"วีระ" ฉุน ป.ป.ช.แจกเอกสารไม่ครบ ผลสอบนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” ลั่น ต้องติดคุก
https://www.thairath.co.th/news/politic/2716286
“วีระ สมความคิด” ฉุน ป.ป.ช.คาดดำ แจกเอกสารไม่ครบ ผลสอบนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” ทั้งที่ศาลสั่งให้เปิดข้อมูลแล้ว ชี้ อ้าง ยึดหลักคุ้มครองพยานฟังไม่ขึ้น จ่อแจ้งให้ศาลทราบ ลั่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องติดคุก
วันที่ 10 ส.ค. เมื่อเวลา 13.00 น. นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เดินทางเข้าพบ นาย
นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ เพื่อขอรับเอกสาร จำนวน 3 รายการ ในคดีที่มีการกล่าวหา พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ กรณีการปกปิดนาฬิกาหรูราคาแพง จำนวน 22 เรือน ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่สั่งให้ ป.ป.ช. ต้องให้เอกสารทั้ง 3 รายการดังกล่าวแก่นาย
วีระ อย่างถูกต้องและครบถ้วน ภายในวันที่ 11 สิงหาคม 2566
นาย
วีระ ได้นำเอกสารจาก ป.ป.ช. จำนวน 2 รายการ มาแสดงต่อสื่อมวลชน ประกอบด้วย รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดในคดียืมนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเอกสารที่ ป.ป.ช. นำมาให้วันนี้ไม่ครบตามจำนวน เพราะก่อนหน้านี้ นาย
วีระ ได้ขอเอกสารไป 3 รายการ ตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่ คือ เอกสารรายการที่ 2 ได้แก่ ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ โดย ป.ป.ช.ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ไม่สามารถเปิดเผยรายการนี้ได้เพราะต้องยึดหลักในการคุ้มครองพยานในคดี
นาย
วีระ บอกว่า เอกสารที่ได้รับในวันนี้ทั้ง 2 รายการ ตนเองพบความผิดปกติอยู่หลายอย่าง เช่น ในรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน พบข้อความคาดดำ และมีการปกปิดข้อความอยู่หลายจุด เช่น ส่วนที่ปรากฏชื่อ ที่อยู่ และรายการทรัพย์สินอ้างข้อมูลที่มีความสำคัญ อีกทั้งในรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังมีการปกปิดข้อมูล ซึ่งให้มาเป็นเอกสารเปล่าตั้งแต่หน้า 48-86 โดยเลขา ป.ป.ช. อ้างว่า เป็นมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้เอกสารมาแบบนี้
นาย
วีระ ยังระบุด้วยว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เปิดเผยข้อมูลตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลได้มีคำสั่งต่อเรื่องนี้แล้ว แต่ ป.ป.ช. ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว พอให้เอกสารมาก็ให้ไม่ครบ และไม่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ คือ ตัวเองต้องการมาดูว่า การรวบรวมข้อมูลของ ป.ป.ช. มีหลักฐานและเหตุผลใดที่จะมาหักล้างคำกล่าวหาของตนเอง ซึ่งตัวเองเชื่อว่าข้อมูลส่วนนั้นจะเป็นประโยชน์ เพราะตอนนี้ประชาชนหลายคนไม่เชื่อว่า พลเอก
ประวิตร ไปยืมนาฬิกามาจากเพื่อน
ส่วนกรณีที่รายการที่ 2 ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ นาย
วีระ บอกว่า กรณีนี้ศาลได้ใช้ดุลพินิจในเรื่องนี้แล้ว ว่า การเปิดเผยข้อมูล ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย และกรณีดังกล่าวมีการต่อสู้กันตั้งแต่ชั้นสำนักงานข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสำนักงานข้อมูลข่าวสารบอกว่า สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เพื่อยืนยันความโปร่งใสในการทำงานของ ป.ป.ช. นายวีระ ยังกล่าวย้ำว่า
“
ถ้าคุณทำงานโปร่งใสก็ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ ป.ป.ช. กลัวคนทั้งประเทศจะรู้ความจริง ว่าการทำงานของ ป.ป.ช. ไม่โปร่งใส และจะทำให้ได้เห็นความเห็นของพนักงาน ป.ป.ช. ว่า มีความเห็นอย่างไร และการที่ ป.ป.ช. ทำแบบนี้กับตัวเองเรื่องจะไม่จบ”
นาย
วีระ บอกว่า หลังจากนี้ตัวเองจะนำเอกสารดังกล่าวไปมอบให้แก่ศาลปกครองสูงสุด เพื่อแจ้งให้ศาลทราบว่า ป.ป.ช. ปฏิบัติขัดคำสั่งศาล ในกรณีที่ ป.ป.ช. ส่งมอบข้อมูลไม่ครบถ้วน พร้อมบอกว่า เลขาธิการและคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีมติไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวจะต้องติดคุก
