‘เศรษฐา’ หย่าศึก ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ชิงเก้าอี้ประธานสภา แนะควรเร่งตั้งรัฐบาล ปชต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4043652
‘เศรษฐา’ หย่าศึก ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ชิงเก้าอี้ประธานสภา แนะสองพรรคคุยกันให้รู้เรื่อง ควรเร่งจัดตั้งรัฐบาล ปชต.
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ข้อขัดแย้งตำแหน่ง ประธานสภา ระหว่าง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ พรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าไม่มีคอมเมนต์ ไม่รู้จะพูดอะไร ก็ตามที่เคยพูดไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือพรรค พท.และพรรค ก.ก.ต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้า ซึ่งการแข่งขันจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา และเชื่อว่าคณะทำงานของว่าที่รัฐบาลจะพูดคุยกันรู้เรื่อง เพราะเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น
เมื่อถามถึงกรณีที่ นาย
อดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ได้พูดถึงตำแหน่งประธานสภาที่นาย
เศรษฐาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ภายหลังนาย
อดิศรได้ออกมาขอโทษแล้วนั้น นาย
เศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ทุกอย่างคุยกันได้อยู่แล้ว โตๆ กันแล้ว เป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มีให้กัน อยู่กันแบบลิ้นกับฟัน ก็เป็นธรรมดา
“
มั่นใจว่าเป็นทางออกได้ และทุกพรรคก็แฮปปี้ ไม่มีใครเสีย จับมือกันตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ย้ำว่าไม่มีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล มั่นใจว่าสองพรรคใหญ่คุยกันรู้เรื่อง” นาย
เศรษฐากล่าว
บก.ลายจุดวิเคราะห์ ประยุทธ์ถอยแล้ว แต่ประวิตรยังดูไม่ออก ชี้ 3 ป.สลายตัวโดยสมบูรณ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4043633
บก.ลายจุดวิเคราะห์ ประยุทธ์ถอยแล้ว แต่ประวิตรยังดูไม่ออก ชี้ 3 ป.สลายตัวโดยสมบูรณ์
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก สมบัติ บุญงามอนงค์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน หลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า
“
ประยุทธ์ถอยแล้วแน่นอน
ประวิตรยังมองไม่ออกว่าสู้ต่อหรือเป็นกองกำลังระวังหลัง ถ้าสู้ต่อ สส ของพรรครวมไทยสร้างชาติจะย้ายมารวมกับพลังประชารัฐ แต่ถ้าประวิตรไม่สู้ สส ทั้งพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติจะย้ายไปอยู่พรรคอื่น อาจเป็นไปได้ทั้งภูมิใจไทยและเพื่อไทย ซึ่งผมมองว่านี่จะเป็นการสลายตัวของ 3 ป.อย่างสมบูรณ์แบบ
โอกาสที่จะเกิดม็อบใหญ่ต้านรัฐบาลประชาธิปไตย ต้องดูว่าใครจะเป็นผู้เล่นหลัก ในยามนี้ทั้งสุเทพและสนธิลิ้มฯ ก็ไม่ใช่คนที่มีศักยภาพระดับนั้น เพราะไม่มีมวลชนพื้นฐานในกรุงเทพและจังหวัดรอบนอก จะยกทัพมาจาก ตจว ก็จะเกิดกระแสต้านจากประชาชนในเมืองหลวงซึ่งเป็นก้าวไกลและเพื่อไทย มวลชนฝั่งอนุรักษ์นิยมในเชิงปริมาณไม่มี และถูกล้อมด้วยมวลชนฝั่งประชาธิปไตย ดังนั้นจุดติดยากมาก อีกทั้งยังเป็นผู้สูงอายุซึ่งเป็นข้อจำกัดอย่างยิ่ง
ถ้าไม่มีมวลชนอนุรักษ์นิยมออกบัตรเชิญทหารจะทำรัฐประหารด้วยเงื่อนไขอะไร และหากลงมือรัฐประหารจะถูกกระแสต่อต้านหนักขนาดไหน บทเรียนผลการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือการคิดบัญชีต้นทบดอกของความผิดพลาดในการทำรัฐประหารที่ผ่านๆ มา จนสูญเสียมวลชนและความชอบธรรม
หนทางเดียวคือ ปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยดำเนินการไป หลังแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 แล้ว ขั้วและสีทางการเมืองจะยุติลง การเมืองเข้าสู่ยุคพรรคกลางซ้ายและกลางขวาต่อสู้แย่งชิงกัน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ”
‘สมชัย’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ต้องคืนบ้านหลวง ตามระเบียบสวัสดิการกองทัพ แต่คืนได้โดยจิตสำนึก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4043613
‘สมชัย’ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ต้องคืนบ้านหลวง ตามเป็นระเบียบกองทัพ แต่คืนได้โดยจิตสำนึก ไม่ต้องภาระภาษีปชช.
