ขอระบายยาวๆเลยค่ะ
เราเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านค่ะ
มียาย พ่อ แม่ แล้วก็เรา รวม 4 คน
เราเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาท
เป็นความหวัง ความภาคภูมิใจของพ่อแม่ มาตลอด
สอบได้ไม่เคยหลุดอันดับ 3
ทุกชั้นเรียน->จบปริญญา->ได้งานมั่นคง-แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา
เรียกได้ว่าป้าข้างบ้านพูดไม่ออกเลยทีเดียว
แต่..มาตกม้าตาย ตอน phase สุดท้าย นั่นคือ "มีลูก"
เราแต่งงานตอนอายุ 25 เราเริ่มรู้สึกตั้งแต่แรกว่า เราไม่อยากมีลูก แต่ยังไม่ได้บอกใคร เพราะเข้าใจว่าตัวเองอาจจะยังไม่พร้อมด้วยอะไรหลายๆอย่าง เพราะเพิ่งเรียนจบ ทำงานใหม่ๆ
คุยกับสามีว่า รออีกสักระยะละกันเนาะ ซึ่งสามีก็ไม่ว่าอะไร
เวลาผ่านเลยไป 2-3 ปี ยังไม่มีวี่แววการมีเบบี๋ พ่อแม่เราก็เริ่มร้อนใจ เพราะอยากได้หลานมากๆแล้ว
เราแยกบ้านออกมาอยู่กับสามี
ในตัวจังหวัด เพราะที่ทำงานอยู่ที่นี่ทั้งคู่ ที่บ้านเดิมก็เหลือแต่ ยาย พ่อ แม่
สามีเราเคยแต่งงานมาแล้ว มีลูกติด 1 คน(อยู่กับภรรยาเก่า) เราเคยถามว่าอยากมีลูกกับเราอีกมั๊ย เขาก็บอกว่า จริงๆอยากมี แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของเราก่อน เพราะเราเป็นคนอุ้มท้องเอง คลอดเอง เจ็บเอง ให้นมเอง เขาได้แต่เป็นผู้ช่วยอยู่ใกล้ๆเท่านั้น เขาไม่อยากรบเร้า หรือเชิงบังคับให้ลำบากใจ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยคุยกันได้ หรือถ้าไม่อยากมีจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาก็มีอยู่แล้ว 1 คน
เราก็โล่งใจไป 1 เปราะ
ทีนี้ก็มาถึงด่านพ่อ แม่ และยาย..
คนแก่อยู่บ้านนอก ท่านก็คงเหงา
เพราะเราก็แยกบ้านออกไปแล้ว
แต่ก็มาเยี่ยมบ่อยมากๆ (ทุกสัปดาห์เลย)
ประกอบกับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน เริ่มทะยอยมีตัวเล็กกันทีละบ้านสองบ้าน ป้าข้างบ้าน หลายๆป้า ก็เริ่มมีการ
ทักถาม พาหลานตัวน้อย มาขงมาขิงกันใหญ่
พอถูกทักเข้า ว่าเมื่อไหร่จะมีกะเค้าบ้าง ก็หน้าจ๋อยกันไปเลย
เพื่อนๆคะ เราจะทำยังไงดี
เราไม่รู้ว่าเรากำลังสับสนอะไรรึเปล่า หรือเราคิดมากไป
เราจะค่อยๆเล่าให้เพื่อนๆอ่าน
และขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆด้วยค่ะ
เราทานยาคุมกำเนิด บ่ายเบี่ยงประวิงเวลา ให้ผ่านไป ปีแล้วปีเล่า จนตอนนี้ผ่านไป 10 ปี
เราอายุ 35 แล้ว!!
