ชาวสวนยาง เรียกร้องรบ.ใหม่ เร่งแก้ปัญหาราคาตกต่ำ เผย น้ำยางสดใกล้แตะ 3 โลร้อยแล้ว
https://www.matichon.co.th/economy/news_4125919
ชาวสวนยาง เรียกร้องรบ.ใหม่ เร่งแก้ปัญหาราคาตกต่ำ เผย น้ำยางสดใกล้แตะ 3 โลร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวสวนยางพารา ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เร่งกรีดยางพารา หลังจากฝนทิ้งช่วงหยุดตก น้ำยางพาราสด ส่งขายให้กับจุดรับซื้อในชุมชน ราคากิโลกรัมละ 36 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในระยะเวลา 2 เดือน ที่ผ่านมา จากช่วงเดือนมิถุนายน ราคากิโลกรัมละ กว่า 42 บาท ขณะที่ผลผลิตมีน้อย เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องในช่วงฤดูฝน สร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก ขณะที่ราคาต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สหุงต้ม ราคาปุ๋ย เคมีภัณฑ์ ต่างๆ ปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น
นาย
ธรรมนูญ กุมารน้อย เกษตรกรชาวสวนยางพารา ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำยางพาราสดลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ราคาปุ๋ย เคมีภัณฑ์ต่างๆ ปรับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ชาวสวนยางพารา ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งทุกสมัยมีนักการเมืองรับปากกับชาวสวนยาง ว่าหากได้รับการเลือกตั้งจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ได้ จึงได้แต่ทำใจ หากมีการตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ เรียกร้องให้ มีนโยบายแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำอย่างชัดเจน สำหรับราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ต้องไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 60 บาท
นาย
พันธ์ศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรกร จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า รัฐบาลชุดใหม่ต้องมีนโยบาย บริหารจัดการ ราคาพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อย่างเป็นระบบ และชัดเจน ต้องมีโครงสร้างราคา สามารถดูแลควบคุมได้ เช่น ราคาตลาด ในตลาดโลก มีการปรับสูงขึ้น ราคาภายใประเทศก็ต้องปรับสูงขึ้นตาม ราคาปรับลดก็ต้องลดตาม
“
ไม่ปล่อยให้พ่อค้า เป็นผู้กำหนดราคาฝ่ายเดียว ทำให้เกษตกรได้รับความเดือดร้อน อย่างต้นทุนในการผลิตราคา เคมีภัณฑ์ต่าง เช่น ราคาปุ๋ย ที่ปรับสูงขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รัฐต้องมีการมาตรการควบคุมอย่างรวดเร็ว และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เอาเปรียบเกษตรกร” นาย
พันธ์ศักดิ์ กล่าว
บก.ลายจุด พูดจากใจเสื้อแดง ‘ผิดหวัง พท.มาก’ เลือกข้างแต่ไม่เข้าข้าง ‘ผสมสูตร’ กันยิ่งกว่าสูตรคูณ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4125955
บก.ลายจุด พูดจากใจเสื้อแดง ‘ผิดหวัง พท.มาก’ เลือกข้างแต่ไม่เข้าข้าง ‘ผสมสูตร’ กันยิ่งกว่าสูตรคูณ