นักข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับมิติทางการเมืองในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายวีระ บอกว่าขออย่าเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวกับการเมือง เนื่องจากกรอบระยะเวลาต่างๆ ศาลจะเป็นคนกำหนด และเป็นไปตามกระบวนการทำงานของศาล
สภาน.ศ.มธ. ตั้งเวทีตีแผ่-ฉายการต่อสู้ปี’63 เตือนใจสังคม ในวันที่ ‘ปชช.ต้องไป(ลุ้น)ต่อ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4123123
สภานักศึกษา มธ. ตั้งเวทีตีแผ่สังคม-ฉายภาพการต่อสู้ปี’63 เตือนใจในวันที่ ‘ประชาชนต้องไป (ลุ้น) ต่อ’
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ บริเวณตลาดเชียงราก (ประตูเชียงราก 1) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมชุมนุม “
10 สิงหา ประชาชนต้องไป (ลุ้น) ต่อ”
บรรยากาศเวลา 16.30 น. มีการตั้งเวทีขนาดใหญ่พร้อมติดป้ายข้อความชื่องาน “10 สิงหา ประชาชนต้องไป (ลุ้น) ต่อ” กลางเวที โดยทีมงานได้จัดเตรียมที่นั่งให้ผู้ที่มาร่วมงาน เป็นเก้าอี้ปิกนิกสายแคมป์ปิ้ง พร้อมประดับธงหลากสี เพิ่มสีสันรอบงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในงานใกล้กับเวที มีการจัดนิทรรศการขนาดย่อม โดยนำหลักฐานจากการชุมนุมในช่วง 3-4 ปี ที่มีการชุมนุมทั้งเยาวชนปลดแอก ราษฎร REDEM เป็นต้น อาทิ ภาพการชุมนุมตั้งแต่ ปี 2562-2563 ภาพความรุนแรงจากการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกรวบรวมสะสมเป็นโฟโต้บุ๊ก เสื้อยืดที่ใช้ในการชุมนุม ตลอดจนหนังสือพิมพ์และนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีแสตนดี้รูปของ น.ส.
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร ที่ถูกทำขึ้นช่วงที่มีการทำกิจกรรม “
ยืน หยุด ขัง” เรียกร้องสิทธิการประกันตัวชั่วคราวให้กับนักโทษทางการเมืองที่ยังไม่มีการตัดสิน ไปจนถึงภาพใบปลิวที่ใช้รณรงค์ในการชุมนุม เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ถูกบังคับสูญหาย ที่ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2563
บรรยากาศเวลา 17.05 น. ที่เวทีกิจกรรม บริเวณตลาดเชียงราก พิธีกร ตัวแทนสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดกิจกรรมบนเวที โดยระบุถึงจุดประสงค์ของการจัดงานเพื่อตีแผ่ประเด็นสังคม กฎหมายมาตรา 112 และประชาธิปไตยกับการชุมนุม
“
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ได้เข้ายื่นร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงลงประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการชุมนุมธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายกลุ่ม มหาวิทยาลัย พร้อมยื่น 10 ข้อเสนอเพื่อปฏิรูปสถาบันฯ เพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ” พิธีกรกล่าวถึงความสำคัญ ของวันที่ 1 สิงหาคม
จากนั้น กล่าวแนะนำกิจกรรมภายในงาน ซึ่งมีการจัดนิทรรศการเพื่อรำลึกถึงการชุมนุมและเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งมีซุ้ม องค์กรส่งเสริมประชาธิไตย เช่น ไอลอว์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) และ DRG รวมถึงซุ้มแจกหนังสือจากสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน แจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
โดยกิจกรรมแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงพูดคุยบอกเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นการชุมนุม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 และการเคลื่อนไหวทางการมองในช่วงปีต่อมา โดยมีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ได้แก่ นาย
ณัฐชนน ไพโรจน์ ในฐานะแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นาย
เกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ หรือบิ๊ก นักศึกษาและสมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และ น.ส.
อันนา อันนานนท์ หรืออันนา กลุ่มนักเรียนเลว ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง
ตามด้วยการเสวนาวิชาการในหัวข้อ ‘
พัฒนาการประชาธิปไตยกับการเมืองไทย’ โดยมี รศ.ดร.
