การฝึกอภิญญาและวสีในสมาธิ

การฝึกอภิญญาและวสีในสมาธิ

         หลังเรียนจบผมก็ไปทำงานที่สนามบินดอนเมืองตามชีวิตคนทำงานปกติ กทม. รถติดมากๆ กลับถึงบ้าน 3 ทุ่มทุกวัน มีเวลาสวดมนต์นั่งสมาธิวันละ 30 นาที แต่ไม่ได้เข้าสมาธิถึงขั้นสงบอะไร เมื่อเรียนจบไม่นานแม่ก็ล้มป่วย เป็นหลายโรครุมเร้า เข้า ICU บ่อยมากๆ จนกระทั่ง ยมบาลพาไปเที่ยวนรก หมอบอกว่าไม่รอดแน่ๆ ให้จองวัดได้เลย

         ทำงานได้ 1 ปี ผมจึงลาออกจากงานมาบวชให้แม่เมื่อปี 53 ที่วัดปทุมวนารามซึ่งหลวงพี่เห็นผมมาทำบุญที่วัดเป็นประจำทุกวันสมัยเรียนจึงชวนผมบวช ผมกับเพื่อนสนิทบวชได้ 3 วัน หลวงพี่ท่านชวนให้ไปอยู่วัดป่าแถว วังน้ำเขียว พระอาจารย์ท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านรู้ทุกอย่าง รู้วาระจิตเรา รู้อดีตชาติของเรา สนใจไหม ผมกับเพื่อนได้ยินอย่างนั้นก็ตอบตกลงในทันที ท่านจึงส่งไปอยู่กับพระอาจารย์โสภา สมโน ที่วัดแสงธรรมวังเขาเขียว ที่ อ.วังน้ำเขียว เป็นสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเป็นศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นวัดป่าที่ค่อนข้างเคร่ง ฉันข้าวมื้อเดียวในบาตร วัดไม่มีไฟฟ้าใช้ ห้ามพกมือถือ ห้ามจับเงิน

              ท่านสอนให้ภาวนา พุทโธๆๆ ผมอยู่ที่วัด 1 เดือนแอบนำดวงแก้วมาภาวนา ไม่เคยภาวนา พุทโธ เลย จนกระทั่งวันหนึ่งเณรน้อยแอบเอาดวงแล้วที่ผมพกติดตัวไปเล่น พระอาจารย์โสภาท่านหยิบดวงแก้ว แล้วปล่อยลงพื้นให้แตกเป็นรอยร้าว ผมก็ก็กระวนกระวายใจมากไม่รู้จะฝึกอะไร จึงเริ่มภาวนา พุทโธๆๆ แล้วพระอาจารย์โสภาก็ส่งผมกับเพื่อนไปปฏิบัติบนเขาสลัดไดเป็นเวลา 1 เดือน ท่านเมตตาพาผมและเพื่อนๆ ไปส่งบนเขาด้วยตนเอง ระหว่างเดินทางท่านกล่าวว่า “ขึ้นไปบนเขาตั้งใจภาวนา พุทโธ นะแล้วจะได้ของดี”

              พอขึ้นไปบนเขา ไม่มีอะไรเลย ไม่มีไฟฟ้า ปักกรตอยู่ในป่า ไม่รู้จะทำอะไร ก็ปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิสลับกันครั้งละ 2-3 ชม. วันละ 8-10 ชม. อยู่ในป่าที่เงียบสงบไม่มีอะไรให้ทำ อยู่กัน 2 คน ถ้าไม่นั่งสมาธิ เดินจงกรมก้จะเบื่อและฟุ้งซ่านมากๆ  กลางคืนก็มืดสนิท ชวนวังเวงให้จินตนาการถึงผีและช้างป่า ผมตั้งใจภาวนา พุทโธๆๆ แต่ไม่ได้เกิดอะไร นั่งสลับเดินจงกรม หลายสัปดาห์ก็มีแต่ความปวดเมื่อย

            หลังจากนั่งเข้าสัปดาห์ที่ 3 ทุกวันวันละ 8-10 ชั่วโมง มันเกิดความสงบ จิตมันทิ้งคำภาวนาพุทโธ ไปเอง มีสติอยู่กับลมหายใจเข้า ออก รู้เห็นลมหายใจ เข้าออก ลมหายใจค่อยๆ ละเอียดๆ ลึกลงเรื่อยๆ ตัวค่อยๆ ตั้งตรงเป็นไม้บรรทัด ลมหายใจละเอียดจนดับหายไป ผมมีสติรับรู้การเปลี่ยนแปลงของกายและลมหายใจตลอดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ได้ตกใจ แม้ลมหายใจหายก็รู้ว่าไม่ตาย เมื่อไม่สามารถจับลมหายใจได้ มันเกิดดวงแก้ว สว่าง ไสว ขึ้นที่กลางหว่างคิ้ว สว่างสวยงามมากๆ ผมเอาสติไปวางที่นั่น นั่งดูดวงแก้วเฉยๆ ไม่มีลมหายใจและความรู้สึกทางกายอีกเลย สักแต่ว่ารู้ นั่งอยู่หลายชั่วโมง เมื่อจิตหมดกำลัง ลมหายใจก็ค่อยๆปรากฏอีกครั้ง เกิดความสุขขึ้นอย่างมากนี่เป็นครั้งที่ 3 ที่เกิดความรู้สึกแบบนี้

             ผมลองกำหนดจิตว่าเพื่อนอยู่ไหน ก็ได้ขึ้นเสียงผีเท้าเพื่อนเดิน ดังกระทบที่หูผมชัดเจน และได้ยินเสียงความคิดเพื่อนดังในหูจนแสบแก้วหู ผมลองเอาจิตมาวางที่หัวใจตนเอง ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะ ตุ๊บๆๆๆ ชัดเจนในหูผม เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก หลังจากวันนั้นก็พอเริ่มภาวนาพุทโธ ได้ 5 นาที ก็เกิดอาการ เต้นตุ๊บๆๆๆ เหมือนชีพจรเต้นที่หว่างคิ้ว พอพุทโธหายอยู่กับความสงบไปตลอด 2 ชั่วโมง นั่งไม่ถึง 5 นาทีก็เข้าอัปปนาสมาธิแล้ว

           วันหนึ่งออกจากสมาธิเวลากลางคืนแล้วไม่ได้แผ่เมตตา เห็นเทวดาสีขาวลางๆ มายืนล้อมผมเป็นร้อยเป็นพันองค์ ผมรู้ทันทีต้องแผ่เมตตาให้ท่านแล้วท่านก็เลือนหายไป องค์พระหลวงตามหาบัว เคยมาที่วัดบอกว่า "ที่มาเทศน์ที่นี่ (วังน้ำเขียว) ไม่ได้มาโปรดญาติโยมอย่างเดียว แต่ที่นี่มีเทวดาเยอะมากๆ อยู่บนป่าเขา" ผมเข้าใจวันนี้ หลังจากนั้นทุกครั้งที่ภาวนา พุทโธ ก็จะเกิดอาการ ตุ๊บๆๆ ที่หว่างคิ้วทุกครั้งและเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่