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นาย
สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้จัดกิจกรรม #พร้อม เผยแพร่ภาพสดผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง หัวข้อเรื่องเยอะ Live เลยดีกว่า พร้อมวิเคราะห์การจัดตั้งรัฐบาล ไปจนถึงกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล
นาย
สมบัติต้องบอกก่อนว่า ตนเป็นทั้งโหวตเตอร์ของทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล ต่อสู้ตั้งแต่ปี 2549 ยาวนานเกือบ 20 ปี ระหว่างทางที่ต่อสู้กับเผด็จการ ยืนอยู่ฝั่งเพื่อไทยมาโดยตลอด ดังนั้น จึงมีความผูกพัน กับพรรคเพื่อไทยในการร่วมต่อสู้
“แล้วก็มาผิดหวังอย่างมาก จากการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ผมก็เลือกก้าวไกลนะ แต่ผมสงสัยตัวเองว่าผมไม่เหมือนกับโหวตเตอร์ก้าวไกลที่เป็นกันอยู่ ที่เขาขอไม่ให้เรียกด้อมส้ม แต่ผมยังหาคำอื่นไม่ได้ ผมพบว่า ผมไม่เหมือนด้อมส้มแบบนี้ และผมก็รู้สึกว่า มีคนไม่น้อยไม่รู้จักผม ผมยืนยันแบ๊กกราวนด์ผมเป็นเสื้อแดง ไม่ต้องเรียกผมว่าเป็นด้อมส้ม หรือนายแบก นางแบก รับประกันว่าไม่ใช่ รับประกันความไม่เหมือน”
“
เรื่องการอยู่สุดขั้ว ผมมีคำพูดนึง ผมเลือกข้าง แต่ผมไม่เข้าข้าง ดั้งนั้นผมรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน ข้อสงสัย ความผิดพลาด ผมวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งคำถาม แสดงความไม่เห็นด้วย ดังนั้นไม่ได้แปลว่า ผมไปวิจารณ์แล้วเป็นอีกฝ่าย ไม่ใช่ แต่ที่แน่นอน ท่าทีของผมชัดเจนในช่วงหลัง ผมอยากให้พรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล
แล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่จัดตั้งรัฐบาล เป้าหมายต้องการให้ไปต่อสู้กับเผด็จกการอำนาจนิยมที่สืบทอดอำนาจกันมา นี่คือภารกิจที่ประชาชนไปโหวต เรื่องนโยบายของแต่ละพรรคก็ว่ากันไป แต่นี่คือเรื่องหลัก ผมพยายามประคับประคอง เลือกทั้งคู่ เหตุผลเพราะร่วมต่อสู้กับเพื่อไทยมาตลอด เป็นเสื้อแดง มีประสบการณ์ร่วมกัน ยังคงอยากสนับสนุนให้เขายังทำหน้าที่ได้อยู่
อย่างที่สอง เรื่องการบริหาร ฝีไม้ลายมือเกี่ยวกับการบริหารของเขา ผมมั่นใจว่าเขาได้ เขาถึง แต่ผมก็เห็นว่าก้าวไกลมีความมุ่งมั่น กล้าชนเรื่องที่เป็นโครงสร้าง และกล้านำเสนอเรื่องที่คิดว่ามันต้องเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าท่วงทำนองแบบนี้ของก้าวไกลต้องได้รับการสนับสนุน แล้วมันก็ออกมาแบบนี้ ม้าเข้าวินทั้งคู่ มันโอเค พอเขาจับมือกันทำ MOU ผมก็ดีใจเลยนะ ปลื้ม คิดว่าเราจะได้รัฐบาลจากประชาชน เดินหน้าประเทศไทย ขจัดอุปสรรคในช่วงหลายปีออกไป แล้วพอมี ส.ว.ออกมาโหวตสวน ผมก็ใส่ ส.ว. ออกมาเคลื่อนไหว ใส่ ส.ว.”
นาย
สมบัติ กล่าวต่อ ว่า ตนคิดว่า จริงๆ มันมีแนวทางที่จะต้องสู้กันในสภา โดยแนวทางประชาธิปไตย และใช้รัฐธรรมนูญในการต่อสู้ เพราะก็เห็นว่าคนอื่น ฝ่ายการเมือง ก็มัวแต่ไปผสมสูตรกันตอนนี้
“
