ปกติมีโอกาสพบน้อยครับ ต้องอุณหภูมิสูง และเกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จึงจะเกิด PAH
มีโอกาสพบเฉพาะส่วนที่ไหม้เกรียม

PAH เชื่อมโยงกับมะเร็งปอดได้อย่างไร เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการวิจัยครับ สารก่อมะเร็งที่อยู่ในอาหาร ก็ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ไปยังปอดได้
อย่างเช่นเปเปอร์นี้ครับ
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/34242741/

บทคัดย่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มะเร็งปอดมีอุบัติการณ์สูงเป็นอันดับสองและอัตราการเสียชีวิตสูงสุดเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นทั้งหมด โมเลกุลโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAH) อยู่ในกลุ่มของสารประกอบที่มีอยู่ในควันบุหรี่ ไอเสียดีเซล อาหารรมควัน ตลอดจนอนุภาคขนาดเล็ก (PM)

สารที่ไวต่อปฏิกิริยาที่ได้จาก PAH มีส่วนสำคัญในการพัฒนามะเร็งปอด การก่อตัวของเมแทบอไลต์ที่ทำปฏิกิริยาเหล่านี้ทำให้เกิดเมแทบอลิซึมของ parent PAHs โดยเอนไซม์ไซโตโครม P4501A1/1B1 (CYP1A1/1B1) และอิพอกไซด์ไฮโดรเลส

จากนั้นเมแทบอไลต์ที่ทำปฏิกิริยาเหล่านี้จะทำปฏิกิริยากับ DNA เพื่อสร้าง DNA adducts ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของยีนที่สำคัญ เช่น ยีนต้านเนื้องอก p53 และเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็งในปอด

การสัมผัสสาร PAH ยังนำไปสู่การควบคุมการ transcription ของ CYP1A1 โดยการจับกับตัวรับอะริลไฮโดรคาร์บอน (AHR) และกระตุ้นให้เกิดการ transcription ของโปรโมเตอร์ CYP1A1 ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบที่ตอบสนองต่อซีโนไบโอติก (XREs) ที่จำเพาะ

ในขณะที่ CYP1A1/1B1 ในตับและปอดเผาผลาญ PAHs ไปเป็นเมแทบอไลต์ที่ทำปฏิกิริยากับ DNA

อย่างไรก็ตาม CYP1A2 ในตับอาจป้องกันการพัฒนาของเนื้องอกในปอดได้โดยการยับยั้งเอนไซม์ CYP1A1 ทั้งตับและปอด การวิเคราะห์เพิ่มเติมของเอนไซม์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการได้รับสาร PAH ยังทำให้เกิดการถอดรหัสอย่างต่อเนื่องของ CYP1A1 ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับการคงอยู่ของ parent PAH

เอนไซม์ CYP1A2 มีบทบาทสำคัญในการเหนี่ยวนำ CYP1A1 ในตับอย่างต่อเนื่อง การได้รับสาร PAH อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งปอดโดยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ epigenetic DNA methylation, การดัดแปลงฮิสโตน, การ activate องค์ประกอบนิวเคลียร์แบบกระจายตัวยาว (LINE-1) และ RNA ที่ไม่ได้เข้ารหัส, โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลง microRNA (miRNA) อาจถูกชักนำโดยการสัมผัส PAH

ความสัมพันธ์ระหว่างการก่อตัวของสารเมตาบอไลต์ที่มีปฏิกิริยากับเอนไซม์ที่เกิดจาก PAH และการเปลี่ยนแปลงของ epigenetic เป็นหัวข้อวิจัยสำคัญที่จะรับประกันให้มีการศึกษาวิจัยต่อยอด

การตรวจสอบการทำงานร่วมกันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกลไกทั้งสองนี้อาจนำไปสู่ความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกของการเกิดมะเร็งของ PAH กลไกเหล่านี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาวิธีการรักษาที่ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพและเครื่องมือในการวินิจฉัยเบื้องต้น