เราสงสารพ่อ แม่ และยาย มากๆ
แต่เราก็สงสารตัวเอง
เรารู้สึกแบกความคาดหวังไว้มากจริงๆ มันกดดันมาก เพราะเราไม่เคยทำใ้ห้พ่อแม่ผิดหวังอะไรเลยมาก่อน
เพื่อนๆคะ เราว่าเราคงไม่อยากมีลูกแล้วจริงๆ เราเฝ้าถามตัวเองมาตลอดเวลา 10 ปี เราไม่เคยรู้สึกขาดอะไรเลย
เราไม่เคยเหงา ไม่เคยรู้สึกอยากได้เด็กตัวเล็กๆน่ารักๆ มาวิ่งเล่นในบ้าน เดินผ่านครอบครัวที่มีลูกเล็ก
ไม่เคยมีความคิดอยากมีเป็นของตัวเอง ไม่เคยรู้สึกอยากอุ้ม อยากเลี้ยงดูเด็กน้อยเลย
มันจะมีคนอยู่ 3 ประเภท
1.รักเด็กมากๆ เห็นเป็นไม่ได้ ต้องเข้าไปเล่นด้วย อยากอุ้มอยากกอด
2.เด็กคนนี้น่ารักดีนะ แต่ก็เว้นระยะห่าง เฉยๆ ไม่เข้าไปเล่น ไม่คลุกคลี
3.เกลียดเด็ก ไม่ชอบ อย่ามาใกล้
เราเป็นประเภทที่ 2 ค่ะ
เราไม่ได้เกลียดเด็ก
แต่เรียกว่า "ไม่ชอบตัวเองเวลาอยู่กับเด็ก" แบบนี้จะถูกกว่า
เราเลี้ยงแมว และชอบอยู่เงียบๆ สโลวไลฟ์กับแมวมากกว่า
เรารู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเอง
เมื่อต้องอยู่กับเด็ก
คือเค้าก็น่ารักตามประสาเค้านะ
แต่เราไม่โอเค เวลาเค้าเจื้อยแจ้ว เรียกหาตอบขาน ช่างถาม ซุกซน วิ่งตาม จนต้องดูแล ไม่ละสายตา โอ๊ยบรรเทิงมาก มันใช้พลังงาน และกินเวลาส่วนตัวมากเกินไป (คนประเภทที่ 1 เค้าจะชอบแบบนี้ไง)
แต่เราชอบอยู่แบบสงบๆ สบายๆมากกว่า
2ปีที่ผ่านมา เกิดเรื่อง..
เรามีน้องสาว(ลูกพี่ลูกน้อง)
อายุใกล้ๆกัน บ้านใกล้ๆกัน
น้องสาวเป็นคนเกลียดเด็กมากๆ ประกาศไว้เลยว่าชาตินี้ไม่ขอมีลูกเด็ดขาด
แต่ดันพลาดท้องไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ท้องก็ปาไป 5 เดือนแล้ว
พ่อเด็กหนีหายไปตั้งแต่เริ่มรู้ว่าท้อง
เลยกลับมาคลอดที่บ้านแล้วฝาก
แม่(น้องสาวแม่เรา)
แล้วไปทำงานที่ ตปท.
หลานคลอดออกมาเป็นเด็ก ญ
น่าตาดีน่ารัก เป็นหลานคนเเรกในวงค์ญาติเราเลย
พ่อ แม่ ยาย เรา
เห่อหลานมาก รักมากเหมือนหลานในไส้ ขับรถไปเล่นกับหลานทุกวัน เวลาหลานไม่สบาย ดึกดื่นขนาดไหน ก็ขับรถพาไป รพ.เอง
พอเริ่มเดินได้ ก็พามาเล่นที่บ้าน
แต่ก่อน เวลาที่เรากลับบ้าน เเม่จะชอบทำกับข้าว จัดเตรียมของที่เราชอบไว้รอทุกครั้ง และเราก็ไปทานข้าวเย็นพร้อมกัน
แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะมัวแต่ดูหลาน
กว่าจะไปส่งกลับ แล้วกลับมาทำกับข้าวเย็นทานก็ราว 3 ทุ่ม😓
แต่ถ้ามันเป็นความสุขความสมัครใจของท่าน เราก็ไม่ขัดนะ เราโอเค
แต่ที่ไม่โอเคคือ
ทุกครั้งที่เรากลับบ้าน จะรีบโทร บอกน้า+พากันไปรับหลานให้มาอยู่กับเรา
เหมือนวางแผนกันไว้ ให้เราได้อยู่กับเด็ก ได้สัมผัสเด็ก เผื่อจะได้รู้สึกอยากมีลูกบ้าง ไรงี้ "ปากก็บอกไม่อยากได้ เดี๋ยวพอมีก็รักเองแหละ
ขี้คร้านจะมารักลูกหลงลูกทั้งวันทั้งคืนน่ะสิ"
คือ..หะโหลว! รักกับอยากได้ มันคนละเรื่องกันค่ะ 😓
อยากได้หรือไม่อยากได้ คลอดออกมามันก็รักเหมือนกันจ้า ดูน้องสาวสิเกลียดเด็กจะตาย พอคลอดออกมาก็รักมาก คึดถึงร้องไห้หาลูกทุกวัน
อย่างที่บอกไปข้างต้นเเล้ว ว่าเราไม่ชอบอยู่กับเด็ก
การที่เรากลับบ้าน ก็เพราะอยากพักกาย พักใจ บ้านคือ save zone
กลายเป็นว่า หลังๆเราเริ่มกลับบ้านน้อยลง ถ้าจะไปก็ดึกเลย แล้วรีบกลับตอนเช้า ไม่อยู่นาน เพราะรู้สึกไม่โอเคกับอะไรแบบนี้
เราไม่ก็รู้ว่าท่านจะ get รึเปล่า 😓
ช่วงนี้ก็เลยห่างๆบ้านไป ขอรอจนกว่าหลานจะเข้า รร. ค่อยกลับไปเหมือนเดิมอิกทีละกัน
ซึ่งเรารู้สึกเสียดายเวลามากๆนะ
เราไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาได้พบเจอท่านแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
อายุเรายิ่งมาก อายุท่านก็มากไปเรื่อยๆเช่นกัน..