มีสูตรมากว่าสูตรคูณอีก ส่วนตัวผมรำคาญ ผมวิจารณ์ทุกพรรค ทำไมไม่สู้ไปตรงๆ เลย ส.ว.ไม่มีสิทธิ แล้วก็ขยับมวลชนขึ้นมา จะเรียกว่าปลุกม็อบอะไรก็แล้วแต่ มันโคตรชอบธรรม ถ้าในต่างประเทศ สภานการณ์แบบนี้ บนนถนนมีเป็นล้านแล้ว ผมคิดว่าเรามีความชอบธรรมที่จะใช้แนวทางนี้ คือหลักการฝั่งโน้นอธิบายอะไรไม่ได้เลย ยืนกระต่ายขาเดียวเลยว่า 272 ผมว่า 272 ก็ทะลุได้โดยมวลชน และใช้หลักประชาธิปไตย” นายสมบัติกล่าว
บก.ลายจุด วอนหยุดแปะป้าย-ถ่มกัน ระวังหลุมพราง ต้องสร้างบรรยากาศ ดัน ‘พท.-ก.ก.ต่อรองใหม่’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4126343
‘บก.ลายจุด’ แนะข้อต่อรอง พท.-ก.ก. วอน ปชช.สร้างบรรยากาศที่ดี อย่าสาดอารมณ์ ระวังตกหลุมพราง หยุดแปะป้าย-ถ่มใส่กัน จะพังทั้งคู่
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นาย
สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้จัดกิจกรรม #พร้อม เผยแพร่ภาพสดผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง หัวข้อเรื่องเยอะ Live เลยดีกว่า พร้อมวิเคราะห์การจัดตั้งรัฐบาล ไปจนถึงกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล
ในตอนหนึ่ง นาย
สมบัติกล่าวถึงประชาชนผู้สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ ความว่า ระหว่างทางมีกระทบกระทั่ง เพื่อไทยยังไม่ชัดว่าจะแยกทางออกไป ตนพยายามรักษาบรรยากาศ แต่พอเพื่อไทยสลัดหลุดปุ๊บ ตนก็แสดงท่าทีเต็มที่
“
ผมออกตัวตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ได้ม็อบเพื่อไปไล่เพื่อไทยหรือก้าวไกล ดังนั้น เมื่อเรื่องมันเปลี่ยน ผมก็ต้องยุติเรื่องม็อบ พวกที่สนับสนุนก้าวไกลจึงไม่พอใจผม ใครอยากจัดก็จัดกันไป ผมไม่ติดขัด ผมไม่ใช่นายแบก เพื่อไทยผมก็ไม่แบก แล้วผมก็ไม่ได้แบกก้าวไกล ถ้าพลาดมาผมก็วิจารณ์ เราเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยทำไมต้องก้มหัวให้พรรคไหน แต่ก็ต้องวิจารณ์อย่างมีวุฒิภาวะ ให้เกียรติตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา ชี้ประเด็น ไม่ถ่มใส่กัน”
“
เวลาผมมักท้อเรื่องนี้ การเมือง ถ้าเสียเวลามาตะโกนด่าใส่กันอย่างเดียว โดยไม่ฟังเนื้อหา หรือใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจเรื่องการเมือง มันเสียเวลา เพราะไม่ได้เรียนรู้ เราต้องเติบโต การเมืองให้เป็นเงื่อนไข เป็นสื่ออันนึงที่ทำให้เราเรียนรู้ เวลาวิจารณ์ต้องตรงประเด็น” นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติกล่าวต่อว่า ตนแค่พูดว่าถ้าคิดจะสู้ให้ได้ ต้องเอาเพื่อไทยมารวม ทัวร์ลงเลย ทั้งที่เป็นความจริง (Fact) คำถามคือในบรรยากาศแบบนี้จะทำให้ 2 พรรคมาจับมือกันได้อย่างไร
“
ถ้าธงเป็นอย่างนี้ ถ้าจะสู้แนวนี้ ท่วงทำนองที่จะใช้กัน สมมุติรอ 9 เดือน จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงประชาชน ต้องเอา 2 พรรคนี้มารวมกันให้ได้ แล้วคุณด่ากันขนาดนี้ ผมว่าเราสามารถวิจารณ์กันอย่างมีวุฒิภาวะ แล้วผมอยากส่งเสริมเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะกับคนที่เราคิดว่าวันนึงจะต้องจับมือกัน หรือมีคุณค่าพอที่จะจับมือกัน” นาย