มุนินทร์ พงศาปาน อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นาย
อุเชนทร์ เชียงเสน อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมตีแผ่ความสัมพันธ์ของสถาบันฯ กับสังคมไทย และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
จากนั้น ต่อด้วยการฉายวีดิทัศน์รำลึกเหตุการณ์การชุมนุมต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย ไปจนถึงการแสดงดนตรี โดย TU Band และวงสามัญชน โดยกิจกรรมจะดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณ 21.00 น.
อนุสรณ์ ตอก ประยุทธ์ หยุดฉวยโอกาส แต่งตั้งผู้นำเหล่าทัพ ชี้เป็นหน้าที่ รัฐบาลใหม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7807936
“อนุสรณ์” ตอก “ประยุทธ์” ฉวยโอกาส ภาวะสุญญากาศ แต่งตั้งผู้นำเหล่าทัพ ชี้เป็นหน้าที่ รัฐบาลใหม่ หยุดหาประโยชน์ให้ตัวเอง-พวกพ้อง แซะ “ปากบอกวางมือ แต่ใจคิดวางคน”
10 ส.ค. 66 – นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์การตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า ในขณะที่ พรรคพท.กำลังเดินหน้ารวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อย่าอาศัยสถานการณ์ในช่วงภาวะสุญญากาศ หาประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง
พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ ที่ประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว อย่าให้ใครตำหนิได้ว่า “
ปากบอกวางมือ แต่ใจคิดวางคน” โดยมารยาท ความชอบธรรมและข้อกฎหมาย ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเตรียมการแต่งตั้งปลัดกระทรวง รวมถึงผู้นำเหล่าทัพ
ควรปล่อยให้รัฐบาลใหม่ ได้เข้ามาบริหารจัดการเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อให้สอดรับกับการผลักดันนโยบายของรัฐบาลใหม่ เพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤต
พล.อ.
ประยุทธ์ พูดอะไรไว้แล้ว ช่วยทำให้จริงสักเรื่อง ในอดีตบอกว่า จะไม่ทำปฏิวัติรัฐประหารก็ทำ บอกว่าวางมือก็ต้องวางมือจริงๆ
“
ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ และคณะสืบทอดอำนาจไม่ควรฉวยโอกาสซ้ำเติมวิกฤตประเทศ” นาย
อนุสรณ์ กล่าว
JJNY : 5in1 "วีระ"ฉุนป.ป.ช.│สภาน.ศ.มธ.ตั้งเวที│อนุสรณ์ตอกประยุทธ์│นายก ส.ภัตตาคารปูดหมดโปรมาตรการรัฐ│WHOสั่งจับตาโควิด
https://www.thairath.co.th/news/politic/2716286
“วีระ สมความคิด” ฉุน ป.ป.ช.คาดดำ แจกเอกสารไม่ครบ ผลสอบนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” ทั้งที่ศาลสั่งให้เปิดข้อมูลแล้ว ชี้ อ้าง ยึดหลักคุ้มครองพยานฟังไม่ขึ้น จ่อแจ้งให้ศาลทราบ ลั่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องติดคุก
วันที่ 10 ส.ค. เมื่อเวลา 13.00 น. นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เดินทางเข้าพบ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ เพื่อขอรับเอกสาร จำนวน 3 รายการ ในคดีที่มีการกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กรณีการปกปิดนาฬิกาหรูราคาแพง จำนวน 22 เรือน ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่สั่งให้ ป.ป.ช. ต้องให้เอกสารทั้ง 3 รายการดังกล่าวแก่นายวีระ อย่างถูกต้องและครบถ้วน ภายในวันที่ 11 สิงหาคม 2566
นายวีระ ได้นำเอกสารจาก ป.ป.ช. จำนวน 2 รายการ มาแสดงต่อสื่อมวลชน ประกอบด้วย รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดในคดียืมนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเอกสารที่ ป.ป.ช. นำมาให้วันนี้ไม่ครบตามจำนวน เพราะก่อนหน้านี้ นายวีระ ได้ขอเอกสารไป 3 รายการ ตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่ คือ เอกสารรายการที่ 2 ได้แก่ ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ โดย ป.ป.ช.ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ไม่สามารถเปิดเผยรายการนี้ได้เพราะต้องยึดหลักในการคุ้มครองพยานในคดี