แต่บางทีเราก็อดน้อยใจไม่ได้
ว่าเอาแต่เชียร์อยากได้หลาน
ไม่สงสารลูกสาวบ้างเหรอ
ว่าต้องเจ็บต้องเหนื่อยขนาดไหน 😥
เราคิดตรึกตรอง และระวังกับการวางแผนครอบครัวมากๆ
ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ
เราปลูกบ้าน 1 หลัง +ซื้อรถ ให้พ่อกับแม่ 1 คัน(เริ่มเป็นหนี้)
มาแต่งงานกับสามีก็สภาพเดียวกัน
แล้วพอแต่งงาน ก็บ้านอีก 1 รถ อีก 1
เราไม่ได้เริ่มจาก "ศูนย์"
แต่เราเริ่มจาก"ติดลบ"กันทั้งคู่
ดังนั้นเรื่องหลัก อีกเรื่องที่เรากังวลมากตอนนั้น ก็คือรายได้
ผ่านมานับ10ปี วันนี้เราหาจุดสมดุลได้ครบทุกอย่างแล้ว
1.เวลา
2.สุขภาพและการพักผ่อน
3.รายได้(มีเงินเหลือเล็กน้อยโอนให้พ่อแม่) ข้อนี้เพิ่งจะลืมตาอ้าปากได้ และเราภูมิใจมาก เพราะหลังจากปลูกบ้าน กว่าจะตั้งตัว บากบั่นปิดหนี้ได้เกือบครึ่ง ก็เพิ่งจะมีให้ท่าน
เรารักพวกท่านมาก อยากดูแลเป็นอย่างดี และวันนี้มั่นใจได้เลยว่า
ฐานะการเงินของเราในวันข้างหน้า จะสามารถดูแลเยียวยา พวกท่านในวันที่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อได้ อย่างเพียงพอแน่นอน
ชีวิตนี้เราต้องการแค่นี้จริงๆค่ะ
พ่อแม่ เคยบอกว่า ก็เป็นห่วง กลัวตอนแก่ ใครจะมาดูแล
เราตอบได้เลยค่ะว่า
"หมดห่วงเรื่องนี้ได้เลย หนูอยู่ในวงการสาธารณสุข มีเงินเดือนยันเกษียณ และวางแผนการเงินอย่างสุขุมรอบคอบ อีกหน่อยยุคสมัยเปลี่ยน ก็เจริญและพัฒนา
ไปมากกว่าวันนี้แน่นอน
เมื่อก่อน ไม่มีลูกหลานหาข้าวปลาให้ คนแก่ก็อดตาย แต่เดี๋ยวนี้ จิ้มจอแป้บเดียว ไรเดอร์ก็มาถึงหน้าบ้านละ พอเริ่มรู้ตัวว่าชรา ก็แค่ไปอยู่บ้านพักคนชรา ว่ากันง่ายๆเลย แค่อาบน้ำ เค้ายังทำสะอาดกว่าลูกหลานจริงๆ หลายๆคนซะอีก เพราะเค้าทำคล่อง ทำเป็น
คนแก่ยุคเราคงไม่ต้องนั่งเหงาตามเสาบ้านเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
คงดูซีรี่ส์ เล่นเกมมันทั้งวัน😁
ละตอนนั้น พ่อ แม่ ยาย ก็คงไม่อยู่แล้ว ไม่ได้มาเห็นหนูหรอก
เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องมาห่วงเลย เราก็บอกงี้
เราไม่เคยกลัวตายอย่างโดดเดี่ยวเลยนะ เรามาคนเดียว เราก็ต้องกลับไปคนเดียว แม้ตอนใกล้หมดลม
มีลูกหลานห้อมล้อมเป็นสิบเป็นร้อย
ก็ไม่มีใครไปกับเราได้แม้สักคนเดียว
10 ผ่านมาถึงวันนี้เราสุขสบายมาก ๆ อยากกิน อยากเที่ยว อิสระเสรี มีเงินใช้ ช้อปปิ้ง สโลวไลฟ์ อยากนอนตื่นสายยังไงก็ได้ มันเป็นอะไรที่
อิ่มเอมมากๆ
ในขณะเดียวกัน เรามองเพื่อนๆที่
แต่งงานพอๆกับเรา ที่มีลูกไปแล้ว
ตอนนี้วุ่นอยู่กับการย้ายงานอยากไปอยู่ใกล้ลูก ลางานไม่ได้
บ้างก็ลูก3วันดี4วันไข้ แอดมิท รพ.