สมบัติกล่าว
นาย
สมบัติกล่าวอีกว่า สมมุติเราไม่อยากให้เพื่อไทยไปจับมือกับลุง มันแปลว่าคุณคิดว่าเพื่อไทยต้องจับมือกับก้าวไกลใช่หรือไม่ ถ้าคุณเป็นโหวตเตอร์ก้าวไกลต้องคิดว่าทำอย่างไร 2 พรรคนี้จะจับมือกัน สร้างบรรยากาศ ตนพูดแค่นี้ทัวร์ลงทันที
“
ผมรู้ว่ามันยาก อยากจะจัดให้ใหญ่ๆ เลยเพื่อไทย แต่ก็คิดอยู่ว่าทำอย่างไรดีให้ยังจับมือกันได้ ถ้าเพื่อไทยไปไม่ได้ ทำอย่างไรให้ถอยกลับมาได้ ผมคิดถึงขนาดนี้ แต่ศักยภาพไม่ถึงขนาดนั้น แต่ถ้าถึงผมก็จะไปให้ ให้ผมไปคุยกับเพื่อไทยไหม ให้ไปเยี่ยมเพื่อไทย ก้าวไกล แต่ก็ไม่ได้อีก ถ้าไปก็จะหาว่าผมเป็นพวก”
“
ถึงที่สุด อยากให้ 2 พรรคนี้จับมือกันใช่ไหม ก้าวไกลกับเพื่อไทย ถ้าอยากให้จับมือกัน คุณด่ากันไปอย่างนี้ไม่มีทางได้จับมือ ผมเพียงแต่ตั้งคำถาม สภาพการณ์แบบนี้ถ้าคุณฟัดกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เลย 9 เดือนไป เพื่อไทยก็จับมือกับพรรคอื่นโดยที่ไม่ต้องใช้ ส.ว. เขาไม่กลับมาก้าวไกล สุดท้ายก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ที่ผมจะพูดคือเรื่องนี้ ถ้าอยากให้ 2 พรรคมาร่วมกันก็ต้องสร้างบรรยากาศ” นายสมบัติกล่าว
นาย
สมบัติกล่าวอีกว่า ตนคิดว่าเป็นสัญญาณที่ดี ยอมรับว่าโลกสวย คิดว่าการที่เพื่อไทยออกมาขอขมา ขอโทษ จะด้วยจริงใจ พรรคบังคับ หรือหวังผล แต่โดยส่วนตัวคิดว่า เป็นเรื่องที่ดี
“
แต่ว่ามันไม่ง่ายหรอก คุณมาประกาศขอขมาหลังจาก 2 สัปดาห์ก่อนสะบัดมือไปจับคู่ใหม่ พอไปไม่ได้แล้วจะกลับมา มันมีความผะอืดผะอม แต่ผมก็เข้าใจ ในทางการเมืองมันต้องแบบนี้ แต่มันไม่จบตรงที่ว่าเพื่อไทยกลับไปหาก้าวไกลให้ช่วยโหวตเลือกนายกฯ ผมว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น ดูท่วงทำนองแล้วก้าวไกลไม่ยกมือหรอก ดังนั้น ต้องมีข้อต่อรอง
“ผมจึงเสนอให้ก้าวไกลเสนอข้อต่อรอง สมมุติบทสนทนาจะต้องเริ่มจากว่า เพื่อไทยไปคุยก้าวไกล ขอให้ช่วยยกมือให้หน่อย ตอนเสนอชื่อตัวแทนรอบหน้า แล้วจะไม่มีลุง เสนอแบบนี้แล้วก้าวไกลไม่ตอบสนอง เขาเงียบกริบ แถมบอกว่าไปถามประชาชนก่อน แปลว่าไม่รับ”
“
ผมว่าเพื่อไทยไปคุยใหม่ ไปที่สำนักงานของเขา อยู่ที่รามคำแหง นัดหมายแล้วก็ไปหา ไปเสนอว่า ‘ลองว่ามาสิ’ สมมุติอยากจะขอให้ก้าวไกลยกมือให้ ‘ก้าวไกลอยากได้อะไรที่คิดว่าตัวเองจะยกมือให้’ แล้วก้าวไกลก็กลับไปคิด กลับมาเสนอใหม่ มันจะมี 2 ทาง 1.เขาก็จะบอกว่า ยกมือให้แต่ขอเงื่อนไข 1 2 3 4 เป็นเงื่อนไขที่เพื่อไทยกับพรรคร่วมจุกแน่นอน เสนอมาปุ๊บเป็นหน้าที่ของเพื่อไทย ก็ต่อรองใหม่แล้วยื่นกลับมา การเจรจาต่อรองเป็นแบบนี้
หรือไม่ 2.ก้าวไกลบอกว่าไม่ยกมือให้ แต่ขอให้กลับมาที่ข้อเสนอ 9 เดือนหลังจาก ส.ว.หมดอำนาจ สมมุติว่าก้าวไกลบอกว่าคุณรอไป 9 เดือนไม่ต้องจับมือ ฉันยกมือให้เธอเป็นนายกฯ การมาขอก็ต้องต่อรองได้ แล้วก็เริ่มมีโซลูชั่นใหม่ขึ้นมา ตอนนี้ที่คุยกันในออนไลน์ เป็นอารมณ์ล้วนๆ ไม่พอใจ ฉุน ยกคำพูดคนนี้ๆ ใช้อารมณ์กันเต็มพิกัด แล้วมันจะเดินกันอย่างไร ที่ผมรู้สึกก็ประมาณนี้” นาย
สมบัติชี้