นายวีระ บอกว่า เอกสารที่ได้รับในวันนี้ทั้ง 2 รายการ ตนเองพบความผิดปกติอยู่หลายอย่าง เช่น ในรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน พบข้อความคาดดำ และมีการปกปิดข้อความอยู่หลายจุด เช่น ส่วนที่ปรากฏชื่อ ที่อยู่ และรายการทรัพย์สินอ้างข้อมูลที่มีความสำคัญ อีกทั้งในรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังมีการปกปิดข้อมูล ซึ่งให้มาเป็นเอกสารเปล่าตั้งแต่หน้า 48-86 โดยเลขา ป.ป.ช. อ้างว่า เป็นมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้เอกสารมาแบบนี้
นายวีระ ยังระบุด้วยว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เปิดเผยข้อมูลตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลได้มีคำสั่งต่อเรื่องนี้แล้ว แต่ ป.ป.ช. ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว พอให้เอกสารมาก็ให้ไม่ครบ และไม่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ คือ ตัวเองต้องการมาดูว่า การรวบรวมข้อมูลของ ป.ป.ช. มีหลักฐานและเหตุผลใดที่จะมาหักล้างคำกล่าวหาของตนเอง ซึ่งตัวเองเชื่อว่าข้อมูลส่วนนั้นจะเป็นประโยชน์ เพราะตอนนี้ประชาชนหลายคนไม่เชื่อว่า พลเอกประวิตร ไปยืมนาฬิกามาจากเพื่อน
ส่วนกรณีที่รายการที่ 2 ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ นายวีระ บอกว่า กรณีนี้ศาลได้ใช้ดุลพินิจในเรื่องนี้แล้ว ว่า การเปิดเผยข้อมูล ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย และกรณีดังกล่าวมีการต่อสู้กันตั้งแต่ชั้นสำนักงานข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสำนักงานข้อมูลข่าวสารบอกว่า สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เพื่อยืนยันความโปร่งใสในการทำงานของ ป.ป.ช. นายวีระ ยังกล่าวย้ำว่า
“ถ้าคุณทำงานโปร่งใสก็ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ ป.ป.ช. กลัวคนทั้งประเทศจะรู้ความจริง ว่าการทำงานของ ป.ป.ช. ไม่โปร่งใส และจะทำให้ได้เห็นความเห็นของพนักงาน ป.ป.ช. ว่า มีความเห็นอย่างไร และการที่ ป.ป.ช. ทำแบบนี้กับตัวเองเรื่องจะไม่จบ”
นายวีระ บอกว่า หลังจากนี้ตัวเองจะนำเอกสารดังกล่าวไปมอบให้แก่ศาลปกครองสูงสุด เพื่อแจ้งให้ศาลทราบว่า ป.ป.ช. ปฏิบัติขัดคำสั่งศาล ในกรณีที่ ป.ป.ช. ส่งมอบข้อมูลไม่ครบถ้วน พร้อมบอกว่า เลขาธิการและคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีมติไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวจะต้องติดคุก
นักข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับมิติทางการเมืองในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายวีระ บอกว่าขออย่าเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวกับการเมือง เนื่องจากกรอบระยะเวลาต่างๆ ศาลจะเป็นคนกำหนด และเป็นไปตามกระบวนการทำงานของศาล
สภาน.ศ.มธ. ตั้งเวทีตีแผ่-ฉายการต่อสู้ปี’63 เตือนใจสังคม ในวันที่ ‘ปชช.ต้องไป(ลุ้น)ต่อ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4123123
สภานักศึกษา มธ. ตั้งเวทีตีแผ่สังคม-ฉายภาพการต่อสู้ปี’63 เตือนใจในวันที่ ‘ประชาชนต้องไป (ลุ้น) ต่อ’
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ บริเวณตลาดเชียงราก (ประตูเชียงราก 1) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมชุมนุม “10 สิงหา ประชาชนต้องไป (ลุ้น) ต่อ”
บรรยากาศเวลา 16.30 น. มีการตั้งเวทีขนาดใหญ่พร้อมติดป้ายข้อความชื่องาน “10 สิงหา ประชาชนต้องไป (ลุ้น) ต่อ” กลางเวที โดยทีมงานได้จัดเตรียมที่นั่งให้ผู้ที่มาร่วมงาน เป็นเก้าอี้ปิกนิกสายแคมป์ปิ้ง พร้อมประดับธงหลากสี เพิ่มสีสันรอบงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในงานใกล้กับเวที มีการจัดนิทรรศการขนาดย่อม โดยนำหลักฐานจากการชุมนุมในช่วง 3-4 ปี ที่มีการชุมนุมทั้งเยาวชนปลดแอก ราษฎร REDEM เป็นต้น อาทิ ภาพการชุมนุมตั้งแต่ ปี 2562-2563 ภาพความรุนแรงจากการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกรวบรวมสะสมเป็นโฟโต้บุ๊ก เสื้อยืดที่ใช้ในการชุมนุม ตลอดจนหนังสือพิมพ์และนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีแสตนดี้รูปของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร ที่ถูกทำขึ้นช่วงที่มีการทำกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” เรียกร้องสิทธิการประกันตัวชั่วคราวให้กับนักโทษทางการเมืองที่ยังไม่มีการตัดสิน ไปจนถึงภาพใบปลิวที่ใช้รณรงค์ในการชุมนุม เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ถูกบังคับสูญหาย ที่ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2563