ครอบพ่นยา ไข้สูง แทงน้ำเกลือ เข้าๆออกๆๆ รพ.
บ้างก็ทำOT หาเงินมือเป็นระวิง
รายได้ไม่พอ ต้องแบกหน้าไปยืมเงินคนอื่นมาซื้อนมให้ลูก
บ้างก็บ่นในเฟสบุค เป็นมนุษย์แม่ นอนน้อย
แม้จะขรี้ ลูกก็ยังตามไปดูขรี้
พ่อแม่นอนรพ.เอาทิ้งไว้นั่นก่อน ต้องเลี้ยงลูก..(ข้อนี้น่าคิด ถ้ามีลูก พ่อแม่จะได้รับการดูแลน้อยลง ไม่มากก็น้อย อันนี้ความจริง)
ละก็ บลาๆๆ😖😖
อืม..มีความสุขมาก ความทุกข์ก็มากเช่นกัน
หากวันนึงเราต้องมีอีก 1 ชีวิตเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในประเด็นเรื่องการเงิน ณ ตอนนี้มันก็มีได้ แต่ต้องเหนื่อยมากขึ้น ต้องทำ OT เพิ่มงกๆเลยถึงจะพอ
เราไม่อยากลำบากอีกแล้ว แค่นี้ก็มีความสุขดี พอดีๆทุกอย่าง
ผ่านมานับสิบปี เราว่ามันน่าจะ
ชัดเจนมากๆแล้ว ว่าเราอยากมีชีวิตยังไง
แต่ก็นั่นแหละค่ะ
จน..ตั้งแต่ปีที่แล้ว(อายุ34)
ระหว่างการเลือกทางเดินชีวิตของเรา กับความรักที่มีต่อพ่อแม่
เราตัดไอ้ 2ความคิดนี้ ออกจากหัวไม่ได้เลย
เราตัดสินใจหยุดยาคุม😓!
แล้วก็บอกตัวเองว่า เอาวะ
ลองดูก็ได้ ถึงเเม้จะไม่ได้เต็มใจนัก
แต่อย่างน้อย การมีเด็กเล็กๆให้พ่อ แม่ ยาย อาจช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจ
เหงาๆของท่าน เมื่อลูกสาวคนเดียว จาก อก ไปมีครอบครัว
มันอาจไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้
เราบอกพ่อแม่ ว่าเราเริ่มหยุดยามาได้สักพักแล้ว แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ หนูไม่ไปทำ ไม่ไปหาหมอนะ
ท่านก็โอเค
อืม...ค่อยๆปรับตัวเอาละกันนะตัวเรา
😞😞
ตอนนี้ผ่านมาปีนึงแล้วค่ะ
เรายังไม่ท้อง!!
เราอาจมีความผิดปกติบางอย่าง
หรืออายุมากเเล้ว
จึงติดยาก
แต่!!