JJNY : น้ำยางสดใกล้แตะ 3 โลร้อย│บก.ลายจุดพูดจากใจเสื้อแดง│บก.ลายจุดดัน‘พท.-ก.ก.ต่อรองใหม่’│รองปธน.ไต้หวันเดินทางไปสหรัฐ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4125919
ชาวสวนยาง เรียกร้องรบ.ใหม่ เร่งแก้ปัญหาราคาตกต่ำ เผย น้ำยางสดใกล้แตะ 3 โลร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวสวนยางพารา ตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เร่งกรีดยางพารา หลังจากฝนทิ้งช่วงหยุดตก น้ำยางพาราสด ส่งขายให้กับจุดรับซื้อในชุมชน ราคากิโลกรัมละ 36 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในระยะเวลา 2 เดือน ที่ผ่านมา จากช่วงเดือนมิถุนายน ราคากิโลกรัมละ กว่า 42 บาท ขณะที่ผลผลิตมีน้อย เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องในช่วงฤดูฝน สร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก ขณะที่ราคาต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สหุงต้ม ราคาปุ๋ย เคมีภัณฑ์ ต่างๆ ปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น
นายธรรมนูญ กุมารน้อย เกษตรกรชาวสวนยางพารา ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำยางพาราสดลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ราคาปุ๋ย เคมีภัณฑ์ต่างๆ ปรับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ชาวสวนยางพารา ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งทุกสมัยมีนักการเมืองรับปากกับชาวสวนยาง ว่าหากได้รับการเลือกตั้งจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ได้ จึงได้แต่ทำใจ หากมีการตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ เรียกร้องให้ มีนโยบายแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำอย่างชัดเจน สำหรับราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ต้องไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 60 บาท
นายพันธ์ศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรกร จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า รัฐบาลชุดใหม่ต้องมีนโยบาย บริหารจัดการ ราคาพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อย่างเป็นระบบ และชัดเจน ต้องมีโครงสร้างราคา สามารถดูแลควบคุมได้ เช่น ราคาตลาด ในตลาดโลก มีการปรับสูงขึ้น ราคาภายใประเทศก็ต้องปรับสูงขึ้นตาม ราคาปรับลดก็ต้องลดตาม
“ไม่ปล่อยให้พ่อค้า เป็นผู้กำหนดราคาฝ่ายเดียว ทำให้เกษตกรได้รับความเดือดร้อน อย่างต้นทุนในการผลิตราคา เคมีภัณฑ์ต่าง เช่น ราคาปุ๋ย ที่ปรับสูงขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รัฐต้องมีการมาตรการควบคุมอย่างรวดเร็ว และดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เอาเปรียบเกษตรกร” นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว
บก.ลายจุด พูดจากใจเสื้อแดง ‘ผิดหวัง พท.มาก’ เลือกข้างแต่ไม่เข้าข้าง ‘ผสมสูตร’ กันยิ่งกว่าสูตรคูณ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4125955