บรรยากาศเวลา 17.05 น. ที่เวทีกิจกรรม บริเวณตลาดเชียงราก พิธีกร ตัวแทนสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดกิจกรรมบนเวที โดยระบุถึงจุดประสงค์ของการจัดงานเพื่อตีแผ่ประเด็นสังคม กฎหมายมาตรา 112 และประชาธิปไตยกับการชุมนุม
“เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ได้เข้ายื่นร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงลงประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการชุมนุมธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายกลุ่ม มหาวิทยาลัย พร้อมยื่น 10 ข้อเสนอเพื่อปฏิรูปสถาบันฯ เพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ” พิธีกรกล่าวถึงความสำคัญ ของวันที่ 1 สิงหาคม
จากนั้น กล่าวแนะนำกิจกรรมภายในงาน ซึ่งมีการจัดนิทรรศการเพื่อรำลึกถึงการชุมนุมและเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งมีซุ้ม องค์กรส่งเสริมประชาธิไตย เช่น ไอลอว์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) และ DRG รวมถึงซุ้มแจกหนังสือจากสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน แจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
โดยกิจกรรมแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงพูดคุยบอกเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นการชุมนุม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 และการเคลื่อนไหวทางการมองในช่วงปีต่อมา โดยมีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ได้แก่ นายณัฐชนน ไพโรจน์ ในฐานะแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ หรือบิ๊ก นักศึกษาและสมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และ น.ส.อันนา อันนานนท์ หรืออันนา กลุ่มนักเรียนเลว ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง
ตามด้วยการเสวนาวิชาการในหัวข้อ ‘พัฒนาการประชาธิปไตยกับการเมืองไทย’ โดยมี รศ.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นายอุเชนทร์ เชียงเสน อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมตีแผ่ความสัมพันธ์ของสถาบันฯ กับสังคมไทย และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
จากนั้น ต่อด้วยการฉายวีดิทัศน์รำลึกเหตุการณ์การชุมนุมต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย ไปจนถึงการแสดงดนตรี โดย TU Band และวงสามัญชน โดยกิจกรรมจะดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณ 21.00 น.
อนุสรณ์ ตอก ประยุทธ์ หยุดฉวยโอกาส แต่งตั้งผู้นำเหล่าทัพ ชี้เป็นหน้าที่ รัฐบาลใหม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7807936
“อนุสรณ์” ตอก “ประยุทธ์” ฉวยโอกาส ภาวะสุญญากาศ แต่งตั้งผู้นำเหล่าทัพ ชี้เป็นหน้าที่ รัฐบาลใหม่ หยุดหาประโยชน์ให้ตัวเอง-พวกพ้อง แซะ “ปากบอกวางมือ แต่ใจคิดวางคน”
10 ส.ค. 66 – นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์การตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า ในขณะที่ พรรคพท.กำลังเดินหน้ารวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อย่าอาศัยสถานการณ์ในช่วงภาวะสุญญากาศ หาประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ ที่ประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว อย่าให้ใครตำหนิได้ว่า “ปากบอกวางมือ แต่ใจคิดวางคน” โดยมารยาท ความชอบธรรมและข้อกฎหมาย ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเตรียมการแต่งตั้งปลัดกระทรวง รวมถึงผู้นำเหล่าทัพ
ควรปล่อยให้รัฐบาลใหม่ ได้เข้ามาบริหารจัดการเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อให้สอดรับกับการผลักดันนโยบายของรัฐบาลใหม่ เพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤต
พล.อ.ประยุทธ์ พูดอะไรไว้แล้ว ช่วยทำให้จริงสักเรื่อง ในอดีตบอกว่า จะไม่ทำปฏิวัติรัฐประหารก็ทำ บอกว่าวางมือก็ต้องวางมือจริงๆ
“ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ และคณะสืบทอดอำนาจไม่ควรฉวยโอกาสซ้ำเติมวิกฤตประเทศ” นายอนุสรณ์ กล่าว