ลึกๆแล้วดีใจมากนะ อันนี้เเอบเก็บไว้คนเดียวไม่บอกใคร
แต่ก็รู้สึกว่าได้ทำหน้าที่ลูกแล้ว เป็นทุกอย่างให้ได้หมดแล้ว ความรู้สึกผิดจากเมื่อก่อนมันก็เริ่มลดลง
บางวันก็กลัวท้อง บางวันก็เออท้องๆไป จะได้จบ
นี่เรากำลังจะเป็นบ้าแล้วใช่มั๊ยคะเพื่อนๆ
เราคิดวกวนอยู่ในหัวมาตลอด ถ้าคิดถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ เราจะรู้สึกเครียด หายใจไม่ออก นอนไม่หลับ ต้องไปหาหมอเพื่อขอยานอนหลับ ไม่งั้นจะทำงานไม่ไหว
เห้อ!!😓😓
เพื่อนๆช่วยชี้ทางสว่างให้เราด้วยนะคะ คิดไม่ตกจริงๆ😭
ไม่อยากมีลูก แต่พ่อแม่อยากได้หลาน
เราเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านค่ะ
มียาย พ่อ แม่ แล้วก็เรา รวม 4 คน
เราเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาท
เป็นความหวัง ความภาคภูมิใจของพ่อแม่ มาตลอด
สอบได้ไม่เคยหลุดอันดับ 3
ทุกชั้นเรียน->จบปริญญา->ได้งานมั่นคง-แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา
เรียกได้ว่าป้าข้างบ้านพูดไม่ออกเลยทีเดียว
แต่..มาตกม้าตาย ตอน phase สุดท้าย นั่นคือ "มีลูก"
เราแต่งงานตอนอายุ 25 เราเริ่มรู้สึกตั้งแต่แรกว่า เราไม่อยากมีลูก แต่ยังไม่ได้บอกใคร เพราะเข้าใจว่าตัวเองอาจจะยังไม่พร้อมด้วยอะไรหลายๆอย่าง เพราะเพิ่งเรียนจบ ทำงานใหม่ๆ
คุยกับสามีว่า รออีกสักระยะละกันเนาะ ซึ่งสามีก็ไม่ว่าอะไร
เวลาผ่านเลยไป 2-3 ปี ยังไม่มีวี่แววการมีเบบี๋ พ่อแม่เราก็เริ่มร้อนใจ เพราะอยากได้หลานมากๆแล้ว
เราแยกบ้านออกมาอยู่กับสามี
ในตัวจังหวัด เพราะที่ทำงานอยู่ที่นี่ทั้งคู่ ที่บ้านเดิมก็เหลือแต่ ยาย พ่อ แม่
สามีเราเคยแต่งงานมาแล้ว มีลูกติด 1 คน(อยู่กับภรรยาเก่า) เราเคยถามว่าอยากมีลูกกับเราอีกมั๊ย เขาก็บอกว่า จริงๆอยากมี แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของเราก่อน เพราะเราเป็นคนอุ้มท้องเอง คลอดเอง เจ็บเอง ให้นมเอง เขาได้แต่เป็นผู้ช่วยอยู่ใกล้ๆเท่านั้น เขาไม่อยากรบเร้า หรือเชิงบังคับให้ลำบากใจ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยคุยกันได้ หรือถ้าไม่อยากมีจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาก็มีอยู่แล้ว 1 คน
เราก็โล่งใจไป 1 เปราะ
ทีนี้ก็มาถึงด่านพ่อ แม่ และยาย..
คนแก่อยู่บ้านนอก ท่านก็คงเหงา
เพราะเราก็แยกบ้านออกไปแล้ว
แต่ก็มาเยี่ยมบ่อยมากๆ (ทุกสัปดาห์เลย)
ประกอบกับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน เริ่มทะยอยมีตัวเล็กกันทีละบ้านสองบ้าน ป้าข้างบ้าน หลายๆป้า ก็เริ่มมีการ
ทักถาม พาหลานตัวน้อย มาขงมาขิงกันใหญ่
พอถูกทักเข้า ว่าเมื่อไหร่จะมีกะเค้าบ้าง ก็หน้าจ๋อยกันไปเลย
เพื่อนๆคะ เราจะทำยังไงดี
เราไม่รู้ว่าเรากำลังสับสนอะไรรึเปล่า หรือเราคิดมากไป
เราจะค่อยๆเล่าให้เพื่อนๆอ่าน
และขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆด้วยค่ะ
เราทานยาคุมกำเนิด บ่ายเบี่ยงประวิงเวลา ให้ผ่านไป ปีแล้วปีเล่า จนตอนนี้ผ่านไป 10 ปี
เราอายุ 35 แล้ว!!