บก.ลายจุด พูดจากใจเสื้อแดง ‘ผิดหวัง พท.มาก’ เลือกข้างแต่ไม่เข้าข้าง ‘ผสมสูตร’ กันยิ่งกว่าสูตรคูณ
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้จัดกิจกรรม #พร้อม เผยแพร่ภาพสดผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง หัวข้อเรื่องเยอะ Live เลยดีกว่า พร้อมวิเคราะห์การจัดตั้งรัฐบาล ไปจนถึงกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล
นายสมบัติต้องบอกก่อนว่า ตนเป็นทั้งโหวตเตอร์ของทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล ต่อสู้ตั้งแต่ปี 2549 ยาวนานเกือบ 20 ปี ระหว่างทางที่ต่อสู้กับเผด็จการ ยืนอยู่ฝั่งเพื่อไทยมาโดยตลอด ดังนั้น จึงมีความผูกพัน กับพรรคเพื่อไทยในการร่วมต่อสู้
“แล้วก็มาผิดหวังอย่างมาก จากการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ผมก็เลือกก้าวไกลนะ แต่ผมสงสัยตัวเองว่าผมไม่เหมือนกับโหวตเตอร์ก้าวไกลที่เป็นกันอยู่ ที่เขาขอไม่ให้เรียกด้อมส้ม แต่ผมยังหาคำอื่นไม่ได้ ผมพบว่า ผมไม่เหมือนด้อมส้มแบบนี้ และผมก็รู้สึกว่า มีคนไม่น้อยไม่รู้จักผม ผมยืนยันแบ๊กกราวนด์ผมเป็นเสื้อแดง ไม่ต้องเรียกผมว่าเป็นด้อมส้ม หรือนายแบก นางแบก รับประกันว่าไม่ใช่ รับประกันความไม่เหมือน”
“เรื่องการอยู่สุดขั้ว ผมมีคำพูดนึง ผมเลือกข้าง แต่ผมไม่เข้าข้าง ดั้งนั้นผมรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน ข้อสงสัย ความผิดพลาด ผมวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งคำถาม แสดงความไม่เห็นด้วย ดังนั้นไม่ได้แปลว่า ผมไปวิจารณ์แล้วเป็นอีกฝ่าย ไม่ใช่ แต่ที่แน่นอน ท่าทีของผมชัดเจนในช่วงหลัง ผมอยากให้พรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล
แล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่จัดตั้งรัฐบาล เป้าหมายต้องการให้ไปต่อสู้กับเผด็จกการอำนาจนิยมที่สืบทอดอำนาจกันมา นี่คือภารกิจที่ประชาชนไปโหวต เรื่องนโยบายของแต่ละพรรคก็ว่ากันไป แต่นี่คือเรื่องหลัก ผมพยายามประคับประคอง เลือกทั้งคู่ เหตุผลเพราะร่วมต่อสู้กับเพื่อไทยมาตลอด เป็นเสื้อแดง มีประสบการณ์ร่วมกัน ยังคงอยากสนับสนุนให้เขายังทำหน้าที่ได้อยู่
อย่างที่สอง เรื่องการบริหาร ฝีไม้ลายมือเกี่ยวกับการบริหารของเขา ผมมั่นใจว่าเขาได้ เขาถึง แต่ผมก็เห็นว่าก้าวไกลมีความมุ่งมั่น กล้าชนเรื่องที่เป็นโครงสร้าง และกล้านำเสนอเรื่องที่คิดว่ามันต้องเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าท่วงทำนองแบบนี้ของก้าวไกลต้องได้รับการสนับสนุน แล้วมันก็ออกมาแบบนี้ ม้าเข้าวินทั้งคู่ มันโอเค พอเขาจับมือกันทำ MOU ผมก็ดีใจเลยนะ ปลื้ม คิดว่าเราจะได้รัฐบาลจากประชาชน เดินหน้าประเทศไทย ขจัดอุปสรรคในช่วงหลายปีออกไป แล้วพอมี ส.ว.ออกมาโหวตสวน ผมก็ใส่ ส.ว. ออกมาเคลื่อนไหว ใส่ ส.ว.”
นายสมบัติ กล่าวต่อ ว่า ตนคิดว่า จริงๆ มันมีแนวทางที่จะต้องสู้กันในสภา โดยแนวทางประชาธิปไตย และใช้รัฐธรรมนูญในการต่อสู้ เพราะก็เห็นว่าคนอื่น ฝ่ายการเมือง ก็มัวแต่ไปผสมสูตรกันตอนนี้