จากกรณีประเด็นเกี่ยวกับการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะย้ายออกจากบ้านพักภายใน ร.1 ทม.รอ.หรือไม่ ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ ก็บอกว่า เป็นเรื่องของกติกาเดิมอยู่แล้ว ถ้าจะแก้ไขก็ต้องไปแก้กฎกระทรวง ให้ไปแก้ระเบียบของกองทัพบก
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
คุณประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องคืนบ้านหลวงหลังพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครับ เพราะบ้านหลวงดังกล่าว เป็นของกองทัพบก และสิทธิในการอยู่เป็นสิทธิในฐานะอดีต ผบ.ทบ. ตามระเบียบสวัสดิการของกองทัพ ที่ตอบแทนอดีตผู้บังคับบัญชา
ส่วนการต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟหรือไม่ก็เป็นไปตามระเบียบดังกล่าว
การให้ คุณประยุทธ์ คืนบ้านหลวง จึงทำได้หลายวิธี
1. คืนเองโดยจิตสำนึก เห็นว่าตนเองได้รับประโยชน์มามากแล้ว เห็นสมควรไม่เป็นภาระต่อภาษีประชาชนต่อไป
2. แก้ระเบียบสวัสดิการของกระทรวงกลาโหม โดยพรรคการเมืองที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงกลาโหมโดยตรง
3. ใช้กลไกกรรมาธิการของสภา ในการขอข้อมูลเรื่องดังกล่าว และทำข้อเสนอถึงคณะรัฐมนตรีเพื่อเปลี่ยนแปลงระเบียบให้เหมาะสม
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0aopeq244QwTzZ5rhG9TBMRcqcgokt5qBPEPAmqj2DASCxjr7xcAjRJ2Te9ff8Q8el
JJNY : ‘เศรษฐา’หย่าศึก‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’│บก.ลายจุดวิเคราะห์ ประยุทธ์ถอย│‘สมชัย’ชี้‘ตู่’คืนได้โดยจิตสำนึก│‘แอตต้า’จี้รัฐ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4043652
‘เศรษฐา’ หย่าศึก ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ ชิงเก้าอี้ประธานสภา แนะสองพรรคคุยกันให้รู้เรื่อง ควรเร่งจัดตั้งรัฐบาล ปชต.
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ข้อขัดแย้งตำแหน่ง ประธานสภา ระหว่าง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ พรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าไม่มีคอมเมนต์ ไม่รู้จะพูดอะไร ก็ตามที่เคยพูดไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือพรรค พท.และพรรค ก.ก.ต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้า ซึ่งการแข่งขันจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา และเชื่อว่าคณะทำงานของว่าที่รัฐบาลจะพูดคุยกันรู้เรื่อง เพราะเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ได้พูดถึงตำแหน่งประธานสภาที่นายเศรษฐาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ภายหลังนายอดิศรได้ออกมาขอโทษแล้วนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ทุกอย่างคุยกันได้อยู่แล้ว โตๆ กันแล้ว เป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มีให้กัน อยู่กันแบบลิ้นกับฟัน ก็เป็นธรรมดา
“มั่นใจว่าเป็นทางออกได้ และทุกพรรคก็แฮปปี้ ไม่มีใครเสีย จับมือกันตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ย้ำว่าไม่มีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล มั่นใจว่าสองพรรคใหญ่คุยกันรู้เรื่อง” นายเศรษฐากล่าว
บก.ลายจุดวิเคราะห์ ประยุทธ์ถอยแล้ว แต่ประวิตรยังดูไม่ออก ชี้ 3 ป.สลายตัวโดยสมบูรณ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4043633
บก.ลายจุดวิเคราะห์ ประยุทธ์ถอยแล้ว แต่ประวิตรยังดูไม่ออก ชี้ 3 ป.สลายตัวโดยสมบูรณ์