เราสงสารพ่อ แม่ และยาย มากๆ
แต่เราก็สงสารตัวเอง
เรารู้สึกแบกความคาดหวังไว้มากจริงๆ มันกดดันมาก เพราะเราไม่เคยทำใ้ห้พ่อแม่ผิดหวังอะไรเลยมาก่อน
เพื่อนๆคะ เราว่าเราคงไม่อยากมีลูกแล้วจริงๆ เราเฝ้าถามตัวเองมาตลอดเวลา 10 ปี เราไม่เคยรู้สึกขาดอะไรเลย
เราไม่เคยเหงา ไม่เคยรู้สึกอยากได้เด็กตัวเล็กๆน่ารักๆ มาวิ่งเล่นในบ้าน เดินผ่านครอบครัวที่มีลูกเล็ก
ไม่เคยมีความคิดอยากมีเป็นของตัวเอง ไม่เคยรู้สึกอยากอุ้ม อยากเลี้ยงดูเด็กน้อยเลย
มันจะมีคนอยู่ 3 ประเภท
1.รักเด็กมากๆ เห็นเป็นไม่ได้ ต้องเข้าไปเล่นด้วย อยากอุ้มอยากกอด
2.เด็กคนนี้น่ารักดีนะ แต่ก็เว้นระยะห่าง เฉยๆ ไม่เข้าไปเล่น ไม่คลุกคลี
3.เกลียดเด็ก ไม่ชอบ อย่ามาใกล้
เราเป็นประเภทที่ 2 ค่ะ
เราไม่ได้เกลียดเด็ก
แต่เรียกว่า "ไม่ชอบตัวเองเวลาอยู่กับเด็ก" แบบนี้จะถูกกว่า
เราเลี้ยงแมว และชอบอยู่เงียบๆ สโลวไลฟ์กับแมวมากกว่า
เรารู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเอง
เมื่อต้องอยู่กับเด็ก
คือเค้าก็น่ารักตามประสาเค้านะ
แต่เราไม่โอเค เวลาเค้าเจื้อยแจ้ว เรียกหาตอบขาน ช่างถาม ซุกซน วิ่งตาม จนต้องดูแล ไม่ละสายตา โอ๊ยบรรเทิงมาก มันใช้พลังงาน และกินเวลาส่วนตัวมากเกินไป (คนประเภทที่ 1 เค้าจะชอบแบบนี้ไง)
แต่เราชอบอยู่แบบสงบๆ สบายๆมากกว่า
2ปีที่ผ่านมา เกิดเรื่อง..
เรามีน้องสาว(ลูกพี่ลูกน้อง)
อายุใกล้ๆกัน บ้านใกล้ๆกัน
น้องสาวเป็นคนเกลียดเด็กมากๆ ประกาศไว้เลยว่าชาตินี้ไม่ขอมีลูกเด็ดขาด
แต่ดันพลาดท้องไม่รู้ตัว
กว่าจะรู้ท้องก็ปาไป 5 เดือนแล้ว
พ่อเด็กหนีหายไปตั้งแต่เริ่มรู้ว่าท้อง
เลยกลับมาคลอดที่บ้านแล้วฝาก
แม่(น้องสาวแม่เรา)
แล้วไปทำงานที่ ตปท.
หลานคลอดออกมาเป็นเด็ก ญ
น่าตาดีน่ารัก เป็นหลานคนเเรกในวงค์ญาติเราเลย
พ่อ แม่ ยาย เรา
เห่อหลานมาก รักมากเหมือนหลานในไส้ ขับรถไปเล่นกับหลานทุกวัน เวลาหลานไม่สบาย ดึกดื่นขนาดไหน ก็ขับรถพาไป รพ.เอง
พอเริ่มเดินได้ ก็พามาเล่นที่บ้าน
แต่ก่อน เวลาที่เรากลับบ้าน เเม่จะชอบทำกับข้าว จัดเตรียมของที่เราชอบไว้รอทุกครั้ง และเราก็ไปทานข้าวเย็นพร้อมกัน
แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะมัวแต่ดูหลาน
กว่าจะไปส่งกลับ แล้วกลับมาทำกับข้าวเย็นทานก็ราว 3 ทุ่ม😓
แต่ถ้ามันเป็นความสุขความสมัครใจของท่าน เราก็ไม่ขัดนะ เราโอเค
แต่ที่ไม่โอเคคือ
ทุกครั้งที่เรากลับบ้าน จะรีบโทร บอกน้า+พากันไปรับหลานให้มาอยู่กับเรา
เหมือนวางแผนกันไว้ ให้เราได้อยู่กับเด็ก ได้สัมผัสเด็ก เผื่อจะได้รู้สึกอยากมีลูกบ้าง ไรงี้ "ปากก็บอกไม่อยากได้ เดี๋ยวพอมีก็รักเองแหละ
ขี้คร้านจะมารักลูกหลงลูกทั้งวันทั้งคืนน่ะสิ"
คือ..หะโหลว! รักกับอยากได้ มันคนละเรื่องกันค่ะ 😓
อยากได้หรือไม่อยากได้ คลอดออกมามันก็รักเหมือนกันจ้า ดูน้องสาวสิเกลียดเด็กจะตาย พอคลอดออกมาก็รักมาก คึดถึงร้องไห้หาลูกทุกวัน
อย่างที่บอกไปข้างต้นเเล้ว ว่าเราไม่ชอบอยู่กับเด็ก
การที่เรากลับบ้าน ก็เพราะอยากพักกาย พักใจ บ้านคือ save zone
กลายเป็นว่า หลังๆเราเริ่มกลับบ้านน้อยลง ถ้าจะไปก็ดึกเลย แล้วรีบกลับตอนเช้า ไม่อยู่นาน เพราะรู้สึกไม่โอเคกับอะไรแบบนี้
เราไม่ก็รู้ว่าท่านจะ get รึเปล่า 😓
ช่วงนี้ก็เลยห่างๆบ้านไป ขอรอจนกว่าหลานจะเข้า รร. ค่อยกลับไปเหมือนเดิมอิกทีละกัน
ซึ่งเรารู้สึกเสียดายเวลามากๆนะ
เราไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาได้พบเจอท่านแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
อายุเรายิ่งมาก อายุท่านก็มากไปเรื่อยๆเช่นกัน..