“มีสูตรมากว่าสูตรคูณอีก ส่วนตัวผมรำคาญ ผมวิจารณ์ทุกพรรค ทำไมไม่สู้ไปตรงๆ เลย ส.ว.ไม่มีสิทธิ แล้วก็ขยับมวลชนขึ้นมา จะเรียกว่าปลุกม็อบอะไรก็แล้วแต่ มันโคตรชอบธรรม ถ้าในต่างประเทศ สภานการณ์แบบนี้ บนนถนนมีเป็นล้านแล้ว ผมคิดว่าเรามีความชอบธรรมที่จะใช้แนวทางนี้ คือหลักการฝั่งโน้นอธิบายอะไรไม่ได้เลย ยืนกระต่ายขาเดียวเลยว่า 272 ผมว่า 272 ก็ทะลุได้โดยมวลชน และใช้หลักประชาธิปไตย” นายสมบัติกล่าว
บก.ลายจุด วอนหยุดแปะป้าย-ถ่มกัน ระวังหลุมพราง ต้องสร้างบรรยากาศ ดัน ‘พท.-ก.ก.ต่อรองใหม่’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4126343
‘บก.ลายจุด’ แนะข้อต่อรอง พท.-ก.ก. วอน ปชช.สร้างบรรยากาศที่ดี อย่าสาดอารมณ์ ระวังตกหลุมพราง หยุดแปะป้าย-ถ่มใส่กัน จะพังทั้งคู่
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้จัดกิจกรรม #พร้อม เผยแพร่ภาพสดผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง หัวข้อเรื่องเยอะ Live เลยดีกว่า พร้อมวิเคราะห์การจัดตั้งรัฐบาล ไปจนถึงกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล
ในตอนหนึ่ง นายสมบัติกล่าวถึงประชาชนผู้สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ ความว่า ระหว่างทางมีกระทบกระทั่ง เพื่อไทยยังไม่ชัดว่าจะแยกทางออกไป ตนพยายามรักษาบรรยากาศ แต่พอเพื่อไทยสลัดหลุดปุ๊บ ตนก็แสดงท่าทีเต็มที่
“ผมออกตัวตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ได้ม็อบเพื่อไปไล่เพื่อไทยหรือก้าวไกล ดังนั้น เมื่อเรื่องมันเปลี่ยน ผมก็ต้องยุติเรื่องม็อบ พวกที่สนับสนุนก้าวไกลจึงไม่พอใจผม ใครอยากจัดก็จัดกันไป ผมไม่ติดขัด ผมไม่ใช่นายแบก เพื่อไทยผมก็ไม่แบก แล้วผมก็ไม่ได้แบกก้าวไกล ถ้าพลาดมาผมก็วิจารณ์ เราเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยทำไมต้องก้มหัวให้พรรคไหน แต่ก็ต้องวิจารณ์อย่างมีวุฒิภาวะ ให้เกียรติตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา ชี้ประเด็น ไม่ถ่มใส่กัน”
“เวลาผมมักท้อเรื่องนี้ การเมือง ถ้าเสียเวลามาตะโกนด่าใส่กันอย่างเดียว โดยไม่ฟังเนื้อหา หรือใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจเรื่องการเมือง มันเสียเวลา เพราะไม่ได้เรียนรู้ เราต้องเติบโต การเมืองให้เป็นเงื่อนไข เป็นสื่ออันนึงที่ทำให้เราเรียนรู้ เวลาวิจารณ์ต้องตรงประเด็น” นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติกล่าวต่อว่า ตนแค่พูดว่าถ้าคิดจะสู้ให้ได้ ต้องเอาเพื่อไทยมารวม ทัวร์ลงเลย ทั้งที่เป็นความจริง (Fact) คำถามคือในบรรยากาศแบบนี้จะทำให้ 2 พรรคมาจับมือกันได้อย่างไร
“ถ้าธงเป็นอย่างนี้ ถ้าจะสู้แนวนี้ ท่วงทำนองที่จะใช้กัน สมมุติรอ 9 เดือน จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงประชาชน ต้องเอา 2 พรรคนี้มารวมกันให้ได้ แล้วคุณด่ากันขนาดนี้ ผมว่าเราสามารถวิจารณ์กันอย่างมีวุฒิภาวะ แล้วผมอยากส่งเสริมเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะกับคนที่เราคิดว่าวันนึงจะต้องจับมือกัน หรือมีคุณค่าพอที่จะจับมือกัน” นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติกล่าวอีกว่า สมมุติเราไม่อยากให้เพื่อไทยไปจับมือกับลุง มันแปลว่าคุณคิดว่าเพื่อไทยต้องจับมือกับก้าวไกลใช่หรือไม่ ถ้าคุณเป็นโหวตเตอร์ก้าวไกลต้องคิดว่าทำอย่างไร 2 พรรคนี้จะจับมือกัน สร้างบรรยากาศ ตนพูดแค่นี้ทัวร์ลงทันที