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก สมบัติ บุญงามอนงค์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน หลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า
“ประยุทธ์ถอยแล้วแน่นอน
ประวิตรยังมองไม่ออกว่าสู้ต่อหรือเป็นกองกำลังระวังหลัง ถ้าสู้ต่อ สส ของพรรครวมไทยสร้างชาติจะย้ายมารวมกับพลังประชารัฐ แต่ถ้าประวิตรไม่สู้ สส ทั้งพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติจะย้ายไปอยู่พรรคอื่น อาจเป็นไปได้ทั้งภูมิใจไทยและเพื่อไทย ซึ่งผมมองว่านี่จะเป็นการสลายตัวของ 3 ป.อย่างสมบูรณ์แบบ
โอกาสที่จะเกิดม็อบใหญ่ต้านรัฐบาลประชาธิปไตย ต้องดูว่าใครจะเป็นผู้เล่นหลัก ในยามนี้ทั้งสุเทพและสนธิลิ้มฯ ก็ไม่ใช่คนที่มีศักยภาพระดับนั้น เพราะไม่มีมวลชนพื้นฐานในกรุงเทพและจังหวัดรอบนอก จะยกทัพมาจาก ตจว ก็จะเกิดกระแสต้านจากประชาชนในเมืองหลวงซึ่งเป็นก้าวไกลและเพื่อไทย มวลชนฝั่งอนุรักษ์นิยมในเชิงปริมาณไม่มี และถูกล้อมด้วยมวลชนฝั่งประชาธิปไตย ดังนั้นจุดติดยากมาก อีกทั้งยังเป็นผู้สูงอายุซึ่งเป็นข้อจำกัดอย่างยิ่ง
ถ้าไม่มีมวลชนอนุรักษ์นิยมออกบัตรเชิญทหารจะทำรัฐประหารด้วยเงื่อนไขอะไร และหากลงมือรัฐประหารจะถูกกระแสต่อต้านหนักขนาดไหน บทเรียนผลการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือการคิดบัญชีต้นทบดอกของความผิดพลาดในการทำรัฐประหารที่ผ่านๆ มา จนสูญเสียมวลชนและความชอบธรรม
หนทางเดียวคือ ปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยดำเนินการไป หลังแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 แล้ว ขั้วและสีทางการเมืองจะยุติลง การเมืองเข้าสู่ยุคพรรคกลางซ้ายและกลางขวาต่อสู้แย่งชิงกัน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ”
‘สมชัย’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ต้องคืนบ้านหลวง ตามระเบียบสวัสดิการกองทัพ แต่คืนได้โดยจิตสำนึก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4043613
‘สมชัย’ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ต้องคืนบ้านหลวง ตามเป็นระเบียบกองทัพ แต่คืนได้โดยจิตสำนึก ไม่ต้องภาระภาษีปชช.
จากกรณีประเด็นเกี่ยวกับการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะย้ายออกจากบ้านพักภายใน ร.1 ทม.รอ.หรือไม่ ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ ก็บอกว่า เป็นเรื่องของกติกาเดิมอยู่แล้ว ถ้าจะแก้ไขก็ต้องไปแก้กฎกระทรวง ให้ไปแก้ระเบียบของกองทัพบก
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
คุณประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องคืนบ้านหลวงหลังพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครับ เพราะบ้านหลวงดังกล่าว เป็นของกองทัพบก และสิทธิในการอยู่เป็นสิทธิในฐานะอดีต ผบ.ทบ. ตามระเบียบสวัสดิการของกองทัพ ที่ตอบแทนอดีตผู้บังคับบัญชา
ส่วนการต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟหรือไม่ก็เป็นไปตามระเบียบดังกล่าว
การให้ คุณประยุทธ์ คืนบ้านหลวง จึงทำได้หลายวิธี
1. คืนเองโดยจิตสำนึก เห็นว่าตนเองได้รับประโยชน์มามากแล้ว เห็นสมควรไม่เป็นภาระต่อภาษีประชาชนต่อไป
2. แก้ระเบียบสวัสดิการของกระทรวงกลาโหม โดยพรรคการเมืองที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงกลาโหมโดยตรง
3. ใช้กลไกกรรมาธิการของสภา ในการขอข้อมูลเรื่องดังกล่าว และทำข้อเสนอถึงคณะรัฐมนตรีเพื่อเปลี่ยนแปลงระเบียบให้เหมาะสม
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0aopeq244QwTzZ5rhG9TBMRcqcgokt5qBPEPAmqj2DASCxjr7xcAjRJ2Te9ff8Q8el