แต่บางทีเราก็อดน้อยใจไม่ได้
ว่าเอาแต่เชียร์อยากได้หลาน
ไม่สงสารลูกสาวบ้างเหรอ
ว่าต้องเจ็บต้องเหนื่อยขนาดไหน 😥
เราคิดตรึกตรอง และระวังกับการวางแผนครอบครัวมากๆ
ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ
เราปลูกบ้าน 1 หลัง +ซื้อรถ ให้พ่อกับแม่ 1 คัน(เริ่มเป็นหนี้)
มาแต่งงานกับสามีก็สภาพเดียวกัน
แล้วพอแต่งงาน ก็บ้านอีก 1 รถ อีก 1
เราไม่ได้เริ่มจาก "ศูนย์"
แต่เราเริ่มจาก"ติดลบ"กันทั้งคู่
ดังนั้นเรื่องหลัก อีกเรื่องที่เรากังวลมากตอนนั้น ก็คือรายได้
ผ่านมานับ10ปี วันนี้เราหาจุดสมดุลได้ครบทุกอย่างแล้ว
1.เวลา
2.สุขภาพและการพักผ่อน
3.รายได้(มีเงินเหลือเล็กน้อยโอนให้พ่อแม่) ข้อนี้เพิ่งจะลืมตาอ้าปากได้ และเราภูมิใจมาก เพราะหลังจากปลูกบ้าน กว่าจะตั้งตัว บากบั่นปิดหนี้ได้เกือบครึ่ง ก็เพิ่งจะมีให้ท่าน
เรารักพวกท่านมาก อยากดูแลเป็นอย่างดี และวันนี้มั่นใจได้เลยว่า
ฐานะการเงินของเราในวันข้างหน้า จะสามารถดูแลเยียวยา พวกท่านในวันที่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อได้ อย่างเพียงพอแน่นอน
ชีวิตนี้เราต้องการแค่นี้จริงๆค่ะ
พ่อแม่ เคยบอกว่า ก็เป็นห่วง กลัวตอนแก่ ใครจะมาดูแล
เราตอบได้เลยค่ะว่า
"หมดห่วงเรื่องนี้ได้เลย หนูอยู่ในวงการสาธารณสุข มีเงินเดือนยันเกษียณ และวางแผนการเงินอย่างสุขุมรอบคอบ อีกหน่อยยุคสมัยเปลี่ยน ก็เจริญและพัฒนา
ไปมากกว่าวันนี้แน่นอน
เมื่อก่อน ไม่มีลูกหลานหาข้าวปลาให้ คนแก่ก็อดตาย แต่เดี๋ยวนี้ จิ้มจอแป้บเดียว ไรเดอร์ก็มาถึงหน้าบ้านละ พอเริ่มรู้ตัวว่าชรา ก็แค่ไปอยู่บ้านพักคนชรา ว่ากันง่ายๆเลย แค่อาบน้ำ เค้ายังทำสะอาดกว่าลูกหลานจริงๆ หลายๆคนซะอีก เพราะเค้าทำคล่อง ทำเป็น
คนแก่ยุคเราคงไม่ต้องนั่งเหงาตามเสาบ้านเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
คงดูซีรี่ส์ เล่นเกมมันทั้งวัน😁
ละตอนนั้น พ่อ แม่ ยาย ก็คงไม่อยู่แล้ว ไม่ได้มาเห็นหนูหรอก
เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องมาห่วงเลย เราก็บอกงี้
เราไม่เคยกลัวตายอย่างโดดเดี่ยวเลยนะ เรามาคนเดียว เราก็ต้องกลับไปคนเดียว แม้ตอนใกล้หมดลม
มีลูกหลานห้อมล้อมเป็นสิบเป็นร้อย
ก็ไม่มีใครไปกับเราได้แม้สักคนเดียว
10 ผ่านมาถึงวันนี้เราสุขสบายมาก ๆ อยากกิน อยากเที่ยว อิสระเสรี มีเงินใช้ ช้อปปิ้ง สโลวไลฟ์ อยากนอนตื่นสายยังไงก็ได้ มันเป็นอะไรที่
อิ่มเอมมากๆ
ในขณะเดียวกัน เรามองเพื่อนๆที่
แต่งงานพอๆกับเรา ที่มีลูกไปแล้ว
ตอนนี้วุ่นอยู่กับการย้ายงานอยากไปอยู่ใกล้ลูก ลางานไม่ได้
บ้างก็ลูก3วันดี4วันไข้ แอดมิท รพ.