“ผมรู้ว่ามันยาก อยากจะจัดให้ใหญ่ๆ เลยเพื่อไทย แต่ก็คิดอยู่ว่าทำอย่างไรดีให้ยังจับมือกันได้ ถ้าเพื่อไทยไปไม่ได้ ทำอย่างไรให้ถอยกลับมาได้ ผมคิดถึงขนาดนี้ แต่ศักยภาพไม่ถึงขนาดนั้น แต่ถ้าถึงผมก็จะไปให้ ให้ผมไปคุยกับเพื่อไทยไหม ให้ไปเยี่ยมเพื่อไทย ก้าวไกล แต่ก็ไม่ได้อีก ถ้าไปก็จะหาว่าผมเป็นพวก”
“ถึงที่สุด อยากให้ 2 พรรคนี้จับมือกันใช่ไหม ก้าวไกลกับเพื่อไทย ถ้าอยากให้จับมือกัน คุณด่ากันไปอย่างนี้ไม่มีทางได้จับมือ ผมเพียงแต่ตั้งคำถาม สภาพการณ์แบบนี้ถ้าคุณฟัดกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เลย 9 เดือนไป เพื่อไทยก็จับมือกับพรรคอื่นโดยที่ไม่ต้องใช้ ส.ว. เขาไม่กลับมาก้าวไกล สุดท้ายก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ที่ผมจะพูดคือเรื่องนี้ ถ้าอยากให้ 2 พรรคมาร่วมกันก็ต้องสร้างบรรยากาศ” นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติกล่าวอีกว่า ตนคิดว่าเป็นสัญญาณที่ดี ยอมรับว่าโลกสวย คิดว่าการที่เพื่อไทยออกมาขอขมา ขอโทษ จะด้วยจริงใจ พรรคบังคับ หรือหวังผล แต่โดยส่วนตัวคิดว่า เป็นเรื่องที่ดี
“แต่ว่ามันไม่ง่ายหรอก คุณมาประกาศขอขมาหลังจาก 2 สัปดาห์ก่อนสะบัดมือไปจับคู่ใหม่ พอไปไม่ได้แล้วจะกลับมา มันมีความผะอืดผะอม แต่ผมก็เข้าใจ ในทางการเมืองมันต้องแบบนี้ แต่มันไม่จบตรงที่ว่าเพื่อไทยกลับไปหาก้าวไกลให้ช่วยโหวตเลือกนายกฯ ผมว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น ดูท่วงทำนองแล้วก้าวไกลไม่ยกมือหรอก ดังนั้น ต้องมีข้อต่อรอง
“ผมจึงเสนอให้ก้าวไกลเสนอข้อต่อรอง สมมุติบทสนทนาจะต้องเริ่มจากว่า เพื่อไทยไปคุยก้าวไกล ขอให้ช่วยยกมือให้หน่อย ตอนเสนอชื่อตัวแทนรอบหน้า แล้วจะไม่มีลุง เสนอแบบนี้แล้วก้าวไกลไม่ตอบสนอง เขาเงียบกริบ แถมบอกว่าไปถามประชาชนก่อน แปลว่าไม่รับ”
“ผมว่าเพื่อไทยไปคุยใหม่ ไปที่สำนักงานของเขา อยู่ที่รามคำแหง นัดหมายแล้วก็ไปหา ไปเสนอว่า ‘ลองว่ามาสิ’ สมมุติอยากจะขอให้ก้าวไกลยกมือให้ ‘ก้าวไกลอยากได้อะไรที่คิดว่าตัวเองจะยกมือให้’ แล้วก้าวไกลก็กลับไปคิด กลับมาเสนอใหม่ มันจะมี 2 ทาง 1.เขาก็จะบอกว่า ยกมือให้แต่ขอเงื่อนไข 1 2 3 4 เป็นเงื่อนไขที่เพื่อไทยกับพรรคร่วมจุกแน่นอน เสนอมาปุ๊บเป็นหน้าที่ของเพื่อไทย ก็ต่อรองใหม่แล้วยื่นกลับมา การเจรจาต่อรองเป็นแบบนี้
หรือไม่ 2.ก้าวไกลบอกว่าไม่ยกมือให้ แต่ขอให้กลับมาที่ข้อเสนอ 9 เดือนหลังจาก ส.ว.หมดอำนาจ สมมุติว่าก้าวไกลบอกว่าคุณรอไป 9 เดือนไม่ต้องจับมือ ฉันยกมือให้เธอเป็นนายกฯ การมาขอก็ต้องต่อรองได้ แล้วก็เริ่มมีโซลูชั่นใหม่ขึ้นมา ตอนนี้ที่คุยกันในออนไลน์ เป็นอารมณ์ล้วนๆ ไม่พอใจ ฉุน ยกคำพูดคนนี้ๆ ใช้อารมณ์กันเต็มพิกัด แล้วมันจะเดินกันอย่างไร ที่ผมรู้สึกก็ประมาณนี้” นายสมบัติชี้