺชถ เอกาสนโภชนํ โข ภิกฺขเว ตุเมฺหปิ ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฏฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจาติ ฯ
“ภิกษุทั้งหลาย เราไม่ฉันโภชนะในราตรีเลย เราเมื่อไม่ฉันโภชนะในราตรี ก็รู้สึกว่าสุขภาพมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญ มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย แม้เธอทั้งหลายก็จงอย่าฉันโภชนะในราตรีเลย เธอทั้งหลาย เมื่อไม่ฉันโภชนะในราตรี ก็จักรู้สึกว่าสุขภาพมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญ”
อรรถกถา ***ฉันอาหารมื้อเดียว หมายถึงการฉันอาหารในเวลาเช้า คือตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาเที่ยงวัน แม้ภิกษุ ฉันอาหาร ๑๐ ครั้ง ในช่วงเวลานี้ก็ประสงค์ว่า ฉันอาหารมื้อเดียว (ม.มู.อ. ๒/๒๒๕/๓)
********
การแปลอีกแบบหนึ่ง ถูกหรือผิด
ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียว (คือฉันอาหารหนเดียว ลุกจากที่นั่งแล้วไม่ฉันอีก)
การฉันอาหารวันละมื้อ เหตุใดถึงตีความออกมาได้ว่า ฉันกี่ครั้งก็ได้ก่อนเที่ยง มันมีเหตุผลรองรับการตีความแบบนี้ไหม
กินสิบครั้งก็ได้แบบนี้ มันฟังแปลกน่ะ
“ภิกษุทั้งหลาย เราฉันอาหารมื้อเดียว เราเมื่อฉันอาหารมื้อเดียว ย่อมรู้สึก ว่าสุขภาพมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญ
ภิกษุทั้งหลาย มาเถิด แม้เธอทั้งหลายก็จงฉันอาหารมื้อเดียวเถิด เธอทั้งหลาย เมื่อฉันอาหารมื้อเดียว จักรู้สึกว่าสุขภาพมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพลานามัย สมบูรณ์ อยู่สำราญ”
ภควา เอตทโวจ อหํ โข ภิกฺขเว เอกาสนโภชนํ ภุญฺชามิ เอกาสนโภชนํ โข อหํ ภิกฺขเว ภุญฺชมาโน อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานามิ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฏฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจ เอถ ตุเมฺหปิ ภิกฺขเว เอกาสนโภชนํ ภุญฺชถ เอกาสนโภชนํ โข ภิกฺขเว ตุเมฺหปิ ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฏฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจาติ ฯ
“ภิกษุทั้งหลาย เราไม่ฉันโภชนะในราตรีเลย เราเมื่อไม่ฉันโภชนะในราตรี ก็รู้สึกว่าสุขภาพมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญ มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย แม้เธอทั้งหลายก็จงอย่าฉันโภชนะในราตรีเลย เธอทั้งหลาย เมื่อไม่ฉันโภชนะในราตรี ก็จักรู้สึกว่าสุขภาพมีโรคาพาธน้อย กระปรี้กระเปร่า มีพลานามัยสมบูรณ์ อยู่สำราญ”
อรรถกถา ***ฉันอาหารมื้อเดียว หมายถึงการฉันอาหารในเวลาเช้า คือตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาเที่ยงวัน แม้ภิกษุ ฉันอาหาร ๑๐ ครั้ง ในช่วงเวลานี้ก็ประสงค์ว่า ฉันอาหารมื้อเดียว (ม.มู.อ. ๒/๒๒๕/๓)
********
การแปลอีกแบบหนึ่ง ถูกหรือผิด
ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียว (คือฉันอาหารหนเดียว ลุกจากที่นั่งแล้วไม่ฉันอีก)