ครอบพ่นยา ไข้สูง แทงน้ำเกลือ เข้าๆออกๆๆ รพ.
บ้างก็ทำOT หาเงินมือเป็นระวิง
รายได้ไม่พอ ต้องแบกหน้าไปยืมเงินคนอื่นมาซื้อนมให้ลูก
บ้างก็บ่นในเฟสบุค เป็นมนุษย์แม่ นอนน้อย
แม้จะขรี้ ลูกก็ยังตามไปดูขรี้
พ่อแม่นอนรพ.เอาทิ้งไว้นั่นก่อน ต้องเลี้ยงลูก..(ข้อนี้น่าคิด ถ้ามีลูก พ่อแม่จะได้รับการดูแลน้อยลง ไม่มากก็น้อย อันนี้ความจริง)
ละก็ บลาๆๆ😖😖
อืม..มีความสุขมาก ความทุกข์ก็มากเช่นกัน
หากวันนึงเราต้องมีอีก 1 ชีวิตเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในประเด็นเรื่องการเงิน ณ ตอนนี้มันก็มีได้ แต่ต้องเหนื่อยมากขึ้น ต้องทำ OT เพิ่มงกๆเลยถึงจะพอ
เราไม่อยากลำบากอีกแล้ว แค่นี้ก็มีความสุขดี พอดีๆทุกอย่าง
ผ่านมานับสิบปี เราว่ามันน่าจะ
ชัดเจนมากๆแล้ว ว่าเราอยากมีชีวิตยังไง
แต่ก็นั่นแหละค่ะ
จน..ตั้งแต่ปีที่แล้ว(อายุ34)
ระหว่างการเลือกทางเดินชีวิตของเรา กับความรักที่มีต่อพ่อแม่
เราตัดไอ้ 2ความคิดนี้ ออกจากหัวไม่ได้เลย
เราตัดสินใจหยุดยาคุม😓!
แล้วก็บอกตัวเองว่า เอาวะ
ลองดูก็ได้ ถึงเเม้จะไม่ได้เต็มใจนัก
แต่อย่างน้อย การมีเด็กเล็กๆให้พ่อ แม่ ยาย อาจช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจ
เหงาๆของท่าน เมื่อลูกสาวคนเดียว จาก อก ไปมีครอบครัว
มันอาจไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้
เราบอกพ่อแม่ ว่าเราเริ่มหยุดยามาได้สักพักแล้ว แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ หนูไม่ไปทำ ไม่ไปหาหมอนะ
ท่านก็โอเค
อืม...ค่อยๆปรับตัวเอาละกันนะตัวเรา
😞😞
ตอนนี้ผ่านมาปีนึงแล้วค่ะ
เรายังไม่ท้อง!!
เราอาจมีความผิดปกติบางอย่าง
หรืออายุมากเเล้ว
จึงติดยาก
แต่!!
ลึกๆแล้วดีใจมากนะ อันนี้เเอบเก็บไว้คนเดียวไม่บอกใคร
แต่ก็รู้สึกว่าได้ทำหน้าที่ลูกแล้ว เป็นทุกอย่างให้ได้หมดแล้ว ความรู้สึกผิดจากเมื่อก่อนมันก็เริ่มลดลง
บางวันก็กลัวท้อง บางวันก็เออท้องๆไป จะได้จบ
นี่เรากำลังจะเป็นบ้าแล้วใช่มั๊ยคะเพื่อนๆ
เราคิดวกวนอยู่ในหัวมาตลอด ถ้าคิดถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ เราจะรู้สึกเครียด หายใจไม่ออก นอนไม่หลับ ต้องไปหาหมอเพื่อขอยานอนหลับ ไม่งั้นจะทำงานไม่ไหว
เห้อ!!😓😓
เพื่อนๆช่วยชี้ทางสว่างให้เราด้วยนะคะ คิดไม่ตกจริงๆ😭